"เพาเวอร์บาย" สร้างยอดขายกว่า 430 ล้านบาท งาน "โฮมเวิร์ค เอ็กซ์โป ครั้งที่ 6" สุดหรู ยอดผู้เข้าร่วมงานทะลุ 4 แสนราย ชี้เทรนด์จับจ่ายในงานอีเวนต์มากขึ้นกว่าหน้าร้าน ส่งผลยอดตก 5% เดินหน้าบริหารสินค้าคงคลังอย่างมีประสิทธิภาพ มั่นใจจบ 3 เดือนแรกยอดขายเติบโต 5% จากปีก่อน
นางสอางทิพย์ อมรฉัตร ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ ฝ่ายการตลาด บริษัท เพาเวอร์บาย จำกัด กล่าวกับ "ฐานเศรษฐกิจ" ว่า
เทรนด์การจับจ่ายของผู้บริโภคส่วนใหญ่ในปัจจุบัน จะใช้สอยในงานอีเวนต์มากขึ้น ส่งผลให้ยอดขายหน้าร้านช่วงเกือบ 3 เดือนแรกของปีตกลงเฉลี่ย 5% โดยดูได้จากบรรยากาศการจับจ่ายภายในงาน "โฮมเวิร์ค เอ็กซ์โป ครั้งที่ 6" ที่จบลงไปเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา พบว่าผู้บริโภคให้การตอบรับกับงานครั้งนี้มากกว่าที่ผ่านมา โดยมียอดผู้เข้าร่วมงานมากกว่า 4 แสนคน
สำหรับสินค้าที่ได้รับความสนใจจากผู้บริโภคมากที่สุดในงานคือ แอลซีดี ทีวี ซึ่งมีการจัดกิจกรรมส่งเสริมการขายร่วมกับซัพพลายเออร์ และพันธมิตรทางการเงิน ส่งผลให้ผู้บริโภคได้ซื้อหาสินค้าในราคาพิเศษ พร้อมรับของสมนาคุณ และสิทธิประโยชน์มากมาย ซึ่งลักษณะการจับจ่ายโดยรวมของผู้บริโภคภายในงานจะใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิตมากกว่า 50% เนื่องจากสิทธิประโยชน์ และโปรโมชันที่นำเสนอ ในขณะที่การใช้จ่ายผ่านเงินสดปีนี้เพิ่มขึ้นเฉลี่ย 1% หากเทียบกับงานครั้งก่อน
บริษัทมียอดขายจากการร่วมจัดงานโฮมเวิร์ค เอ็กซ์โป ครั้งนี้เฉลี่ย 50% จากยอดขายรวมกว่า 430 ล้านบาท ซึ่งความสำเร็จดังกล่าวมาจากความร่วมมือของพันธมิตรทางธุรกิจไม่ว่าจะเป็น "โฮมเวิร์ค", "ซีเอ็มจี" และผู้ร่วมค้าทุกราย รวมถึงการนำเสนอโปรโมชัน และสิทธิประโยชน์ที่โดนใจแก่ผู้บริโภค อีกทั้งความหลากหลายของสินค้าจากแบรนด์ชั้นนำ และการขยายพื้นที่เพื่อรองรับผู้เข้าร่วมงาน
"บริษัทจะให้ความสำคัญในเรื่องของการบริหารสินค้าคงคลัง ซึ่งจะโฟกัสในเรื่องของการเก็บสต๊อกสินค้าในจำนวนที่เหมาะสม เพื่อแก้ไขปัญหาเรื่องยอดขายหน้าร้านที่ตกลง เนื่องจากผู้บริโภคชะลอการจับจ่าย นอกจากนี้ บริษัทจะเน้นในเรื่องของการจัดโปรโมชันกระตุ้นกำลังซื้อ ซึ่งปริมาณความถี่ในการจัดจะขึ้นอยู่กับยอดขายบริษัทในแต่ละช่วงเวลา" นางสอางทิพย์ กล่าว
ในส่วนของภาพรวมตลาดเครื่องใช้ไฟฟ้าช่วง 3 เดือนแรกของปีมีปัจจัยในเรื่องของภาวะเศรษฐกิจเป็นตัวฉุดรั้ง ส่งผลให้ไม่มีอัตราการเติบโต โดยเฉพาะตลาดล่าง ซึ่งได้รับผลจากการเลิกจ้างงาน อย่างไรก็ตาม ผู้ประกอบการจำเป็นที่จะต้องรอดูสถานการณ์เศรษฐกิจจากภายนอก รวมถึงนโยบายการช่วยเหลือจากภาครัฐ ซึ่งบริษัทประมาณการว่า วิกฤติเศรษฐกิจจะยังคงชะลอต่อเนื่องในช่วงไตรมาส 2 และถือเป็นเรื่องยากที่จะคาดการณ์เหตุการณ์ต่างๆ ล่วงหน้า ด้านบริษัทมีการประมาณการว่ายอดขายช่วง 3 เดือนแรกของปีจะมีอัตราการเติบโตเฉลี่ย 5% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา
ทั้งนี้ หากสถานการณ์ภายนอกประเทศ โดยเฉพาะภาวะเศรษฐกิจของสหรัฐฯ เปลี่ยนแปลงไปในทิศทางที่ดีจะส่งผลเชิงบวกแก่ภาพรวมเศรษฐกิจภายในประเทศ กำลังซื้อผู้บริโภคจะกลับเข้าสู่ภาวะปกติ โดยบริษัทตั้งเป้าอัตราการเติบโตของยอดขายปีนี้ไว้ที่ 5% จากยอดขายปีก่อนที่ 11,000 ล้านบาท
ที่มา: thannews.th.com