Author Topic: เรื่องพื้นฐานในการทำการตลาดดิจิทัล การตลาดออนไลน์ ที่ต้องรู้  (Read 726 times)

0 Members and 1 Guest are viewing this topic.

Offline siritidaporn

  • Pro Member
  • *
  • Posts: 766
  • Karma: +0/-0

เรื่องพื้นฐานในการทำการตลาดดิจิทัล การตลาดออนไลน์ ที่ต้องรู้  อย่างที่ทราบกันดีว่าสถานการณ์ในปัจจุบันนี้ การแพร่ระบาดของ COVID-19 ส่งผลกระทบครั้งใหญ่กับธุรกิจหลากหลายประเภท ผู้ประกอบการณ์หลายแห่งพยายามปรับตัวเพื่อเปลี่ยนแปลงให้ทันกับสถานการณ์ปัจจุบันและพฤติกรรมผู้บริโภคที่นิยมหันไปจับจ่ายใช้สอยผ่านช่องทางออนไลน์กันมากขึ้น โลกดิจิทัลหรือการตลาดดิจิทัลจึงไม่ใช่เรื่องไกลตัวอีกต่อไป จะมาแชร์เทคนิคพื้นฐานในการ Go Online ที่ผู้ประกอบการหรือคนทั่วไปเองควรอัปเดตให้ทันในปีนี้

 

 

ข้อมูลจาก We are social ช่วง Q1 ที่สรุปออกมาช่วงเดือนเมษายน 2564 อัปเดตสถิติในการใช้งานดิจิทัลทั่วโลกนั้น มีการใช้สมาร์ทโฟนเพิ่มขึ้น 1.9% เมื่อเที่ยบกับปี 2020 และคนใช้งานอินเตอร์เน็ตเพิ่มมากขึ้น 7.6% คิดเป็น 300 กว่าล้านคนเลยทีเดียว  ในส่วนของแอคเคาท์บนโซเชียลมีเดียเองก็มีการใช้งานเพิ่มขึ้นอีก 13.7%

 

นอกจากนี้พฤติกรรมของผู้ใช้งานอินเตอร์เน็ตเอง ยังพบสถิติของเดือนก่อนว่ามีการใช้เครื่องมือ Search Engine อย่างเช่น Google อยู่ที่ 98% มีการใช้เสียงในการค้นหาข้อมูลที่ต้องการ 46.7% ใช้โซเชียลเน็ตเวิร์คต่างๆ หาข้อมูลเกี่ยวกับแบรนด์ 44.7% และใช้เครื่องมือที่ช่วยค้นหาภาพเมื่อใช้งานผ่านอุปกรณ์โทรศัพท์มือถือ 33.8% (ข้อมูลเดือนเมษายน 2021) นี่เองอาจเป็นเหตุผลว่าทำไมธุรกิจของคุณต้องทำการตลาดดิจิทัล ปรับเปลี่ยนเพื่อเอาชนะคู่แข่ง และเป็นการเพิ่มโอกาสในการขายให้กับธุรกิจ

 

1. การสร้าง Branding

ถือเป็นขั้นตอนพื้นฐานในการสร้างแบรนด์หรือธุรกิจของคุณเลยก็ว่าได้ ไม่ว่าจะเป็นการออกแบบโลโก้ร้านค้า โทนสีที่เลือกใช้และความหมายที่ต้องการสื่อ ชื่อแบรนด์ที่กลั่นกรองขึ้นมาแบบมีเอกลักษณ์ หรือภาพจำใด ๆ ก็ตามที่ช่วยให้ลูกค้าของคุณจำแนกแบรนด์ได้ต่างจากคู่แข่ง แต่ก่อนที่คุณจะสร้างการจดจำและให้ลูกค้ารับรู้ เข้าใจ คุณต้องเข้าใจแบรนด์ตัวเองก่อนเป็นอันดับแรก โดยตอบคำได้ให้ได้ว่า ใครคือกลุ่ม Target (กลุ่มเป้าหมาย), สินค้าหรือบริการนี้จะช่วยแก้ปัญหาใดให้กับลูกค้า และอะไรคือจุดแข็งของแบรนด์ ในครั้งแรกของการสร้าง Branding อาจยังไม่ใช่ Indentity (เอกลักษณ์) ของแบรนด์ในท้ายที่สุด เนื่องจากการสร้างแบรนด์สามารถทดลองตลาด และดูประสิทธิภาพหรือผลตอบรับที่ได้ นำไปสู่การพัฒนาเพื่อให้แบรนด์แข็งแกร่งและเกิดเป็นการจดจำที่ดีขึ้น

 

2. วางกลยุทธ์ให้ชัดเจน

การออกรบโดยไม่ได้ศึกษาเส้นทาง, ศัตรู หรือไม่แม้แต่เตรียมอาวุธและกำลังคนให้พร้อม ก็เปรียบเหมือนการขายสินค้าโดยไม่ได้วางกลยุทธให้ธุรกิจเลยก็ว่าได้ ไม่ว่าคุณจะเป็นเจ้าของธุรกิจรายเล็ก อย่าง SMEs หรือผู้ประกอบการขนาดกลางถึงขนาดใหญ่ ย่อมวาง Stratergy (กลยุทธ์) ให้กับธุรกิจได้เสมอ โจทย์สำคัญในยุคนี้ ธุรกิจไหนที่ตั้งรับ ปรับตัวได้ไว ย่อมมีโอกาสได้เปรียบเหนือคู่แข่ง ดังนั้นคุณจึงควรมีแผนธุรกิจที่เหมาะสมกับสินค้าและบริการ ตั้งแต่การออกแบบหรือหยิบตัวสินค้าขึ้นมาขาย การส่งเสริมการขายหรือทำการตลาดในแง่ของออนไลน์-ออฟไลน์อย่างไรให้เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายที่ต้องการ ศึกษาจากคู่แข่งว่ามีจุดแข็ง-จุดด้อยอย่างไรเพื่อที่จะนำมาเป็น Case Study นำไปสู่การปรับปรุงและได้เป็นกลยุทธ์ของแบรนด์เราขึ้นมา สิ่งสำคัญอย่าลืมคำนึงถึง Customer Journey และ Customer Experiecne ว่าสิ่งที่แบรนด์ทำไปนั้นใช่หรือไม่ เพราะหากไม่มีกลยุทธ์ของตัวเองแล้ว วันหนึ่งแบรนด์ก็จะไม่มีจุดยืนที่แข็งแกร่งและเป้าหมายที่จะช่วยพัฒนาธุรกิจให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น

 

3. การทำ Content Marketing

Content is a King สามารถหยิบยกวลีนี้ขึ้นมาได้เสมอ การทำ Content Marketing มีหลากหลายรูปและ แพลตฟอร์ม ไม่มีกฎตายตัวในการสร้างคอนเทนต์แบบฉบับของธุรกิจคุณเอง เพียงแค่ต้องมีความน่าดึงดูดใจถึงแม้จะเป็นธุรกิจ SMEs ก็ตาม เราจะเห็นได้จากในช่วงนี้ที่มีการใช้แพลตฟอร์มหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็น Facebook, Website, Instagram รวมไปถึงการเล่นกับ Sense of Humor ของคนในช่วงนี้ค่อนข้างได้รับความสนใจ แบรนด์ของคุณสามารถนำมาประยุกต์ใช้ให้เหมาะสมกับภาพลักษณ์ของธุรกิจได้ ก่อนจะเริ่มทำ Content ผู้ประกอบการหรือเจ้าของธุรกิจต้องตอบให้ได้ก่อนว่าเรามีจุดประสงค์ (Objective) อย่างไรในการสื่อสาร เช่น Content ขายสินค้าชนิดหนึ่ง ต้องการให้ลูกค้าอ่านแล้วคลิกสั่งซื้อสินค้าทันที หรือต้องการ Educated (ให้ความรู้หรือให้ข้อมูล) กับกลุ่มเป้าหมาย Content นั้นก็ต้องได้คุณค่าหรือช่วยแก้ปัญหาให้ลูกค้าของคุณด้วย รวมถึงความถี่ในการอัปเดท Content เพื่อให้แพลตฟอร์มต่าง ๆ ยังคง Active หรือมีความเคลื่อนไหวอย่างสม่ำเสมอ และลูกค้ายังคงติดตามคุณ

 

4. Search engine optimization (SEO)

หากธุรกิจของคุณมีเว็บไซต์ที่ต้องการ Traffic จาก Users ที่อาจมีโอกาสเป็นลูกค้าของคุณ การทำ SEO ยังเป็นอีกวิธีที่ช่วยให้ธุรกิจของคุณมีโอกาสค้นหาเจอที่หน้าแรกของ Search Engine โดยไม่ต้องเสียค่าโฆษณาเลย โดยอัลกอริทึ่มของเว็บไซต์จะคอยตรวจสอบคุณภาพบนเว็บไซต์ของคุณ หากมีการเลือกใช้คีย์เวิร์ดที่ตรงกลุ่มเป้าหมาย บทความมีประโยชน์และไม่พยายามยัดเยียมคีย์เวิร์ดมากเกินไป รวมถึงปัจจัยอื่น ๆ เช่น การโหลดของเว็บไซต์ หรือ User Experience (ประสบการณ์ของผู้ใช้งาน) รวมถึง Responsive Website ที่สามารถรองรับการแสดงผลผ่านทุกอุปกรณ์ได้ทันที การทำ SEO เพื่อช่วยให้เว็บไซต์ของคุณติดหน้าแรกของ Google ขอแนะนำว่าลองสร้าง Content แบบ Evergreen Content ที่มีความน่าสนใจและเป็นประโยชน์ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปนานแค่ไหน เช่น How to หรือทริคที่น่าสนใจและใช้ได้ตลอดกาล เป็นต้น สำหรับมือใหม่ในการเริ่มต้นทำ SEO เราแนะนำการรีเสิร์ช keywords ใน Google Keywords Planner เพื่อดูความเป็นไปได้และอัตราการแข่งขัน เพื่อให้คีย์เวิร์ดที่ใช้มีประสิทธิภาพมากขึ้น และยังสามารถนำไปต่อยอดเรื่องของการทำโฆษณาผ่าน Google Ads ที่เป็นการคิดเงินผ่านการคลิก (CPC) แต่รูปแบบนี้จะเหมาะกับธุรกิจที่อยากให้แบรนด์เป็นที่รู้จักอย่างรวดเร็วภายในระยะเวลาไม่นาน พร้อมมีค่าใช้จ่ายที่ต้องแบกรับเพิ่มเติม

 

5. ใช้ Social Media ให้เป็นประโยชน์

เรื่องพื้นฐานในการทำการตลาดดิจิทัลที่เหมาะกับผู้เริ่มต้น สามารถเริ่มจากฟรีแพลตฟอร์มอย่าง Social Media ที่มีอยู่และตรงกับพฤติกรรมการใช้งานของกลุ่มลูกค้าคุณ เช่น Facebook, LINE OA, Instagram หรืออื่น ๆ ซึ่งแพลตฟอร์มตรงนี้เองที่ช่วยให้สินค้าหรือบริการของคุณเข้าถึงลูกค้ามากขึ้นผ่านการโฆษณา เมื่อเลือกโซเชียลมีเดียที่จะได้แล้ว ขั้นตอนถัดไปเลือกวัตถุประสงค์หรือ Objective ในการทำโฆษณาที่ต้องตอบได้ว่าทำเพื่ออะไร แน่นอนว่า content ที่เลือกใช้อย่างรูปภาพ หรือ Video ไม่ได้หมายถึงว่าคุณจะโฆษณารูปแบบใดก็ได้ พฤติกรรมของผู้ใช้งานบนโซเชียลมีเดียของแต่ละแพลตฟอร์มยังแตกต่างกันด้วยเช่นกัน เช่น หากแบรนด์เลือกใช้ TikTok อาจเพราะเหมาสำหรับการเจาะกลุ่มเป้าหมายอายุไม่มาก และสื่อสารแบบคลิป video สั้น ๆ แต่ข้อมูลครบถ้วน หรือเลือกใช้ Facebook เมื่อต้องการสื่อสารข้อมูลและรายละเอียดที่มากขึ้น

 

6. Email Marketing สื่อสารสม่ำเสมอ

การทำ Email Marketing คือการสื่อสารการตลาดกับลูกค้าของคุณผ่านการส่งข้อความทาง Email วิธีนี้้ เหมาะสำหรับธุรกิจที่มีฐานข้อมูลหรือ Data ของลูกค้าอยู่แล้ว มักใช้เทคนิคในช่วงที่แบรนด์มีโปรโมชันและทำการส่งอีเมลเพื่อกระตุ้นความสนใจ และเพิ่ม CTA ในอีเมล (call-to-Action) เพื่อพาไปยังหน้าไซต์ที่ต้องการ Content ในการทำอีเมลจึงมีความสำคัญทั้งในส่วนของภาพและเนื้อหา ควรสื่อสารให้ชัดเจน มีข้อความที่จับ ความสนใจของลูกค้าเมื่อคลิกเปิดอ่านทันที ความท้ายทายของวิธีการนี้คือ จะทำอย่างไรหากลูกค้าของคุณไม่ยอมคลิกเปิดอีเมล แนะนำว่าลองตั้งหัวข้ออีเมลที่น่าสนใจจนรู้สึกเสียดายที่จะเลื่อนผ่านข้อความนั้น เช่น การระบุว่าเป็นโปรโมชันพิเศษเฉพาะคุณ เป็นต้น

 

7. การวิเคราะห์ข้อมูล

หลังจากสื่อสาร ทำการตลาดกับกลุ่มเป้าหมายโดยใช้โซเชียลมีเดียที่ต้องการแล้ว ควรมีการวิเคราะห์ข้อมูลหลังจากทำการตลาด เพื่อช่วยให้นำมาปรับปรุงและต่อยอดธุรกิจของคุณให้ดีขึ้น ควรใช้ปัจจัยใดเป็นตัวกำหนดบ้าง ? เราขอแนะนำตัวชี้วัดพื้นฐานดังนี้

1.    Engagement & Reach อธิบายง่าย ๆ คือข้อมูลที่คนเข้าถึงโฆษณาของคุณและมีส่วนร่วมกับโพสต์นั้น ๆ เช่น Like, Comments หรือ Shares ข้อมูลตรงนี้สามารถนำมาต่อยอดเพื่อสร้าง Content ของคุณได้อีกด้วย

2.    Conversion Rate คืออัตราส่วนของคนที่เข้าชมเว็บไซต์ของคุณ เพื่อบอกว่าเว็บได้คุณภาพและมีคนสนใจสินค้าแบบใด มาจากช่องทางไหน สามารถนำมาวิเคราะห์ธุรกิจได้เลย

3.    ROI หรือ (Return of Investment) คือการวัดผลตอบแทนในการลงทุน แต่ละแบรนด์จะกำหนดวัตถุประสงค์อย่างไร เช่น เมื่อคุณทำโฆษณาผ่านโซเชียลมีเดียแต่ละช่องทาง และต้องการ Lead รายชื่อ อาจคำนวณค่าใช้ง่ายในการทำโฆษณากับรายชื่อที่ได้มา ว่าเฉลี่ยต่อคนคิดเป็นราคาเท่าไหร่ เป็นต้น

 


เรื่องพื้นฐานในการทำการตลาดดิจิทัล การตลาดออนไลน์ ที่ต้องรู้ อ่านบทความเพิ่มเติมคลิ๊กที่นี่ https://techwealth99.com/


 
Share this topic...
In a forum
(BBCode)
In a site/blog
(HTML)