ไทยคมเผยธุรกิจดาวเทียมครึ่งปีหลังยังฉลุย ความต้องการตลาดยังพุ่งต่อเนื่อง-ตลาดใหม่ในแอฟริกา เชื่อปัญหาสัมปทานไม่กระทบธุรกิจ
ไทยคมเผยธุรกิจดาวเทียมครึ่งปีหลังยังฉลุย ความต้องการตลาดยังพุ่งต่อเนื่อง-ตลาดใหม่ในแอฟริกา ทั้งพฤติกรรมผู้บริโภคเปลี่ยน เน้นช่องเฉพาะด้าน เชื่อปัญหาสัมปทานไม่กระทบธุรกิจ ยันทำตามกฎระเบียบรัฐทุกขั้นตอน พร้อมแจงลูกค้าเข้าใจ ขณะที่ยอดขายจานเหลืองยังแรง คาดแตะ 1 ล้านจานปีนี้
นางสาวนงลักษณ์ พินัยนิติศาสตร์ กรรมการผู้อำนวยการ บมจ. ไทยคม กล่าวว่า ภาพรวมอุตสาหกรรมดาวเทียมในช่วงครึ่งปีหลัง คาดว่าจะยังเติบโตได้ดี ซึ่งเป็นไปในทิศทางเดียวกับผู้ประกอบการรายอื่นๆ ซึ่งยังคงมีอัตราการขยายตัวต่อเนื่อง แม้เศรษฐกิจไม่ดี
ทั้งนี้ คาดว่าเป็นเพราะความต้องการใช้งานดาวเทียมทั่วโลก โดยเฉพาะแถบแอฟริกา ซึ่งกำลังขยายตัวเร็วที่สุด เพื่อนำไปให้บริการอินเทอร์เน็ตผ่านดาวเทียม รวมถึงตลาดใหญ่ในเอเชีย ซึ่งไทยคมมีลูกค้าหลายประเทศ เช่น ฟิลิปปินส์ และมาเลเซีย รวมถึงออสเตรเลีย และนิวซีแลนด์
"ตลาดยังต้องการใช้ดาวเทียมสูงขึ้น เพาะนอกเหนือจากการใช้ส่งสัญญาณอินเทอร์เน็ตผ่านดาวเทียมแล้ว ภาคเอกชนก็ต้องการใช้ดาวเทียมเพื่อเชื่อมโยงสถานีฐานของมือถือสำหรับให้บริการ นอกจากนี้ ยังมีกลุ่มกิจการวิทยุกระจายเสียง และวิทยุโทรทัศน์ ที่เริ่มมีรายการต่างๆ เพิ่มมากขึ้น เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าที่ต้องการช่องเฉพาะด้านมากขึ้น โดยปัจจุบันไอพีสตาร์ หรือไทยคม 4 ใช้งานไปแล้วมากกว่า 50%"
พร้อมกับยืนยันว่า บริษัทดำเนินธุรกิจทุกอย่างตามขั้นตอนตามที่รัฐกำหนด ซึ่งไม่ส่งผลกระทบต่อการให้บริการลูกค้า แต่ก็มีลูกค้าบางส่วนที่มีคำถามต่อกรณีปัญหาสัมปทานดาวเทียมของไทยคม ซึ่งบริษัทต้องชี้แจง และสื่อสารให้เข้าใจ
อย่างไรก็ตาม ก็ยังไม่ส่งผลกระทบเชิงลบต่อภาพรวม ซึ่งปัจจุบันบริษัทยังมีลูกค้าใช้บริการส่วนใหญ่ในประเทศราว 90% และลูกค้าตลาดต่างประเทศราว 10%
"ทุกอย่างที่ผ่านมา เราก็ขออนุมัติกับกระทรวงทุกขั้นตอน เข้าใจว่าตอนนี้กระทรวงก็ยังอยู่ในช่วงศึกษา เพราะยังไม่เห็นแจ้งอะไรที่ชัดเจนมาให้เรา ซึ่งถ้าทางกระทรวงมองว่าเราต้องปรับปรุง หรือทำอะไรก็ต้องทำตามนั้น แต่ก็เป็นเรื่องของกฎระเบียบราชการ ซึ่งเดิมบอก 1 และ 2 อนุมัติ พอเวลาเปลี่ยนสิ่งที่เคยว่าถูกในอดีตอาจไม่ใช่แล้ว แต่ก็ต้องเข้าใจว่ามันไม่ได้เกี่ยวกับกฎกระทรวงอย่างเดียว แต่ยังมีส่วนที่มีคลังเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย ปัจจุบันก็มีคำถามจากลูกค้า หรือนักลงทุนที่เราก็ชี้แจง และสื่อสารให้เข้าใจ แต่ในแง่ความเชื่อมมั่นคงยังไม่เป็นปัญหาในตอนนี้"
พร้อมกับยังคาดว่าภายในสิ้นปีจะสามารถทำยอดขายจานรับสัญญาณ "ดีทีวี" ได้มากกว่า 7 แสนถึง 1 ล้านเครื่อง เนื่องจากราคาเป็นเจ้าของได้ และผู้ใช้เริ่มเปลี่ยนจากเสาก้างปลาเป็นจานรับสัญญาณดาวเทียมมากขึ้น
ที่มา: bangkokbiznews.com