ปัญหาบัตรเครดิตปลอมเป็นปัญหาที่เกิดขึ้นในทั่วโลกรวมทั้ง ประเทศไทยซึ่งเกิดขึ้นในหลายจังหวัดของประเทศ โดยใช้วิธีการหลากหลายในการขโมยข้อมูลต่างๆ เช่น การแจ้งบัตรหายหรือบัตรถูกขโมย แล้วกลับนำบัตรไปใช้ในการทุจริต หรืออาจมีการปลอมแปลงเอกสารการสมัครเป็นชื่อบุคคลอื่นแล้วนำบัตรดังกล่าวไปใช้ ที่พบเจอมากที่สุดก็คือ การใช้เทคโนโลยีสมัยใหม่ โดยคัดลอกข้อมูลในบัตรและปลอมบัตรใหม่ไปใช้
ซึ่งจากปัญหาดังกล่าวหน่วยปฏิบัติการวิจัยเทคโนโลยีโฟโทนิกส์ ศูนย์เทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์แห่งชาติ (เนคเทค) นำโดย ดร.ศรัณย์ สัมฤทธิ์เดชขจร และ นายยุทธนา อินทรวันณี จึงได้วิจัยพัฒนา "เครื่องตรวจสอบบัตรเครดิตปลอม" โดยวาดหวังว่าอุปกรณ์ดังกล่าวจะเข้ามาช่วยป้องกันปัญหาที่ถือเป็นอาชญากรรมข้ามชาติที่สำคัญ
โดยดร.ศรัณย์ สัมฤทธิ์เดชขจร ผู้อำนวยการฝ่าย หน่วยปฏิบัติการวิจัยเทคโนโลยีโฟโทนิกส์ เนคเทค กล่าวว่า เครื่องตรวจสอบบัตรเครดิตปลอม" เป็นอีกนวัตกรรมหนึ่งจากผลงานวิจัยของหน่วยปฏิบัติการวิจัยเทคโนโลยีโฟโทนิกส์ ที่ได้ผสมผสานความรู้ทางด้านแสง อิเล็กทรอนิกส์ และ ซอฟต์แวร์ เข้าด้วยกัน โดยมีความสามารถตรวจสอบตัวบัตรเครดิตได้ว่าเป็นบัตรเครดิตจริงหรือปลอม โดยไม่ต้องตรวจสอบข้อมูลที่เก็บอยู่ในภายในแถบแม่เหล็กหรือชิป ทำให้ปราศจากข้อกังวลในเรื่องการละเมิดข้อมูลส่วนบุคคล สำหรับวิธีการตรวจสอบ คือ เมื่อเสียบบัตรเครดิตเข้าไป เครื่องจะแสดงแสงเลเซอร์สีเขียว โดยมีวิธีการสังเกต คือ ถ้าเป็นบัตรจริง เครื่องจะแสดงตัวอักษรภาษาอังกฤษขึ้นในช่องแสดงผล แต่ถ้าเป็นบัตรปลอมจะไม่แสดงตัวอักษรใดๆทั้งสิ้น โดยใช้เวลาเพียง 0.5 วินาที
สำหรับลักษณะเด่นของเครื่องตรวจสอบบัตรเครดิต คือ ขนาดกะทัดรัด ใช้งานง่าย ประหยัดพลังงานการใช้งาน: เพียง เปิดเครื่อง จากนั้นเสียบบัตรเครดิตที่ต้องการตรวจสอบเข้าช่องเสียบบัตร แล้วสังเกตหน้าจอแสดงผล หลังจากที่ระบบประมวลผลเสร็จ ตัวอักษรสีเขียวจะปรากฏบนหน้าจอสำหรับกรณีบัตรเครดิตที่ตัวบัตรเป็นของจริง แต่จะปรากฏเพียงแถบสีเขียวหรือหน้าจอว่างกรณีที่ตัวบัตรเป็นของปลอม ทั้งนี้ได้จดสิทธิบัตรคุ้มครอง และมีผลการทดสอบที่เป็นที่ยอมรับในวงการวิชาการระดับสากลในวารสารวิชาการ Applied Optics เดือน ธันวาคม 2552 และ กุมภาพันธ์ 2553
โดยเครื่องตรวจบัตรเครดิตรุ่นนี้ได้ผ่านการทดสอบในงานแสดงสินค้า ComMart โดยเนคเทค และ บริษัท บัตรกรุงไทย จำกัด (KTC) มาแล้ว ปัจจุบันหน่วยงานตรวจสอบบัตรเครดิตของบริษัท บัตรกรุงไทย จำกัด(มหาชน) และของธนาคารไทยพาณิชย์ได้มีเครื่องรุ่นนี้ไว้ใช้แล้ว นอกจากนี้ยังได้ขายสิทธิ์การผลิตให้แก่บริษัท นิวเวฟไอเดียส์ จำกัด เพื่อต่อยอดในเชิงพาณิชย์ต่อไป ซึ่งเบื้องต้นบริษัทดังกล่าวได้ดำเนินการผลิตเครื่องออกมาจำหน่ายในราคาประมาณ 8,000 บาท
ดร.ศรัณย์ กล่าวต่อไปอีกว่าบัตรเครดิตทั้งของ VISA และ MasterCard มีเอกลักษณ์ที่สามารถสังเกตได้ด้วยตาเปล่าสำหรับใช้จำแนกบัตรเครดิตจริงออกจากบัตรเครดิตปลอมอยู่ 5 ตำแหน่ง คือ ชื่อผู้ถือบัตร และ ตัวเลข 16 หลัก ซึ่งบ่งบอกชนิดของบัตร และ หน่วยงานที่เป็นผู้ออกบัตรให้ , สัญลักษณ์ของบัตรเครดิต เช่น VISA และ MasterCard ที่มีเอกลักษณ์ของตัวเอง, บริเวณเก็บข้อมูล เช่น แถบแม่เหล็ก และ ชิป รวมไปถึงตัวเลข 3 หลัก ที่อยู่ด้านหลังบัตรเครดิต,ฮอโลแกรม หรือ รูปที่พิมพ์อยู่บนแถบโลหะ ซึ่งสามารถเปลี่ยนสีหรือรูปร่างไปมาได้เมื่อมุมของการสังเกตหรือมุมของแสงเปลี่ยนไป สำหรับบัตร VISA จะเป็นรูปนก ส่วนบัตร MasterCard จะเป็นรูปลูกโลก และภาพเรืองแสงบนตัวบัตรเมื่อมีแสงแบล็กไลต์ส่องไปยังตัวบัตร
อย่างไรก็ตามด้วยความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีสารสนเทศได้ส่งผลให้เอกลักษณ์ที่ปรากฏอยู่บนตัวบัตรเครดิตปลอมเช่นกัน เพียงแต่ส่วนใหญ่จะมีรายละเอียดในระดับไมโครเมตรหรือนาโนเมตรที่แตกต่างกันออกไป ซึ่งเกินความสามารถของตามนุษย์ที่จะแยกแยะความแตกต่างได้ เนื่องจากแสงมีความถี่สูง หรือ ความยาวคลื่นต่ำ ในระดับนาโนเมตร เครื่องตรวจบัตรเครดิตที่ใช้การผสมผสานความรู้สามแขนงเข้าด้วยกันตามที่ได้อธิบายข้างต้น จึงสามารถแยกแยะความแตกต่างเบื้องต้นและแสดงให้เห็นได้ว่าตัวบัตรเครดิตที่กำลังตรวจสอบนั้นเป็นของจริงหรือของปลอม
ที่มา: thannews.th.com