กิจกรรมทางการตลาดส่วนใหญ่เกิดขึ้นทางออนไลน์เช่นเดียวกับการกิจกรรมอื่น ๆ ยิ่งในยุคปัจจุบัน ลูกค้าใช้เวลาหลายชั่วโมงในการใช้แพลตฟอร์มออนไลน์มากยิ่งขึ้น ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการใช้ชีวิตส่วนตัวหรือการทำธุรกิจก็ตาม ดังนั้นจะเห็นได้ว่า Online Marketing มีความสำคัญอย่างมากต่อการนำไปต่อยอดเพื่อประกอบธุรกิจ เพราะคุณจะสามารถเข้าถึงกลุ่มลูกค้าได้โดยตรง จากการสร้างช่องทางการสื่อสารทางออนไลน์ที่แข็งแกร่ง อีกทั้งไม่ว่าคุณจะออนไลน์จากที่ใด ก็สามารถติดตามผลได้จากทุกที่
การทำ Online Marketing คืออะไร
อย่างที่เราเคยกล่าวในเรื่องที่ผ่านมาว่า การตลาดออนไลน์คือการใช้เทคโนโลยีดิจิทัลเพื่อเผยแพร่ข้อมูลเกี่ยวกับธุรกิจ ผลิตภัณฑ์ หรือบริการเพื่อสร้างผลลัพธ์เชิงบวกให้กับบริษัทของคุณ
ประโยชน์ของการทำ Online Marketing
ในการลงทุนด้านการตลาดออนไลน์เป็นการตัดสินใจที่ดีสำหรับบริษัทหรือเหล่าผู้ประกอบการ เพราะมีข้อดีอยู่หลากหลาย อย่างเช่น การตลาดออนไลน์นั้นไม่เพียงแต่มีต้นทุนต่ำกว่าการตลาดในรูปแบบดั้งเดิม แต่การตลาดประเภทนี้ยังไม่เคยหยุดนิ่ง คุณจึงสามารถเข้าถึงกลุ่มลูกค้าได้จากทั่วโลกอย่างง่ายดายตลอด 24 ชั่วโมง
นอกจากนี้สังคมออนไลน์ยังจะช่วยให้คุณสร้างความสัมพันธ์ระหว่างคุณกับลูกค้าได้อย่างยั่งยืน อีกทั้งคุณยังสามารถมั่นใจได้อีกว่า ข้อมูลเกี่ยวกับธุรกิจ ผลิตภัณฑ์หรือบริการของคุณ จะสามารถเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้อย่างง่ายดาย และหากเมื่อเปรียบเทียบกับเทคนิคการตลาดแบบดั้งเดิมแล้ว ช่องทางการตลาดดิจิทัลยังช่วยให้คุณสามารถตรวจเช็กว่ากลยุทธ์ที่ใช้งานนั้นมีประสิทธิภาพมากน้อยแค่ไหน เพื่อที่คุณจะสามารถนำไปปรับแนวทางได้อย่างต่อเนื่องและเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้มากกว่าเดิม
กลยุทธ์การตลาดออนไลน์คืออะไร
ในการสร้างกลยุทธ์การตลาดออนไลน์นั้น คือการวางแผนการทำงานที่ครอบคลุม และทำให้คุณมั่นใจว่าการทำงานด้านการตลาดของคุณจะมีประสิทธิภาพมากที่สุด
กลยุทธ์ที่คุณวางไว้ควรช่วยให้คุณสามารถวิเคราะห์ปัจจัยสำคัญที่มีอิทธิพลต่อธุรกิจและฐานลูกค้า เพื่อที่คุณจะได้รู้ว่าควรเริ่มต้นที่จุดไหนเป็นอันดับแรกในการทำงานด้านการตลาด รวมถึงสิ่งนี้จะช่วยให้คุณสามารถประเมินผลลัพธ์ของกลยุทธ์ เพื่อจะได้นำไปปรับเปลี่ยนแก้ไขให้เหมาะสมกับการทำแคมเปญการตลาดออนไลน์นั้นๆ ได้เป็นอย่างดี
มาถึงตอนนี้คุณคงทราบดีแล้วว่ากลยุทธ์การตลาดดิจิทัลนั้นคืออะไร และเหตุใดจึงเป็นสิ่งที่สำคัญต่อการทำธุรกิจ ที่นี้เราลองมาดูถึงรายละเอียดและขั้นตอนการสร้างกลยุทธ์การตลาดออนไลน์ที่มีคุณภาพกันดีกว่า
ขั้นตอนที่ 1 กำหนดเป้าหมายทางการตลาด
ขั้นตอนแรกในการทำการตลาดออนไลน์ให้เกิดผลลัพธ์ที่ดีเยี่ยมคือการระบุเป้าหมายที่คุณต้องทำเพื่อความสำเร็จของบริษัท คุณจำเป็นต้องทำการคิดวิเคราะห์ว่าปัจจุบันบริษัทของคุณอยู่จุดใด และเป้าหมายที่ตั้งเอาไว้ในอนาคตเป็นอย่างไร หากคุณได้มีการกำหนดเป้าหมายระยะยาวด้านการเติบโตและการพัฒนาของบริษัท คุณต้องแน่ใจว่าเป้าหมายการตลาดออนไลน์ที่คุณวางไว้จะช่วยส่งเสริมและสนับสนุนสิ่งที่คุณวางไว้ได้
คำถามเหล่านี้เป็นคำถามที่ควรคำนึงถึง เมื่อทำการกำหนดเป้าหมาย
คุณต้องการเข้าถึงฐานลูกค้าใหม่ๆ หรือขยายฐานลูกค้าหรือไม่
คุณต้องการที่จะเพิ่มรายได้หรือไม่
คุณกำลังมองหาแนวทางการเปลี่ยนแปลงสำหรับแบรนด์ หรือต้องการจะเพิ่มการรับรู้ให้แก่แบรนด์หรือเปล่า
คุณกำลังโปรโมทผลิตภัณฑ์ บริการ หรือโปรโมชั่นพิเศษอยู่หรือเปล่า
คุณต้องการปรับปรุงความพึงพอใจของลูกค้าหรือไม่
คุณต้องการเพิ่มอัตราการเข้าชมเว็ปไซต์หรือเปล่า
คุณกำลังมองหาช่องทาง เพื่อเพิ่มยอดขายในปัจจุบันด้วยหรือไม่
การตั้งเป้าหมายตามหลัก SMART Goals
การเจาะจงและกำหนดเป้าหมายถือเป็นสิ่งที่สำคัญในการทำการตลาดออนไลน์ เพราะจะช่วยให้คุณปรับเป้าหมายเหล่านี้ให้เป็นกลยุทธ์ที่สามารถปฎิบัติได้จริง
วิธีที่ดีที่สุดคือการสร้างเป้าหมายผ่านการใช้เทคนิคตามหลัก SMART Goals
S – Specific – การเจาะจง โดยควรเจาะจงเป้าหมายที่ต้องการจะบรรลุให้ชัดเจน
M – Measurable – หลักเกณฑ์ชี้วัดความสำเร็จ คุณควรมีหลักเกณฑ์ที่สามารถวัดผลสำเร็จให้กับเป้าหมายที่คุณกำหนดไว้
A – Achievable – มีความเป็นไปได้ คุณควรตรวจสอบว่าเป้าหมายของคุณมีความเป็นไปได้ที่จะบรรลุเป้าหมายสำหรับบริษัท
R – Relevant – เป็นสิ่งที่ใช่สำหรับธุรกิจของคุณ เป้าหมายของคุณควรจะเข้ากับบริบทของธุรกิจและความต้องการของบริษัท
T – Time Bound – การกำหนดเวลาให้ชัดเจน กำหนดเวลาที่เหมาะสมที่คุณจะบรรลุเป้าหมาย
การบันทึกเป้าหมายของสิ่งที่คุณได้กระทำและพัฒนาแล้วนั้นเป็นสิ่งที่คุณควรทำอย่างยิ่ง เพื่อที่คุณจะสามารถกลับมาทบทวนดูอีกครั้งในระหว่างการทำงาน ว่าผลลัพธ์ต่างๆ เป็นไปตามเป้าหมายที่คุณได้ตั้งเอาไว้หรือไม่
ตัวอย่างเป้าหมายที่สามารถปฎิบัติได้จริง
ตัวอย่างเหล่านี้คือเป้าหมายที่มีความเฉพาะเจาะจงและสามารถนำไปปฏิบัติได้จริง ซึ่งคุณสามารถนำไปใช้กับการทำแคมเปญการตลาดออนไลน์ได้
พยายามพัฒนาให้บริษัทติดอันดับกูเกิลให้ได้อย่างน้อย 1 ดาว ภายในเดือนถัดไปให้ได้
เพิ่มยอดติดตามบนโซเชียลมีเดียให้ได้ 100 คนภายใน 2 สัปดาห์
เพิ่มยอดการเข้าชมเว็ปไซต์ให้ได้ 500 ผู้เข้าชมต่อสัปดาห์ ภายในระยะเวลา 2 เดือน
เพิ่มยอดขายให้ได้ 15% ภายใน 3 เดือน
ขั้นตอนที่ 2 การวิจัยการตลาดสำหรับแคมเปญของคุณ
เมื่อคุณระบุอย่างชัดเจนว่าคุณต้องการจะบรรลุเป้าหมายใดผ่านแคมเปญการตลาดดิจิทัล คุณจะต้องทำการวิจัยการตลาดเพื่อทำความเข้าใจว่าถึงกลุ่มเป้าหมาย รวมถึงพฤติกรรมออนไลน์ของกลุ่มผู้บริโภคนั้นๆ
ทำความเข้าใจฐานลูกค้าของคุณ
รากฐานที่สำคัญของการวิจัยตลาด คือการทำความเข้าใจฐานลูกค้าของคุณ ว่าลูกค้าที่แท้จริงของคุณคือกลุ่มไหน ใช้แพลตฟอร์มออนไลน์ประเภทใด มีความเกี่ยวข้องกับธุรกิจที่พวกเขาติดตามหรือตัดสินใจเลือกซื้อสินค้าอย่างไร รวมถึงเนื้อหาของคอนเทนต์ด้านการตลาดประเภทใดที่กลุ่มลูกค้าเหล่านี้พบว่าน่าสนใจ
โดยคุณสามารถหาคำตอบให้กับคำถามเหล่านี้ ผ่านหลายช่องทางด้วยกัน ได้แก่
แบบสำรวจความคิดเห็นลูกค้า
การวิจัยสถิติผู้ใช้งาน
รีวิวของลูกค้าปัจจุบัน
ข้อมูลการเข้าชมเว็ปไซต์และโซเชียลมีเดีย
การวิจัยการตลาดคู่แข่ง
มุมมองอีกอย่างหนึ่งที่สำคัญต่อการวิจัยตลาด คือการดูตัวตนของแบรนด์คู่แข่งในสื่อออนไลน์ การติดตามคู่แข่งของคุณไม่เพียงแต่เป็นวิธีที่ดีในการเข้าใจว่าคุณกำลังเผชิญอยู่กับอะไร แต่ยังช่วยให้คุณได้รับข้อมูลเชิงลึกว่าสิ่งใดเป็นสิ่งที่ทำแล้วเกิดผลสำเร็จในตลาดมากที่สุด คุณควรคำนึงถึงกับคำถามเหล่านี้ เมื่อต้องทำการวิเคราะห์คู่แข่ง
สิ่งใดที่คู่แข่งของคุณทำแล้วประสบความสำเร็จ คุณอาจจะต้องบันทึกแนวทางกลยุทธ์การตลาดออนไลน์ของคู่แข่งที่มีประสิทธิภาพและส่งผลให้ธุรกิจเหล่านั้นประสบความสำเร็จเอาไว้ เพื่อคุณจะได้ทำความเข้าใจถึงกลยุทธ์เหล่านั้น และเข้าใจตลาดมากยิ่งขึ้น
สิ่งใดที่คู่แข่งของคุณทำผิดพลาด รวมถึงมีส่วนใดในกลยุทธ์การตลาดออนไลน์ของคู่แข่งที่ด้อยประสิทธิผลบ้าง หากคุณเข้าใจถึงสิ่งเหล่านี้และหลีกเลี่ยงมัน ก็จะช่วยให้คุณสามารถปรับกลยุทธ์ได้ดียิ่งขึ้น รวมถึงช่วยให้ธุรกิจของคุณโดดเด่นท่ามกลางคู่แข่งในตลาด
สิ่งใดคือคุณค่าของธุรกิจของคุณ เมื่อมองภาพรวมของคู่แข่งอื่นๆ ในตลาด อะไรคือสิ่งที่ทำให้ธุรกิจของคุณไม่เหมือนใคร คุณค่าในรูปแบบใดที่คุณสามารถส่งต่อให้กับลูกค้าที่ธุรกิจอื่นๆ ไม่สามารถทำได้ จุดเด่นเหล่านี้เป็นสิ่งที่คุณควรจะโฟกัสเมื่อทำแคมเปญการตลาดออนไลน์
ขั้นตอนที่ 3 หาเครื่องมือการตลาดที่เหมาะสมกับธุรกิจของคุณ
ตอนนี้หากคุณรู้ถึงกลยุทธ์ ที่คุณจะนำไปใช้กับกลุ่มเป้าหมายที่คุณต้องการเข้าถึง คุณจำเป็นต้องหาเครื่องมือการตลาดที่เหมาะสมกับกลุ่มลูกค้าของคุณมากที่สุด
เครื่องมือการตลาดดิจิทัล
สำหรับเครื่องมือในการทำโฆษณาทางออนไลน์นั้นมีอยู่หลากหลาย ดังนี้
ทำการตลาดออนไลน์ผ่านทางอีเมล (Email Marketing)
สร้างกลยุทธ์การตลาดผ่านสื่อสังคมออนไลน์ (Social Media Marketing)
การใช้เครื่องมือดิจิทัลเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพของเว็ปไซต์ ผ่านการใช้รูปแบบของเว็บไซต์ (Website Optimization And A/B Testing)
การปรับแต่งเว็บไซต์ให้สอดคล้องกับการทำงานของ Search Engine (Search Engine Optimization – SEO)
การตลาดที่ใช้การสร้างเนื้อหาและข้อมูลเพื่อดึงดูดใจกลุ่มเป้าหมาย (Content Marketing)
วิดีโอมาร์เก็ตติ้ง
อีเว้นท์เสมือนจริง (Virtual Events)
การลงโฆษณาบนหน้าผลการค้นหา (PPC)
ใช้เครื่องมือที่ถูกต้องและเหมาะสมกับแต่ละชิ้นงาน
คุณควรวิเคราะห์ว่าตัวเลือกใดที่เหมาะสมกับธุรกิจของคุณ ด้วยทักษะและงบประมาณที่มีอยู่ นอกจากนี้คุณควรคำนึงถึงแนวทางที่จะเป็นประโยชน์ และมีความน่าสนใจ ที่ส่งผลต่อความสนใจของลูกค้ากลุ่มเป้าหมาย
ขั้นตอนที่ 4 บันทึกรายละเอียดกลยุทธ์การตลาดออนไลน์
หลังจากได้ข้อมูลครบแล้ว คุณควรทำการสรุปกลยุทธ์การตลาด ด้วยการใช้เป้าหมายที่คุณตั้งไว้รวมถึงเครื่องมือที่ผ่านการคัดเลือก เพราะตอนนี้ถึงช่วงเวลาที่คุณจะได้ลงมือสร้างแผนการปฎิบัติทางการตลาดแล้ว
เพื่อให้เห็นภาพได้อย่างชัดเจนขึ้น ลองมาดูตัวอย่างกันก่อนกับ บริษัทขนาดเล็กที่ขายสบู่แฮนด์เมด ซึ่งถึงแม้ธุรกิจนี้จะมีหน้าร้านอยู่แล้ว แต่พวกเขาก็มีเป้าหมายที่จะโปรโมตสินค้าผ่านทางออนไลน์ เพื่อเพิ่มการรับรู้ของแบรนด์ รวมถึงยังต้องการขยายฐานกลุ่มลูกค้าให้กว้างขึ้น ดังนั้นบริษัทนี้จึงเพิ่มขั้นตอนในการสร้างกลยุทธ์ทางการตลาดออนไลน์เข้าไป เพื่อให้เป้าหมายที่ได้ตั้งเอาไว้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
ตรวจเช็คร้านค้าออนไลน์เพื่อให้แน่ใจว่ามี UX และ UI ที่ใช้งานง่าย
สร้างโพสต์บน Facebook และ Instagram เพื่อโปรโมตผลิตภัณฑ์ใหม่ทุกวันจันทร์และพฤหัสบดีด้วยภาพถ่าย อย่างน้อยหนึ่งภาพและข้อความประมาณ 30-50 คำ
ส่งอีเมลรายเดือนถึงลูกค้าปัจจุบันเกี่ยวกับรายการโปรโมชั่นพิเศษทางออนไลน์
ทำการทดสอบกลยุทธ์การตลาดก่อนเริ่มดำเนินการ
สำหรับกลยุทธ์การตลาดดิจิทัล โดยเฉพาะกลยุทธ์ที่ต้องใช้เวลาและงบประมาณในการปฎิบัติงาน การทดสอบแผนงานก่อนการปฎิบัติจริงในสเกลที่ใหญ่ขึ้นนั้นเป็นสิ่งที่สำคัญ เพราะจะช่วยให้คุณเห็นภาพว่าเทคนิคที่คุณเลือกใช้มีประสิทธิภาพมากน้อยเพียงใด ก่อนที่คุณจะลงทุนกับมันอย่างเต็มที่
ขั้นตอนที่ 5 ดำเนินการตามแผนและประเมินผลงาน
มาถึงขั้นตอนนี้ แสดงว่ากลยุทธ์ของคุณได้เสร็จสมบูรณ์แล้ว และพร้อมที่จะเริ่มดำเนินการ ซึ่งถือว่าเป็นขั้นตอนที่น่าตื่นเต้นมากที่สุด แต่ก็ไม่ได้หมายความว่า กระบวนการทั้งหมดจะจบที่การดำเนินงานเพียงเท่านั้น เพราะกุญแจสำคัญในการทำกลยุทธ์การตลาดออนไลน์คือการตรวจเช็คประสิทธิผลของกลยุทธ์และทำการปรับเปลี่ยนเมื่อจำเป็น
เมื่อกลยุทธ์ต่างๆ เริ่มมีการนำไปใช้และดำเนินการ การตั้งเวลาและบันทึกผลลัพธ์รายสัปดาห์และรายเดือนจะทำให้คุณได้เห็นว่า ผลตอบรับที่เป็นเชิงบวก คุณอาจจะต้องการจะลงทุนไปกับเทคนิคนั้นๆ มากกว่าส่วนอื่นๆ หรือในทางกลับกัน คุณอาจพบว่ากลยุทธ์บางอย่างไม่แสดงผลลัพธ์ที่เพียงพอ และคุณจำเป็นต้องทำการปรับเปลี่ยนกลยุทธ์ให้เหมาะสมกว่าที่เป็นอยู่
อดทนและคิดถึงเป้าหมายระยะยาว
กลยุทธ์การตลาดออนไลน์ก็เหมือนแคมเปญทางการตลาดทั่วไป ที่อาจใช้เวลาในการแสดงผลลัพธ์เพื่อให้เกิดความชัดเจน โดยเฉพาะหากคุณเริ่มทำการตลาดด้วยตนเอง โลกของการตลาดออนไลน์เป็นสิ่งที่ซับซ้อนและพัฒนาอยู่ตลอดเวลา ดังนั้นคุณควรอดทนและเฝ้ารอวันที่เป็นของคุณ
เพราะต่อให้คุณทำการวิจัยก่อนการวางแผนแคมเปญ คุณก็ยังจะต้องเรียนรู้อีกมากมาย ถึงข้อมูลเกี่ยวกับวิธีการทำการตลาดดิจิทัล เพราะหลังจากการดำเนินการด้านกลยุทธ์ไปแล้ว การลองผิดลองถูกมักเป็นส่วนสำคัญในการหาสิ่งที่เหมาะสมและไม่เหมาะสำหรับในการดำเนินธุรกิจของคุณ เพื่อให้เกิดความยั่งยืนต่อการทำงานที่มีประสิทธิภาพ
วิธีสร้างกลยุทธ์การตลาดออนไลน์ที่ประสบความสำเร็จใน 5 ขั้นตอน อ่านบทความเพิ่มเติมคลิ๊กที่นี่ https://techwealth99.com/