แม้ว่าไอโฟน บีบี หรือแอนดรอยด์จะร้อนแรงเพียงใด แต่เชื่อว่า คนไทยส่วนใหญ่ของประเทศ ยังคงต้องการมือถือสักเครื่อง ราคา เหมาะสมกับเงินในกระเป๋า และแน่นอนต้องมาพร้อมฟังก์ชั่นการใช้งานเบื้องต้นที่โดนใจและสามารถสนองความต้องการ ได้ด้วย
โดยเฉพาะมือถือราคาไม่เกิน 4 พันบาท ซึ่งถูกเรียกว่าเป็นสินค้ากลุ่มโลว์เอนด์ ที่ครองสัดส่วนในตลาดกว่า 65-70% ของมือถือที่จำหน่ายทั้งหมดเฉลี่ย 8-9 แสนเครื่องต่อเดือน ทำให้ผู้ค้ามือถือต้องให้ความสนใจและแข่งขันพัฒนาสินค้ามาจับตลาด
โดยวิธีส่วนใหญ่จะนำเทคโนโลยีที่มีเฉพาะสินค้าระดับกลางถึงบน มาใส่ในมือถือระดับล่างมากขึ้น เช่น คุณสมบัติหน้าจอสัมผัส, คีย์บอร์ด QWERTY เพื่อสร้างมูลค่าให้กับสินค้าและเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน
"สิทธิโชค นพชินบุตร" หัวหน้าฝ่าย การตลาดธุรกิจโทรคมนาคม บริษัท ไทยซัมซุงอิเลคทรอนิคส์ จำกัด กล่าวกับ "ประชาชาติธุรกิจ" ว่า เป็นเวลามากกว่า 3 ปีแล้ว ที่ภาพรวมตลาดมือถือไทยราคาต่ำกว่า 4 พันบาท มีสัดส่วนประมาณ 70% ของตลาดรวมมือถือทั้งหมด ขณะที่มีมูลค่าประมาณ 40% ของตลาด ถือเป็นตลาดขนาดใหญ่และมีการแข่งขันรุนแรงจากผู้เล่นแบรนด์ต่าง ๆ ทั้งด้านราคาและคู่แข่งขันรายใหญ่ในตลาด รวมถึงแบรนด์จากจีน เฮาส์แบรนด์ ทำให้ทุกแบรนด์ให้ความสนใจและผลิตสินค้าออกสู่ตลาดจำนวนมาก
รวมถึงซัมซุงที่ต้องให้ความสนใจในตลาดโลว์เอนด์เช่นกัน เพราะส่วนหนึ่งต้องการปูพื้นฐานการใช้งานเทคโนโลยี ใหม่ ๆ เข้าถึงผู้ใช้งานระดับล่างมากขึ้น เพื่อให้ลูกค้ารู้จักและเรียนรู้ ก่อนที่ขยับซื้อมือถือรุ่นราคาสูงขึ้นในอนาคต
สำหรับครึ่งปีหลังบริษัทเตรียมวางจำหน่ายมือถือรุ่นโลว์เอนด์ ต่ำกว่า 4 พันบาท จำนวน 10-15 รุ่น จากมือถือทั้งหมดที่วางแผนจะเปิดตัว 20-30 รุ่น โดยปลายเดือน ก.ค.ที่ผ่านมาซัมซุงได้เปิดตัวมือถือรุ่น C330 หรือซัมซุง "Champ" มือถือทัชโฟน รองรับการใช้โซเชียลเน็ตเวิร์ก ราคา 2,990 บาท เป็นมือถือทัชโฟนที่ราคาถูกที่สุดของซัมซุง และเป็นสินค้าไฮไลต์ของกลุ่มราคาต่ำกว่า 4 พันบาทช่วงครึ่งปีหลัง จากเดิมมีทัชโฟนรุ่นซัมซุง One ราคาจะอยู่ที่ 3,600 บาท
บริษัทจะใช้รุ่น Champ ขยายตลาดทัชโฟนและเจาะตลาดแมสทั่วประเทศ ซึ่งคาดว่ายอดขายจะสูงกว่าซัมซุง One ถึง 2-3 เท่าตัว จากปกติรุ่น One มียอดขายหลักหมื่นเครื่องต่อเดือน
ขณะที่สินค้าโลว์เอนด์รุ่นอื่น ๆ ที่ได้รับความนิยม เช่น รุ่น E1150 ราคา 1,090 บาท และรุ่นแคนดี้ TXT ซึ่งมียอดขายระดับหมื่นเครื่องต่อเดือน นอกจากนี้ยังมีตระกูล Shark รุ่น E1175T ราคา 1,090 บาท, Shark Slide S3550 ราคา 3,100 บาท, ตระกูล Monte เช่น รุ่น Monte Bar C3200 ราคา 2,990 บาท Monte Slider E2550 ราคา 2,490 บาท เป็นต้น
นอกจากนี้มีรายงานข่าวว่า "แอลจี" คู่แข่งจากแดนเกาหลีเตรียมปล่อยทัชโฟนราคาไม่ถึง 3 พันบาท เข้าสู่ตลาดเช่นกัน ช่วงปลายไตรมาส 3 นี้ เพื่อสู้ศึกเพื่อนร่วมชาติ ซัมซุง
โดยล่าสุดแอลจีเปิดตัวมือถือรุ่นแอลจี (GD350) Toffee มือถือฝาพับ สีสันสดใส ราคา 2,990 บาท เจาะตลาดวัยรุ่น และ รุ่น GU 280 Popcorn มือถือหน้าจอสไลด์ รองรับ 3G กล้อง VGA ราคา 2,990 บาท รวมถึงเดินหน้าโหมโปรโมตมือถือกลุ่มทัชโฟนที่รองรับการใช้งานโซเชียลเน็ตเวิร์ก รุ่น Cookie Fresh ราคา 3,990 บาท และ Cookie Plus 3G ราคา 5,990 บาท
ด้านเจ้าตลาด "โนเกีย" เสริมความแข็งแกร่งในตลาดโลว์เอนด์ด้วย รุ่น C1-00 จอสี ราคาประมาณ 1,185 บาท ไปจนถึงรุ่น C1-01 มีกล้อง VGA และวิทยุ FM รุ่น C1-02 มีกล้องวิทยุ บลูทูท และรองรับโอวี่เมล์ และรุ่น C2 ราคาไม่เกิน 2 พันบาท และยังมีรุ่น C3 ประเภทคีย์บอร์ด QWERTY ราคา 3,900 บาท ถือเป็นมือถือคีย์บอร์ด QWERTY ราคาถูกที่สุดของโนเกีย จากเดิมราคาต่ำสุดอยู่ที่รุ่น E63 ราคาประมาณ 6,000-7,000 บาท
"ไพโรจน์ ถาวรสภานันท์" รองกรรมการผู้จัดการจากทีจีโฟนบอกว่า เป็นธรรมชาติของตลาดครึ่งปีหลังที่แบรนด์ส่วนใหญ่จะโหมสินค้ารุ่นใหม่ออกสู่ตลาด โดยกลุ่มสินค้าราคาไม่ถึง 4 พันบาทนั้นมีหลายแบรนด์เตรียมพร้อมจ่อคิวสินค้าเข้าสู่ตลาด หลังจากโดนมือถือเฮาส์แบรนด์ตีตลาดช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมา ทำให้ปี 2010 หลายแบรนด์จึงวางแผนและพร้อมนำสินค้าเข้าสู่ตลาดช่วงปลายปี
"หากอินเตอร์แบรนด์มีสินค้าราคาไม่เกิน 4 พันบาทเข้าสู่ตลาด ไม่ว่าจะเป็นโนเกีย ซัมซุง หรือแอลจี จะกระทบเฮาส์แบรนด์อย่างแรง และเห็นภาพชัดในช่วงไตรมาส 4 พร้อมกับไล่ราคาของเฮาส์แบรนด์ให้ต่ำลงอยู่ไม่เกิน 2.2 พันบาท" นายไพโรจน์กล่าว
ที่มา: prachachat.net