ถ้าคุณได้ตามเก็บทริป ทั้งที่เที่ยวภูเขาอย่าง 44 ที่เที่ยวเชียงใหม่ เที่ยวไม่หมดไม่กลับบ้าน, 15 ที่เที่ยวเชียงราย เที่ยวสนุก เก็บทุกจุดเช็กอิน หรือจะ ทริปชิลไปง่าย ๆ อย่าง 25 ที่เที่ยวสระบุรี เที่ยวง่ายใกล้กรุงฯ จนครบแล้ว คราวนี้เราไปชิลที่ทะเลกันบ้างดีกว่า ~ กระบี่เป็นจังหวัดที่ขึ้นชื่อเรื่องทะเลสวย ที่ใคร ๆ ทั่วโลกต่างก็รู้จัก และยังเต็มไปด้วยสถานที่ท่องเที่ยวทั้ง ประวัติศาสตร์ วัฒนธรรม ธรรมชาติ และการผจญภัย ...ไม่ขอเกริ่นมากเพราะรู้ว่าคุณอยากไปแล้ว เอาละ ไปกันเลยดีกว่า!
• ถ้าคุณมีรถส่วนตัว สามารถขับจากกรุงเทพฯ ไปกระบี่ได้ 2 เส้นทาง คือ
ใช้ทางหลวงหมายเลข 4 (เพชรเกษม) ผ่านจังหวัดเพชรบุรี ประจวบคีรีขันธ์ ชุมพร ระนอง พังงา ไปจนถึงกระบี่ ระยะทางประมาณ 946 กิโลเมตร
ใช้ทางหลวงหมายเลข 4 (เพชรเกษม) จนถึงจังหวัดชุมพร แล้วต่อด้วยทางหลวงหมายเลข 41 ผ่านอำเภอหลังสวน จังหวัดชุมพร สู่อำเภอไชยา อำเภอเวียงสระ จังหวัดสุราษฎร์ธานี จากนั้นใช้ทางหลวงหมายเลข 4035 ถึงอำเภออ่าวลึก จังหวัดกระบี่ แล้ววกเข้าสู่ทางหลวงหมายเลข 4 เพื่อเข้าสู่ตัวเมืองกระบี่ ระยะทางประมาณ 814 กิโลเมตร
• รถโดยสารธรรมดาและรถโดยสารปรับอากาศ ทั้งของบริษัท ขนส่ง จำกัดและของเอกชน สายกรุงเทพฯ-กระบี่ ออกจากสถานีขนส่งสายใต้ ถนนบรมราชชนนี ทุกวัน วันละหลายเที่ยว ถึงจะใช้เวลาเดินทางนานหน่อยประมาณ 11-12 ชั่วโมง แต่ก็ได้เอนจอยบรรยากาศระหว่างทาง
• เครื่องบิน สำหรับคนที่ไม่ค่อยมีเวลา การเดินทางโดยเครื่องบินน่าจะสะดวกสบายและเร็วที่สุด โดยลงที่สนามบินกระบี่ได้เลย ใครที่ขยันดูโปรโมชั่นจากสายการบินเป็นระยะ อย่าลืมมองหาเส้นทางนี้นะจ๊ะ
แน่นอนว่า ถ้าเที่ยวกระบี่ เมืองกระบี่คงเป็นจุดแรกที่เราจะต้องแวะมาเช็กอิน จากตัวเมืองกระบี่ เราสามารถนั่งเรือไปเที่ยวเกาะเล็กเกาะน้อยต่าง ๆ จะค้างคืน หรือจะไปเช้าเย็นกลับก็ได้ โดยในตัวเมืองกระบี่ยังมีเรือโดยสารให้บริการไปยังสถานที่เที่ยวกระบี่ต่าง ๆ เช่น อ่าวไร่เลย์ เกาะพีพี เกาะลันตา ฯลฯ โดยส่วนใหญ่แล้วเรือจะจอดเทียบอยู่ที่ท่าเจ้าฟ้า
เมืองกระบี่
เกาะปอดะ
วิธีการเดินทาง : ทางหลวงหมายเลข 4036 กระบี่ (นั่งเรือมายังเกาะ เกาะปอดะ)
เวลาเปิด - ปิด : 24 ชั่วโมง
“เกาะปอดะ” เป็นเกาะของเอกชนที่ยังคงความงดงาม ตั้งอยู่ในทะเลห่างจากอ่าวนางประมาณ 8 กิโลเมตร ถือเป็น 1 ใน 4 เกาะไฮไลต์ของกระบี่ มีหาดทรายขาวละเอียด ทะเลสีฟ้าใส เหมาะกับการมาเล่นน้ำมากกว่าชมปะการัง และมีไฮไลต์คือการมาชมทะเลแหวก ซึ่งควรมาชมในช่วงเวลาน้ำลงต่ำสุดในแต่ละวัน โดยเฉพาะในวันก่อนและหลังวันขึ้น 15 ค่ำ ราว 5 วัน โดยช่วงเวลาที่เหมาะกับการเที่ยวทะเลแหวกคือ ตั้งแต่ เดือนพฤศจิกายนถึงต้นพฤษภาคม นอกจากนี้บนเกาะยังมีที่พัก และร้านอาหารมากมาย ที่สำคัญคือแม้จะเป็นเกาะของเอกชนแต่เจ้าของก็ใจดีไม่เก็บค่าขึ้นเกาะ เพราะฉะนั้นเมื่อมาแล้วเราจึงควรช่วยกันดูแลรักษาความสะอาดนะจ๊ะ
ท่าปอม คลองสองน้ำ
วิธีการเดินทาง : ทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 4011 กระบี่ เกาะลันตา
เวลาเปิด - ปิด : ทุกวัน 24 ชม.
อัตราค่าบริการ : ผู้ใหญ่ 20 บาท, เด็ก 10 บาท
ใครที่ชอบการท่องเที่ยวแบบ Unseen เราขอแนะนำที่นี่เลย “ท่าปอม คลองสองน้ำ” เป็นทั้งแหล่งศึกษาเชิงนิเวศวิทยาเพื่อเรียนรู้ ความสมบูรณ์ของธรรมชาติทั้งในแง่ของทางน้ำใต้ดินและพืชพรรณที่สามารถเติบโตได้ทั้งในน้ำและบนดิน และเป็นแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติที่มหัศจรรย์ ถ้าถามว่ามหัศจรรย์ยังไง คงต้องบอกว่าขอให้ลองไปสัมผัสความใสราวกระจกของสายน้ำที่นี่ดู และถ้าเดินดูจากบนสะพานไม่ถึงใจ ทีนี้ยังมีเรือแคนูให้เช่าพายด้วยนะ
เกาะห้อง
วิธีการเดินทาง : ทางหลวงหมายเลข 6024 กระบี่ (เดินทางโดยเรือสปีดโบ๊ทแบบ One Day Trip)
อัตราค่าบริการ : ผู้ใหญ่ 20 บาท, เด็ก 60 บาท
ใครที่ชอบดำน้ำดูปะการังน้ำตื้น ห้ามพลาด "เกาะห้อง" เกาะอันแสนงามที่ล้อมรอบด้วยน้ำทะเลสีคราม ลักษณะเด่นอีกอย่างหนึ่งของ “เกาะห้อง” (ซึ่งได้ชื่อเรียกนี้เพราะลักษณะที่เปรียบเสมือนสระน้ำธรรมชาติขนาดใหญ่) คือมีผนังเป็นหน้าผาชันโดยรอบ ลักษณะคล้ายห้อง มีประตูทางเข้าเพียงทางเดียว เกาะห้อง มีดีกรีติดอันดับ 1 ใน 10 เกาะที่มีหาดน่าเที่ยวและสะอาดที่สุดในโลก นักท่องเที่ยวสามารถใช้บริการเรือหางยาวนำเที่ยวเกาะต่างๆ ในราคาที่เป็นมิตร
ถนนคนเดินกระบี่
วิธีการเดินทาง : ถนนมหาราช ซอย 8 กระบี่ ใกล้ห้างโวค
เวลาเปิด - ปิด : ศุกร์ - อาทิตย์ 17.00-22.00 น.
มาเที่ยวกระบี่ ถึงจะยามค่ำคืนก็เที่ยวได้ เพราะฉะนั้นอย่าลืมใช้เวลาท่องเที่ยวของคุณให้คุ้มค่า ด้วยการแวะมาเดิน "ถนนคนเดินกระบี่" ซะหน่อย ถนนคนเดินอยู่ใกล้กับโรตีโวค เจ้าดัง บริเวณด้านหลังในซอย มีของฝาก เสื้อผ้า ของจุกจิกต่างๆ รวมไปถึงอาหารการกินที่หลากหลายให้ได้ชิมกัน และที่สำคัญอยู่ใกล้แหล่งท่องเที่ยวที่มีประวัติศาสตร์ด้วย เช่น สี่แยกไฟแดงรูปปั้นมนุษย์โบราณ นกอินทรี ฯลฯ เรียกว่ามาที่เดียวครบ
คลองท่อม
เป็นอำเภอที่เราอาจไม่ค่อยคุ้นชื่อนัก แต่ถ้าเอ่ยถึง สระมรกต รับรองหลาย ๆ คนต้องร้อง “อ๋อ” กันเลยทีเดียว เพราะเป็นจุดเด่นของที่นี่เลย แถมดังมาก ๆ ในหมู่ชาวต่างชาติ เราคนไทยจึงไม่ควรพลาดด้วยประการทั้งปวง
สระมรกต
วิธีการเดินทาง : หมู่ที่ 2 ทางหลวงหมายเลข 4038 กระบี่ (คลองท่อม กระบี่)
เวลาเปิด - ปิด : ทุกวัน 08.00-17.00 น.
อัตราค่าบริการ : ผู้ใหญ่ 20 บาท, เด็ก 10 บาท
“สระมรกต” กำเนิดมาจากธารน้ำอุ่น ในผืนป่าที่ราบต่ำภาคใต้ เป็นน้ำพุร้อน มีอุณหภูมิประมาณ 30-50 องศาเซลเซียส เป็นสระน้ำสวยใสกลางป่าที่มีน้ำใสเป็นสีเขียวอมฟ้า เปลี่ยนสีไปได้ตามวันเวลาและสภาพแสง ถือว่าเป็นอีกที่ที่ต้องมา อย่าให้แพ้นักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ ระยะทางในการเดินทางมาจากตัวเมืองไม่นานเท่าไหร่ แล้วแต่สภาพการจราจรด้วย ควรไปกันตั้งแต่หัววัน เดี๋ยวจะไม่ทันเล่นน้ำ แล้วก็ถ่ายรูปเป็นที่ระลึก เพราะเป็นสระที่สวยมาก ๆ เลย
น้ำตกร้อยชั้นพันวัง
วิธีการเดินทาง : ซอยองค์การบริหารส่วนตำบลตรัง กระบี่ (จากตัวเมืองตรังใช้เส้นทางหลวงหมายเลข 4 ผ่านอำเภอห้วยยอด ตรงไปยังอำเภอวังวิเศษ ถึงบ้านคลองชี เลี้ยวขวาเข้าทางบ้านอ่าวตง-บ้านบางคราม อีกประมาณ 29 กิโลเมตร ถึงตัวน้ำตก)
“น้ำตกร้อยชั้นพันวัง” เป็นน้ำตกหินปูน ในบริเวณร่มรื่นไปด้วยแมกไม้นานาพรรณ ธารน้ำตกเป็นชั้นน้ำตกเตี้ยหลายชั้นที่ทอดตัวลดหลั่นกันมาจากเขานอจู้จี้ ด้วยลักษณะเป็นวังน้ำหลาย ๆ วัง จึงเป็นที่มาของชื่อน้ำตก นอกจากการพักผ่อนเล่นน้ำแล้ว นักท่องเที่ยวยังสามารถเดินไต่เขาศึกษาป่าต้นน้ำ และอาจจะได้ยินเสียงนกแต้วแร้วส่งเสียงร้องใสแจ๋วทักทายด้วยนะ เรียกได้ว่าเป็นการพักผ่อนแบบธรรมชาติบำบัดอย่างแท้จริงโดยไม่ต้องเข้าสปาหรูหราในเมืองกรุง
ศูนย์การแพทย์แผนไทยน้ำพุร้อนเค็ม
วิธีการเดินทาง : ตำบลห้วยน้ำขาว คลองท่อม จังหวัดกระบี่
เวลาเปิด - ปิด : 07.00-18.00 น.
อัตราค่าบริการ : ผู้ใหญ่ 20 บาท, เด็ก 10 บาท
ใครที่ชื่นชอบการทำสปา วันนี้เราขอแนะนำน้ำพุร้อนเค็มสปาธรรมชาติ เรียกได้ว่าเป็นการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ เหมาะมากสำหรับการพาผู้ใหญ่มาเที่ยวด้วย หรือจะมาเฮฮากับเพื่อนฝูงก็ยังได้ ใครที่มาที่นี่แล้วคงสัมผัสได้ถึงความน่าตื่นตาตื่นใจจริง ๆ เพราะน้ำพุร้อนเค็ม มีแค่ 2 แห่งเท่านั้นในโลก และไทยก็เป็น 1 ในนั้นเลยเชียวนะ (อีกแห่งอยู่ที่สาธารณรัฐเช็ก) น้ำพุร้อนเค็มเป็นบ่อน้ำผุดมาจากใต้ดินตามธรรมชาติ ผสมกันระหว่างน้ำร้อนกับน้ำทะเล น้ำใสมากและสะอาด เห็นเป็นสีเขียวมรกต น้ำในบ่อไม่ร้อนมากประมาณ 40 องศา แช่เสร็จพอคลายเหนื่อย ก็อย่าลืมมาใช้บริการนวดแผนไทยดูด้วยนะ จะได้ครบสูตร
เขาพนม
ใครที่มีโอกาสแวะมาที่เขาพนม ขอให้ลองสังเกตลักษณะของเทือกเขา ที่ว่ากันว่ามีรูปร่างลักษณะคล้ายผู้หญิงสาว ที่กำลังนอนยาวทอดกายอยู่ ที่นี่เป็นที่ตั้งของอุทยานแห่งชาติพนมเบญจา ที่ใครมา ก็ต้องห้ามพลาดน้ำตกต้นหาร ด้วยประการทั้งปวง
น้ำตกต้นหาร
วิธีการเดินทาง : ทางหลวงหมายเลข 1025 กระบี่
อัตราค่าบริการ : หากค้างคืนมีค่าเช่าเต็นท์ 10 บาท รายละเอียดติดต่ออุทยานแห่งชาติกรมป่าไม้ โทร. 579-7223, 579-5734
“น้ำตกต้นหาร” อยู่ห่างจากที่ว่าการอำเภอ 16 กิโลเมตรเท่านั้น เป็นน้ำตกที่มีต้นกำเนิดจากเทือกเขาพนมเบญจาเช่นเดียวกันกับน้ำตกคลองแหง แต่มีความสูงน้อยกว่า แต่ถึงกระนั้นการจะไปชมก็ไม่ใช่ง่าย ๆ นะจ๊ะ เส้นทางนี้จึงเหมาะกับขาลุย และคนชอบเดินเขา โดยระหว่างเดินทางขึ้นเขาพนมเบญจา เราสามารถไปตั้งเต็นท์ค้างคืนชมความสวยงามแบบเต็มอิ่มของน้ำตกต้นหารได้ แถมที่ได้กลับมา น่าจะเป็นความอิ่มใจ และภูมิใจ ในฐานะผู้พิชิตยอดเขาด้วยนะ
เกาะลันตา
ถ้าเอ่ยถึงกระบี่ อีกหนึ่งสถานที่ที่น่าหลงใหล คงหนีไม่พ้นเกาะลันตา อีกหนึ่งเกาะที่หลบซ่อนตัวอยู่เงียบ ๆ กลางท้องทะเลอันสวยงามของบ้านเรา ด้วยเกาะลันตาค่อนข้างมีระยะทางห่างจากแผ่นดิน จึงยังคงความสวยงามของธรรมชาติไว้อย่างครบถ้วน จากอำเภอเกาะลันตา ยังสามารถนั่งเรือไปยังเกาะน้อยใหญ่มากมาย ใครที่สนใจอยากลองใช้ชีวิตแบบชาวเกาะ ที่นี่ถือว่าเหมาะเจาะสำหรับคุณเลย
เกาะลันตา
วิธีการเดินทาง : ทางหลวงหมายเลข 4245 กระบี่
เวลาเปิด - ปิด : 07.00-17.00 น.
“เกาะลันตา” เป็นเกาะที่มีชาวต่างชาติค่อนข้างเยอะ เพราะฉะนั้นแนะนำให้มาในช่วง Green Season ส่วนที่พัก ชาววงในกระซิบมาว่า ควรอยู่ใกล้ตลาดน่าจะดี เช่นบริเวณหาดคลองดาว หาดพระแอะ เพราะจะอุดมสมบูรณ์หาของทานง่ายกว่าบริเวณอื่น ๆ ที่สำคัญที่ขาดไม่ได้ คือควรเช็กสภาพอากาศให้ถี่ถ้วน เอาให้ดีเช็กกันวันต่อวันไปเลย เพราะถ้ามาช่วงฝนตกจะเดินทางลำบากมาก ถ้ามาช่วงปลายปียิ่งดีใหญ่ เพราะสามารถพักได้ทุกหาด แต่ไหน ๆ มาทั้งที เราขอแนะนำว่าให้ลองไปเซอร์เวย์เกาะต่าง ๆ โดยรอบดูด้วยก็จะดีนะ
เกาะไหง
วิธีการเดินทาง : ทางหลวงชนบทหมายเลข 5036 กระบี่ (นั่งเรือไปยังเกาะที่ท่าเรือ Saladan)
เป็นเกาะที่ว่ากันว่ามีทรายเม็ดละเอียดดั่งแป้ง ทั้งยังมีทะเลที่สวยงามเงียบสงบ เหมาะกับการพักผ่อน และกิจกรรมถ่ายรูป ดำน้ำตื้น เล่นน้ำ เกาะไหงอยู่ที่รอยต่อของกระบี่และตรัง ด้านทิศตะวันออกและด้านทิศใต้เป็นหาดทรายขาวทอดตัวยาว ทางด้านทิศใต้เป็นอ่าว ด้านทิศตะวันตกเป็นภูเขาสูงลาดชัน มีที่พักบนเกาะมากมายให้เลือกได้ตามงบประมาณและความต้องการ สามารถเดินทางจากท่าเรือปากแมง ที่จังหวัดตรังได้ด้วยนะ
ชุมชนเมืองเก่าเกาะลันตา
วิธีการเดินทาง : นั่งรถมาที่เกาะลันตาใหญ่ อำเภอเกาะลันตา กระบี่ 81150 (อยู่ทางทิศตะวันออกของเกาะลันตาใหญ่)
เวลาเปิด - ปิด : ห้างร้านแต่ละที่อาจจะมีเวลาเปิด-ปิดที่ต่างกันออกไป จึงควรมาในเวลากลางวัน
มาถึงตรงนี้ใครบางคนอาจบ่นว่าทำไมทริปนี้มีแต่ทะเล้~ทะเล เราเลยขอนำเสนอสถานที่นี้ เผื่อใครอยากพักจากการเล่นน้ำมาเดินชมหมู่บ้านน่ารัก ๆ ที่ชุมชนเมืองเก่าเกาะลันตาหรือที่มีชื่อเรียกว่า ชุมชนศรีรายา รู้จักกันในหมู่ฝรั่งว่า "Lanta Old Town" ชุมชนนี้เป็นชุมชนเก่าแก่โบราณ มีมาตั้งแต่ในยุคสมัยสำเภาจีน อายุมากกว่าร้อยปี เริ่มตั้งแต่ช่วงที่ชาวจีนได้ทำมาค้าขายแถวทะเลอันดามันจนมาตั้งรกรากอยู่ที่เกาะแห่งนี้ ปัจจุบันที่แห่งนี้สะท้อนวิถีชีวิตเรียบง่ายใกล้กับชายทะเล คนที่อาศัยอยู่ที่นี่มีทั้งชาวไทยพุทธ และพี่น้องชาวมุสลิมค่ะ บรรยากาศของ Old Town คล้าย ๆ กับเชียงคาน ต่างกันที่ที่นี่มีบ้านไม้ยื่นไปในทะเล สวยงาม เหมาะกับการถ่ายภาพ และซื้อของที่ระลึก
สะพานสิริลันตา
วิธีการเดินทาง : สะพาน สิริ ลัน ตา 81150, ตำบล ศาลาด่าน อำเภอ เกาะลันตา กระบี่ 81150 ประเทศไทย กระบี่
“สะพานสิริลันตา” เป็นสะพานเชื่อมเกาะลันตาน้อยและเกาะลันตาใหญ่ ถือเป็นความภาคภูมิใจของเกาะลันตา เพราะนอกจากจะมีทัศนียภาพที่สวยงาม แล้วยังเป็นการช่วยส่งเสริมการท่องเที่ยวเกาะลันตาด้วย เพราะเมื่อก่อนการไปเกาะลันตาได้ จะต้องข้ามแพขนานยนต์เท่านั้น แต่ทุกวันนี้การที่เราจะเดินทางไปเที่ยวเกาะลันตานั้นจะต้องผ่านสะพานแห่งนี้ เพราะฉะนั้นอย่ามัวหลับเพลิน เพราะเราสามารถมองเห็นวิวทะเลอันสวยงามได้จากสะพานด้วย สายโฟโต้ห้ามพลาด
หาดแหลมโตนด
วิธีการเดินทาง : ตำบลเกาะลันตาใหญ่ อำเภอเกาะลันตา กระบี่ ประเทศไทย กระบี่ (อยู่ทางใต้สุดของเกาะลันตา บริเวณประภาคาร)
“แหลมโตนด” อยู่ปลายสุดของเกาะลันตาใหญ่ ในเขตที่ทำการอุทยานแห่งชาติเกาะลันตา มีหาดทรายสวยงามอยู่ทางด้านหลังเกาะ ลมแรงพัดสบายเย็น ๆ อยู่ใกล้ประภาคารสีขาว ที่มีไว้สำหรับให้สัญญาณไฟแก่นักเดินเรือยามคํ่าคืน ทั้งยังเป็นสัญลักษณ์ประจำเกาะลันตา ถ้าได้มาขอแนะนำให้ขึ้นไปบนประภาคารและมองลงมาด้านล่าง จะเห็นภาพความแตกต่างของอ่าวชายฝั่งทะเลหน้าเกาะ และหลังเกาะลันตาได้อย่างชัดเจน และถ้าได้มาชมวิวตอนพระอาทิตย์ตกดินจะสวยงามโรแมนติกมากเลยล่ะ
เกาะหม้อ
วิธีการเดินทาง : ทางหลวงหมายเลข 4245 กระบี่
ดูจากภาพแล้วคงพอเดากันได้ว่าทำไมเกาะแห่งนี้ถึงได้ชื่อว่า “เกาะหม้อ” ก็เพราะรูปร่างของเกาะที่เหมือนหม้อที่คว่ำอยู่ ดูคุ้นตาใช่มั้ยล่ะ เกาะหม้อเป็นหนึ่งในสามเกาะที่เชื่อมต่อทะเลแหวก โดยรอบเป็นโขดหิน มีชายหาดอยู่เพียงด้านเดียว คือด้านที่แหวกทะเลเชื่อมกับเกาะทับ กิจกรรมที่แนะนำสำหรับที่นี่คือ ถ่ายรูปและเล่นน้ำ ถ้าอยู่จนถึงเวลาน้ำลด จะเห็นสันทรายสีขาวที่เชื่อมระหว่างเกาะหม้อและเกาะทับที่อยู่ข้าง ๆ ได้อย่างชัดเจน
จุดดำน้ำ เกาะลันตา (เกาะไหง)
วิธีการเดินทาง : ทางหลวงหมายเลข 4245 กระบี่
เวลาเปิด - ปิด : 08.30-16:30 น.
อัตราค่าบริการ : ผู้ใหญ่ 40 บาท, เด็ก 20 บาท
“จุดดำน้ำเกาะลันตา” เป็นอีกจุดที่สัตว์น้ำยังเยอะอยู่ ได้ชื่อว่าเป็นจุดดำน้ำลึก และดำผิวน้ำที่สวยงามแห่งหนึ่งในประเทศไทยและของโลก สภาพใต้ท้องทะเลที่นี่มีความสวยงามและอุดมสมบูรณ์มาก สามารถเดินทางมาจากเกาะลันตา หรือจะมาจากจังหวัดตรัง โดยเช่าเรือจากท่าเรือปากเมง จังหวัดตรังก็ได้ ที่เกาะลันตามีอุณหภูมิน้ำที่ไม่เปลี่ยนแปลงตามฤดูมากนัก และสามารถดำน้ำได้ตลอดทั้งปี ถ้าสนใจเราก็เพียงติดต่อบริษัททัวร์ หรือบริษัทดำน้ำได้ตามสะดวก
เกาะม้า
วิธีการเดินทาง : สามารถซื้อทัวร์ หรือเหมาเรือหางยาวจากเกาะพงัน
ลองทายกันดูสิ ว่าทำไมเกาะนี้ ถึงได้ชื่อว่าเกาะม้า?ใช่แล้ว เพราะว่ารูปร่างหน้าตาของเกาะ ที่เหมือนกับม้านั่นเอง "เกาะม้า" เป็นอีกเกาะในเขตรอยต่อของจังหวัดกระบี่และจังหวัดตรัง เป็นอีกหนึ่งในสถานที่ที่เหมาะกับการดำน้ำลึกเพื่อชมปะการัง แต่ที่นี่จะต่างจากเกาะอื่นตรงที่ไม่มีหาดทราย เมื่อเรือมาจอด จะเทียบท่ากับหน้าผา มีไฮไลต์อยู่ที่เมื่อไปถึงเราจะพบกับค้างคาวมากมาย กิจกรรมพิเศษที่แนะนำ นอกจากดำน้ำชมปะการัง จึงเป็นการชมถ้ำค้างคาว
น้ำตกคลองจาก
วิธีการเดินทาง : ทางหลวงหมายเลข 4245 กระบี่
เวลาเปิด - ปิด : ทุกวัน 08.30-17.30 น. 08:30 - 17:30
ใครที่คิดว่าเกาะลันตามีแต่เพียงจุดดำน้ำ เราขอให้คุณลองมาดูที่นี่ เพราะนอกจากทะเลสวยงาม เกาะแห่งนี้มีไฮไลต์อยู่ตรงที่มีเส้นทางศึกษาธรรมชาติบนเกาะด้วย การเดินทางมาน้ำตกคลองจาก ต้องมาจากอ่าวคลองจาก เนื่องจากเป็นน้ำตกที่ตั้งอยู่กลางป่า จึงต้องมีเจ้าหน้าที่นำทาง เราจะต้องเดินตัดผ่านเข้าไปในเส้นทางศึกษาธรรมชาติประมาณ 1 ชั่วโมง ระหว่างทางก็จะเจอถ้ำต่าง ๆ หลายถ้ำ ส่วนความสวยงามของน้ำตกคลองจากจะขึ้นอยู่กับปริมาณฝนที่ตกในช่วงนั้น ๆ
หาดบากันเตียง
วิธีการเดินทาง : ทางหลวงหมายเลข 4245 กระบี่
เวลาเปิด - ปิด : ทุกวัน 24 ชม.
“หาดบากันเตียง” หรืออ่าวบากันเตียง เป็นหาดที่มีลักษณะเป็นรูปโค้งไม่ยาวมาก ตั้งอยู่เกือบปลายสุดของทิศตะวันตกของเกาะลันตาใหญ่ และอยู่ก่อนถึงหาดคลองจาก หาดบากันเตียงสามารถมองเห็นได้จากมุมบนตามร้านอาหารที่อยู่บนเขาที่อยู่ปลายหาด ตัวหาดนั้นมีเม็ดทรายค่อนข้างละเอียด ยามน้ำลดจะปรากฏให้เห็นหมู่กองหินปรากฏขึ้นตามบริเวณต่าง ๆ ของชายหาด สำหรับกิจกรรมแนะนำคงหนีไม่พ้นการถ่ายรูป, เล่นน้ำ รวมไปถึงการทานอาหารและจิบเครื่องดื่มริมทะเลที่รีสอร์ตสุดชิค
อ่าวลึก
เป็นอำเภอที่ตั้งอยู่ฝั่งตะวันตกเฉียงเหนือของจังหวัด มีเนื้อที่ประมาณ 847 ตารางกิโลเมตร มีลักษณะภูมิประเทศเป็นที่ราบสลับกับภูเขาหินปูน โดดเด่นในเรื่องของภาพเขียนสีโบราณสมัยยุคก่อนประวัติศาสตร์ ซึ่งสามารถพบได้ทั่วไปตามจุดต่าง ๆ รอบ ๆ อ่าวลึก การเดินทางในบางพื้นที่อาจจะต้องใช้เจ้าหน้าที่นำทางไปในการชม เพราะอ่าวลึกนั้นมีความสลับซับซ้อน เส้นทางมีความมืดและลึกสมชื่อ แต่รับรองว่าสวยงามน่าตื่นตาตื่นใจแน่นอน
วัดมหาธาตุวชิรมงคล
วิธีการเดินทาง : ต.นาเหนือ อ.อ่าวลึก จ.กระบี่ กระบี่
“วัดมหาธาตุวชิรมงคล” หรือเรียกง่าย ๆ ว่า วัดบางโทง อยู่ที่ตำบลนาเหนือ อำเภออ่าวลึก จังหวัดกระบี่ วัดแห่งนี้โดดเด่นด้วยสถาปัตยกรรมของพระมหาธาตุเจดีย์ที่งดงาม ด้วยสไตล์การประดับตกแต่งคล้ายคลึงกับมหาเจดีย์พุทธคยา สถานที่พระพุทธเจ้าตรัสรู้ ประเทศอินเดีย โดยทั้งหมดเป็นฝีมือของช่างไทยที่บรรจงสร้างไว้ ถ้าได้แวะมาสักการะ อย่าลืมถ่ายรูปสวย ๆ เก็บไปอวดคนทางบ้านสักอัลบั้ม
อุทยานแห่งชาติโบกขรณี
วิธีการเดินทาง : ถนนอ่าวลึก-แหลมสัก กระบี่ (จากกระบี่ ไปตามทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 4 (ถนนเพชรเกษม) ไปอำเภออ่าวลึก จังหวัดกระบี่ ถึงสี่แยกอ่าวลึก แล้วเข้าสู่ทางหลวงจังหวัดหมายเลข 4039 เป็นระยะทาง 2 กิโลเมตร)
เวลาเปิด - ปิด : ทุกวัน 06.00-18:00 น.
อัตราค่าบริการ : ผู้ใหญ่ 60 บาท เด็ก 30 บาท
“อุทยานแห่งชาติโบกขรณี” มีพื้นที่ทั้งหมด 65,000 ไร่ ครอบคลุมสถานที่ท่องเที่ยวทางบกและทางทะเล สามารถไปเที่ยวแบบไปเช้าเย็นกลับได้อย่างสบาย ธารโบกขรณี ตั้งอยู่ในตำบลอ่าวลึกใต้ อำเภออ่าวลึก จังหวัดกระบี่ เป็นธารน้ำใสมรกตไหลออกมาจากถ้ำลดหลั่นตามหน้าผาหินเป็นชั้น ๆ ลงสู่แอ่งน้ำใสด้านล่าง ซึ่งเหมาะสำหรับมาเล่นน้ำ ชมธรรมชาติ หรือนั่งปิกนิก รวมไปถึงศึกษาเส้นทางธรรมชาติได้อีกด้วย
ถ้ำผีหัวโต
วิธีการเดินทาง : ทางหลวงหมายเลข 4012 กระบี่ (ในอุทยานแห่งชาติธารโบกขรณี)
เวลาเปิด - ปิด : ทุกวัน 08.30-16.00 น.
อัตราค่าบริการ : ถ้าเช่าเรือคายัค ราคาจะตกประมาณ 500 บาท/คน
“ถ้ำผีหัวโต” หรือถ้ำหัวกะโหลก ถือเป็นแหล่งเรียนรู้ประวัติศาสตร์ที่ดูลึกลับและน่าสนใจ (แค่ชื่อก็ดูเร้นลับแล้ว) ที่ได้ชื่อว่าผีหัวโต ก็เพราะในสมัยก่อนเคยขุดค้นพบหัวกะโหลกที่มีขนาดใหญ่โตกว่าปกติ ถ้ำผีหัวโตเป็นถ้ำขนาดใหญ่ตั้งอยู่บนภูเขาเตี้ย ๆ จุดเด่นคือรูปวาดที่ผนังถ้ำเป็นภาพเขียนสีอายุนับพันปีอันมีคุณค่าด้านประวัติศาสตร์ เช่น รูปคน รูปสัตว์ มือ เท้า ฯลฯ ภาพที่เห็นคือภาพคล้ายมนุษย์ต่างดาวทำให้มีข้อสงสัยว่ามีอยู่จริงหรือไม่ นอกจากนั้นก็คือหินงอกหินย้อยที่จัดว่างดงามมาก แค่ฟังเรื่องเล่า ก็ตื่นเต้นแล้วใช่มั้ยล่ะ
ปลายพระยา
ปลายพระยาเป็นอำเภอเล็ก ๆ ตั้งอยู่ตอนเหนือของจังหวัดกระบี่ ถึงจะไม่ได้มีสถานที่ท่องเที่ยวกระจุกตัวมากมาย แต่นักท่องเที่ยวหลายคนก็ต่างดั้นด้นมาถึงที่นี่ เพื่อชมความงามของวัดถ้ำนาฬาคิริง วัดที่มีอุโบสถช้างแห่งเดียวในประเทศไทย จะสวยงามแค่ไหนไปดูกัน
วัดถ้ำนาฬาคิริง
วิธีการเดินทาง : ถนน อบต. กบ. 3179 (บ้านเขาง่าม-บ้านน้ำช่ำ) กระบี่
เวลาเปิด - ปิด : ทุกวัน 08.00-17.00 น.
ถ้าใครมาที่นี่ นอกจากชมอุโบถสถช้างแล้ว ด้านหลังของวัดจะมีขุนเขาตั้งตระหง่านอยู่ โดยมีถ้ำปราสาทนาฬาคิริงอยู่ด้านใน ที่แห่งนี้ถูกค้นพบโดย “หลวงพ่อขจิต กมโล” เจ้าอาวาสวัดถ้ำปราสาทนาฬาคิริง เหตุที่หลวงพ่อขจิตตั้งชื่อถ้ำแห่งนี้ว่าถ้ำปราสาทนาฬาคิริงนั้น เพราะถ้ำนี้มีก้อนหิน หินงอกหินย้อย ที่ชวนให้จินตนาการเกี่ยวกับช้างมากมาย โดยชื่อ “นาฬาคิริง” มาจากชื่อ “นาฬาคิรี” ที่เป็นช้างสำคัญเชือกหนึ่งในสมัยพุทธกาล นอกจากเรื่องเล่าเกี่ยวกับช้างนาฬาคิริงแล้ว เรื่องเล่าเกี่ยวกับนิมิตของหลวงพ่อเจ้าอาวาสเองก็น่าสนใจ แต่จะเป็นอย่างไร เราอยากให้คุณไปหาคำตอบกันเอาเองที่สถานที่แห่งนี้
อ่าวนาง
วิธีการเดินทาง : หาดอ่าวนาง กระบี่ (ถนนริมหาดอ่าวนาง)
“หาดอ่าวนาง” เป็นชายหาดที่มีชื่อเสียงของจังหวัดกระบี่ สุดหาดทางด้านซ้ายเป็นภูเขาหินปูนกั้นหาดอ่าวนางกับหาดไร่เลย์ เป็นจุดต่อเรือไปยังเกาะและหาดต่าง ๆ นักท่องเที่ยวนิยมมาพักที่นี่ จึงเต็มไปด้วยแหล่งชอปปิง แต่อย่าชอปเพลินจนลืมหยุดชมบรรยากาศพระอาทิตย์ตกดินจากที่นี่ เพราะขึ้นชื่อว่าสวยงามมาก
23 ที่เที่ยวกระบี่ กิน นอน ครบ เที่ยวไม่หมดไม่ต้องกลับบ้าน อ่านบทความเพิ่มเติมคลิ๊กที่นี่ bit.ly/3VfCErf