ต้องยอมรับว่าปี 2553 ตลาดสมาร์ทโฟนในไทยกำลังช่วงขาขึ้นอย่างมาก โอกาสทางธุรกิจจึงเกิดตามมาเพียบ ไม่เว้นแม้แต่ขาใหญ่ในวงการค้าส่งสินค้า ไอที ที่เริ่มมองเห็นโอกาสชิงเค้กในสนาม ค้าส่งสมาร์ทโฟนเช่นกัน เพื่อสร้างโอกาสทางธุรกิจใหม่ ๆ เคียงคู่กับตลาดไอที ที่กำไรเริ่มไม่หวือหวาเหมือนเดิม
ยักษ์ค้าส่งไอทีรายล่าสุดที่ประกาศ เข้าสู่ธุรกิจจำหน่ายสมาร์ทโฟน คือ บริษัท ซินเน็ค (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ดิสทริบิวเตอร์รายใหญ่ระดับท็อปทรีของประเทศ "สุพันธุ์ มงคลสุธี" ประธานกรรมการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ของซินเน็ค กล่าวว่า บริษัทได้ตั้งทีมงานฝ่ายขายและฝ่ายการตลาดขึ้นมาใหม่สำหรับดูแลการจำหน่ายสมาร์ทโฟน โดยเฉพาะ ภายใต้ชื่อกลุ่มคอมมูนิเคชั่น ดีไวซ์ ซึ่งเพิ่งเริ่มก่อตั้งเมื่อเดือนที่ผ่านมา ซึ่งปัจจุบันซินเน็คเป็นตัวแทนจำหน่าย "แบล็คเบอร์รี่" ให้กับทรูมูฟ เพื่อกระจายสินค้าในช่องทางค้าปลีกไอทีเครือข่ายของ ซินเน็ค และสมาร์ทโฟนของเอเซอร์ด้วย ขณะเดียวกันบริษัทยังเปิดกว้างให้กับ แบรนด์สมาร์ทโฟนรายอื่น ๆ
"สาเหตุที่เพิ่มสินค้าสมาร์ทโฟนเพราะเห็นโอกาสทางธุรกิจจากเครือข่าย 3จี ที่กำลังจะเกิดขึ้น ซึ่งตนเชื่อว่าจะทำให้คนหันมาใช้สมาร์ทโฟนมากขึ้น ต่อไปราคาสินค้าถูกลงอีก แอปพลิเคชั่นมีบทบาท มากขึ้น ตลาดมือถือจะพลิกโฉมอีกครั้งหนึ่ง ทำให้มีโอกาสทางธุรกิจ"
นอกจากนี้บริษัทยังได้รับการผลักดันจากผู้ให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ด้วย เช่น ทรู ที่ต้องการเพิ่มช่องทางการขายในฝั่งร้านไอทีมากขึ้น นอกจากช่องทางจำหน่ายฝั่งมือถือที่ทรูแข็งแกร่งอยู่แล้ว หรือเอเซอร์ที่มีนโยบายรุกตลาดสมาร์ทโฟนอย่างจริงจังและทุ่มงบประมาณจำนวนมากเพื่อโฟกัส ที่ธุรกิจนี้
ประธานซินเน็คยอมรับว่า
การเป็นตัวแทนจำหน่ายสมาร์ทโฟนของบริษัทอาจจะ "ช้า" กว่าคู่แข่ง แต่ทั้งนี้ ซินเน็คในต่างประเทศมีประสบการณ์การทำธุรกิจมือถือมาก่อน เช่น ซินเน็คในจีน เป็นพาร์ตเนอร์รายใหญ่ในการจำหน่าย มือถือโนเกีย และซินเน็คไต้หวัน มีส่วนแบ่งตลาดในการจำหน่ายมือถือ ด้วยส่วนแบ่ง 30-40% ทำให้มีความรู้ในการบริหารจัดการและการบริการธุรกิจมือถือได้ และคาดว่ากลุ่มสินค้าสมาร์ทโฟนจะสร้างการ รับรู้รายได้ให้กับบริษัทภายในไตรมาส 4 ปีนี้ และคาดว่าในปีหน้าจะสามารถทำยอดขายได้ประมาณ 20-30 ล้านบาทต่อเดือน
ก่อนหน้านี้ บริษัท เอสไอเอส ดิสทิบิวชั่น (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ได้เข้ามาบุกตลาดสมาร์ทโฟนอย่างจริงจัง ด้วยการเป็นตัวแทนจำหน่ายสมาร์ทโฟนของ "เอชทีซี" แต่เพียงผู้เดียวในประเทศไทย นอกจากนี้ยังได้ตั้งบริษัท คิวดิสท์ จำกัด เพื่อมาเป็นตัวแทนจำหน่ายสมาร์ทโฟน โดยเฉพาะ ซึ่งปัจจุบันก็เป็นตัวแทนจำหน่ายสมาร์ทโฟนของการ์มิน-อัสซุส และเอเซอร์ อย่างไรก็ตามขณะนี้เอสไอเอสได้เปลี่ยนชื่อ คิวดิสท์ เป็นบริษัท คูล ดิสทริบิวชั่น (ประเทศไทย) จำกัด
"สมชัย สิทธิชัยศรีชาติ" กรรมการ ผู้จัดการ บริษัทเอสไอเอสฯ กล่าวว่า คูลฯยังมีการเจรจากับผู้ผลิตสมาร์ทโฟนอีกหลายราย เพราะเป้าหมายของบริษัทคือการเป็นผู้จัดจำหน่ายสมาร์ทโฟนทุกแบรนด์ เช่นเดียวกับที่เอสไอเอสเป็นตัวแทนจำหน่ายโน้ตบุ๊กทุกแบรนด์ในตลาด เพราะบริษัทมองว่าตลาดสมาร์ทโฟนมีโอกาสและศักยภาพในการเติบโตสูง รวมถึงในส่วนของไอโฟนและแบล็คเบอร์รี่ ซึ่งทางบริษัทแม่จะเป็นผู้ดำเนินการเพื่อเจรจาขอสิทธิการทำตลาดใน 3 ประเทศ คือสิงคโปร์ มาเลเซีย และไทย ซึ่งจะทำให้มีศักยภาพ ในการเจรจามากขึ้น
ด้านนายสุพันธุ์ยังฉายภาพตลาดรวม ไอทีว่า ปี 2553 ตลาดไอทีน่าจะมีการเติบโตประมาณ 8-10% เพราะตลาดไอทีเริ่มทับซ้อนกับตลาดอื่น ๆ เช่น ตลาดสินค้ากลุ่มภาพและเสียง กลุ่มใช้งานออฟฟิศ กลุ่มสินค้าจัดเก็บข้อมูล เป็นต้น ทำให้ตลาดขยายตัวมากขึ้น บวกกับการลงทุนของ ภาคเอกชนที่เกิดขึ้นในช่วงครึ่งปีหลัง เช่น การขยายสาขาของธนาคาร การซื้อสินค้าทดแทน เป็นต้น
โดยปีนี้ "ซินเน็ค" คาดว่าจะมีรายได้ประมาณ 1.5 หมื่นล้านบาท เติบโตมากกว่าปีที่ผ่านมาไม่ต่ำกว่า 15% จากปีที่ผ่านมามีรายได้ 1.34 หมื่นล้านบาท ปัจจัยหลักมาจากบริษัทเป็นผู้แทนจำหน่ายให้กับแบรนด์สินค้ารายใหม่ ๆ มากขึ้น เช่น กลุ่มสินค้า เอเซอร์ทุกประเภท ยกเว้นโน้ตบุ๊ก, โน้ตบุ๊กโตชิบา เครื่องพิมพ์บราเดอร์ เป็นต้น โดยครึ่งปีแรกบริษัทสามารถทำยอดขายได้ 7.5 พันล้านบาท ส่วนใหญ่มาจากกลุ่มสินค้าประเภทคอมพิวเตอร์เป็นหลัก ขณะที่สินค้ากลุ่มเครื่องพิมพ์และจอแอลซีดีลดลง
ที่มา: prachachat.net