Author Topic: การติดตั้งและโครงสร้างรองรับท่อลมร้อน ที่ควรมี  (Read 49 times)

0 Members and 1 Guest are viewing this topic.

Offline siritidaporn

  • Pro Member
  • *
  • Posts: 965
  • Karma: +0/-0

การติดตั้งและโครงสร้างรองรับท่อลมร้อน ที่ควรมี

การติดตั้งและโครงสร้างรองรับท่อลมร้อนเป็นองค์ประกอบสำคัญที่ต้องได้รับการออกแบบและดำเนินการอย่างพิถีพิถัน เพื่อให้ระบบท่อทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ปลอดภัย และมีอายุการใช้งานที่ยาวนานในโรงงานอุตสาหกรรมครับ

หลักการสำคัญในการติดตั้งท่อลมร้อน

การจัดแนวและระดับ (Alignment & Leveling):

ท่อควรได้รับการติดตั้งให้มีแนวตรงและอยู่ในระดับที่ถูกต้องตามแบบที่กำหนด เพื่อให้การไหลของอากาศเป็นไปอย่างราบรื่น ลดการสูญเสียแรงดัน และป้องกันการสะสมของสิ่งปนเปื้อนหรือการควบแน่น
การตรวจสอบด้วยระดับน้ำและเครื่องมือวัดแนวเป็นสิ่งสำคัญ


การซีลรอยต่อ (Sealing of Joints):

รอยต่อทั้งหมดของท่อลมร้อนต้องถูกซีลอย่างสมบูรณ์ด้วยวัสดุซีล (Sealants) หรือปะเก็น (Gaskets) ที่ทนความร้อนสูง เพื่อป้องกันการรั่วไหลของอากาศร้อน ซึ่งนำไปสู่การสูญเสียพลังงานและประสิทธิภาพของระบบ
วัสดุซีลต้องเข้ากันได้กับอุณหภูมิและสารเคมีที่อาจมีอยู่ในกระแสลม


การจัดการการขยายตัวและหดตัวจากความร้อน (Thermal Expansion & Contraction Management):

ท่อโลหะจะมีการขยายตัวเมื่อร้อนและหดตัวเมื่อเย็นลง การออกแบบและติดตั้งต้องมี ข้อต่อขยายตัว (Expansion Joints) ในตำแหน่งที่เหมาะสม เพื่อรองรับการเคลื่อนตัวนี้และป้องกันแรงเค้นที่อาจเกิดขึ้นกับท่อและโครงสร้างรองรับ
ระบบรองรับท่อบางชนิด (เช่น สลิงแบบแขวน, จุดยึดแบบเลื่อน) ก็ถูกออกแบบมาเพื่อรองรับการเคลื่อนที่นี้ได้


ความปลอดภัยจากอัคคีภัย (Fire Safety Integration):

ระยะห่างจากวัสดุติดไฟ (Clearances to Combustibles): ต้องรักษาให้มีระยะห่างที่ปลอดภัยระหว่างท่อลมร้อนกับวัสดุที่ติดไฟได้ตามมาตรฐาน (เช่น NFPA 90A)
แดมเปอร์กันไฟ/ควัน (Fire/Smoke Dampers): ติดตั้งแดมเปอร์ที่ได้รับการรับรองเมื่อท่อทะลุผ่านผนังหรือพื้นกันไฟ เพื่อป้องกันการแพร่กระจายของไฟและควัน
การปิดช่องว่าง (Firestopping): ช่องว่างที่ท่อทะลุผ่านโครงสร้างกันไฟต้องถูกปิดผนึกด้วยวัสดุกันไฟที่เหมาะสม


การหุ้มฉนวนกันความร้อน (Thermal Insulation):

ท่อลมร้อนเกือบทั้งหมดจะต้องมีการหุ้มฉนวนเพื่อลดการสูญเสียความร้อน
ฉนวนต้องมีคุณสมบัติทนอุณหภูมิสูง, ไม่ติดไฟ, และมีความหนาเพียงพอตามการคำนวณ
การติดตั้งฉนวนต้องแน่นหนา ไม่หลุดลอกง่าย และมีการป้องกันความชื้น (Vapor Barrier) หากจำเป็น


การลดการสั่นสะเทือนและเสียง (Vibration & Noise Isolation):

หากมีพัดลมหรืออุปกรณ์ที่สร้างแรงสั่นสะเทือน ควรติดตั้ง ข้อต่ออ่อนตัว (Flexible Connectors) หรือ อุปกรณ์ลดการสั่นสะเทือน (Vibration Isolators) ระหว่างพัดลมกับท่อลม และที่จุดรองรับ เพื่อป้องกันการส่งผ่านแรงสั่นสะเทือนและลดเสียงรบกวน
โครงสร้างรองรับท่อลมร้อนที่ควรมี
โครงสร้างรองรับท่อลมร้อนจะต้องแข็งแรง ทนทาน และเหมาะสมกับน้ำหนักของท่อ สภาพแวดล้อม และรูปแบบการติดตั้ง

ประเภทของอุปกรณ์รองรับหลัก:

ที่แขวน (Hangers): ใช้สำหรับแขวนท่อจากโครงสร้างด้านบน

Rod Hangers (ที่แขวนแบบแกน/คาน): นิยมใช้มากที่สุด ประกอบด้วยแท่งเกลียว (Threaded Rod) ยึดกับโครงสร้างด้านบน และตัวยึดท่อ (Duct Clamp)
Strap Hangers (ที่แขวนแบบสายรัด): ใช้สายรัดโลหะหรือวัสดุที่แข็งแรงและทนไฟ มารัดรอบท่อและยึดกับโครงสร้าง เหมาะสำหรับท่อที่มีน้ำหนักไม่มากนัก หรือสำหรับยึดฉนวน
Trapeze Hangers (ที่แขวนแบบคานขวาง): ใช้คานเหล็กขวาง (Trapeze) รองรับท่อหลายเส้นหรือท่อขนาดใหญ่กว่า แล้วจึงแขวนคานนั้นจากโครงสร้างด้านบนด้วย Rod Hangers เหมาะสำหรับพื้นที่ที่มีท่อลมหลายเส้นเดินขนานกัน


ที่รองรับจากพื้น/ผนัง (Floor/Wall Supports):

Piers (ฐานรองรับ): สร้างฐานจากพื้นดินหรือพื้นอาคาร เพื่อรองรับท่อลมที่เดินในแนวราบ หรือท่อที่มีน้ำหนักมาก
Brackets (ฉากยึดผนัง): ใช้เหล็กฉากยึดติดกับผนัง เพื่อรองรับท่อลมที่เดินขนานไปกับผนัง


ที่รองรับพิเศษ (Special Supports):

Spring Hangers/Supports: ใช้สำหรับระบบที่ต้องการการเคลื่อนตัวของท่อเนื่องจากการขยายตัวหดตัว หรือเพื่อลดแรงสั่นสะเทือน
Rollers/Slide Plates: ใช้สำหรับท่อที่ต้องการเคลื่อนที่ในแนวราบเมื่อเกิดการขยายตัว โดยท่อจะวางอยู่บนลูกกลิ้งหรือแผ่นเลื่อน


ข้อควรพิจารณาสำหรับโครงสร้างรองรับ:

วัสดุของโครงสร้างรองรับ: ต้องเป็นวัสดุที่ไม่ติดไฟและทนความร้อนสูง เช่น เหล็ก, สเตนเลสสตีล เพื่อไม่ให้เป็นจุดอ่อนเมื่อเกิดเพลิงไหม้
การคำนวณน้ำหนักและการกระจายน้ำหนัก: ต้องมั่นใจว่าอุปกรณ์รองรับมีพิกัดน้ำหนักที่สูงกว่าน้ำหนักรวมของท่อและฉนวนอย่างน้อย 25% และมีการกระจายน้ำหนักลงบนโครงสร้างอาคารอย่างสม่ำเสมอ
ระยะห่างของจุดรองรับ (Spacing): ต้องติดตั้งอุปกรณ์รองรับตามระยะห่างที่กำหนดในมาตรฐาน (เช่น SMACNA) เพื่อป้องกันการหย่อนคล้อย, การโก่งตัว, หรือความเสียหายของท่อ
การเชื่อมต่อกับโครงสร้างอาคาร: จุดยึดโครงสร้างรองรับเข้ากับอาคาร (เช่น การยึด Bolt เข้ากับคาน/เสาคอนกรีต, การเชื่อมเข้ากับโครงเหล็ก) ต้องแข็งแรงและเป็นไปตามข้อกำหนดทางวิศวกรรม
การป้องกันการกัดกร่อน: หากโครงสร้างรองรับอยู่ในสภาพแวดล้อมที่มีความชื้น, สารเคมี, หรือกลางแจ้ง ควรมีการเคลือบผิวป้องกันการกัดกร่อน (เช่น ชุบสังกะสี, ทาสีกันสนิม)
การรองรับฉนวน: ตัวยึดท่อควรมีขนาดใหญ่พอที่จะโอบรับทั้งท่อและฉนวนได้ และควรมีการวางแผ่นรองฉนวน (Insulation Saddles) ใต้จุดรองรับเพื่อป้องกันฉนวนถูกบีบอัดหรือเสียหาย
การปรับระดับ: ที่แขวนและที่รองรับหลายชนิดสามารถปรับระดับความสูงได้ เพื่อให้สามารถจัดแนวและระดับท่อได้อย่างแม่นยำ


การวางแผนการติดตั้งและเลือกใช้โครงสร้างรองรับที่เหมาะสม เป็นการลงทุนที่คุ้มค่าในระยะยาว เพื่อให้ระบบท่อลมร้อนทำงานได้อย่างปลอดภัย มีประสิทธิภาพ และคงทนในสภาพแวดล้อมอุตสาหกรรมครับ


 
Share this topic...
In a forum
(BBCode)
In a site/blog
(HTML)