ยักษ์โน้ตบุ๊กงัดกลยุทธ์ขยายไลน์สินค้า สร้างเซ็กเมนต์ใหม่เพื่อขยายฐานรายได้เสริมทัพตลาดโน้ตบุ๊ก "เอเซอร์" ชูสมาร์ทโฟนหัวหอกธุรกิจ ไตรมาส 3 เตรียมส่งสมาร์ทโฟนแอนดรอยด์กว่า 10 รุ่นลงตลาด เผยเดือน มิ.ย.ทำสถิติขายพีซีโน้ตบุ๊กทะลุ 7 หมื่นเครื่อง ด้าน "อัสซุส" ประเดิมส่ง โน้ตบุ๊กโฮมเอ็นเตอร์เทนเมนต์ระดับพรีเมี่ยม ใช้เครื่องเสียงขั้นเทพจาก Bang & Olufsen พร้อมเตรียมส่งแท็บเลตและอีบุ๊กตะลุมบอนช่วงปลายปี
นายนิธิพัทธ์ ประวีณวงศ์วุฒิ ผู้จัดการอาวุโสฝ่ายการตลาด บริษัท เอเซอร์ คอมพิวเตอร์ จำกัด กล่าวว่า ภาพรวมการแข่งขันของตลาดคอมพิวเตอร์ยังคงแข่งที่เรื่องสเป็กและราคาอย่างรุนแรงเหมือนกับที่ผ่านมา หากรายใดไม่สามารถสู้ได้จะ แข่งขันได้ยากและต้องออกจากเกม แต่เชื่อว่าปัจจุบันหลายบริษัทกำลังเริ่มมองหาตลาด หรือเพิ่มหมวดสินค้าประเภทใหม่ ๆ เพื่อสร้างการเติบโตในอนาคต รวมถึง เอเซอร์เช่นกัน
โดยไตรมาส 3 เอเซอร์จะเน้นการบุกทำตลาดกลุ่มเฮนด์เฮลด์หรือ สมาร์ทโฟนมากขึ้น ผ่านการทำกิจกรรมการตลาดและการเปิดตัวสินค้าใหม่ เพราะเป็นตลาดใหม่ที่ เอเซอร์เพิ่งเริ่มเข้าไปจับ คาดว่าจะสามารถสร้างการเติบโตในอนาคตได้
"เนื่องจากการทำตลาดโน้ตบุ๊กเริ่มคงที่และอยู่ตัวแล้ว แต่ตลาดโมบายล์กำลังเป็นดาวรุ่งของเอเซอร์ โดยกลุ่มธุรกิจเฮนด์เฮลด์ซึ่งมีสมาร์ทโฟนนั้นมีการเติบโตที่ดี และช่วงปลายไตรมาส 4 หรือ ต้นปีหน้าเอเซอร์จะนำอีรีดเดอร์และแท็บเลตเข้ามาเสริมทัพด้วย"
โดยครึ่งปีหลังเอเซอร์มีแผนที่จะเปิดตัวสมาร์ทโฟนกว่า 10 โมเดล บนระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์ เน้นราคาที่แข่งขันได้ ซึ่งเป็นจุดเด่นของแบรนด์เอเซอร์มาตลอด รวมถึงกิจกรรมการตลาดกับโอเปอเรเตอร์เพื่อเสริมความแข็งแกร่งด้านช่องทางจำหน่าย นอกเหนือจากช่องทางการจำหน่ายมือถือทั่วไปด้วย อย่างไรก็ตามบริษัทยังมีความท้าทายเรื่องดีไซน์สินค้าที่ต้องเร่งให้ความสำคัญมากขึ้น เพราะเป็นส่วนประกอบสำคัญ หากต้องการทำตลาดมือถือให้สำเร็จ
ทั้งนี้ปัจจุบันเอเซอร์สมาร์ทโฟนมีสัดส่วนรายได้ไม่ถึง 5% ของรายได้เอเซอร์ทั้งหมด และตั้งเป้าภายในสิ้นปี 2553 มีสัดส่วนเพิ่มขึ้นเป็น 5-10%
นายนิธิพัทธ์กล่าวถึงภาพรวมตลาดคอมพิวเตอร์ครึ่งปีหลังว่า ยังคงจะมีการเติบโตต่อเนื่อง เพราะสถานการณ์ในไทยเริ่มกลับสู่สภาวะปกติ และหากไม่มีเหตุการณ์ความรุนแรงใด ๆ เกิดขึ้นอีก คาดว่าตลาดพีซีไทยจะมีการเติบโตระดับสอง ดิจิต โดยไอดีซีรายงานว่า ไตรมาส 1 ตลาดพีซีในไทยมีการเติบโต 20% ขณะที่โน้ตบุ๊กเอเซอร์มีการเติบโตประมาณ 35% แต่เดสก์ทอปโตไม่ถึง 10%
นอกจากนี้ในเดือน พ.ค. 2553 เอเซอร์สามารถทำสถิติยอดขายสูงสุดเท่าที่เคยทำตลาดในไทยมา ประมาณ 7 หมื่นเครื่อง จากปกติมียอดขายเฉลี่ยเดือนละ 5-6 หมื่นเครื่อง สาเหตุมาจากผู้บริโภคอั้นกำลังซื้อจากสถานการณ์การเมือง ประกอบกับมีเทคโนโลยีใหม่ซีพียูตระกูลคอร์ และยังเป็นช่วงเอเซอร์เปลี่ยนโฉมสินค้าใหม่ด้วย
และล่าสุดเอเซอร์เปิดตัวโครงการ Acer-Intel Unwire Campus Tour 2010 นอกจากการโรดโชว์สินค้า ให้ความรู้กับนิสิต นักศึกษา การจัดกิจกรรมคอนเสิร์ตกับมหาวิทยาลัยจำนวน 11 แห่งแล้ว ปีนี้ได้เพิ่มกิจกรรมให้นักศึกษาร่วมโครงการประกวดแผนธุรกิจการออกแบบแอปพลิเคชั่นสำหรับธุรกิจดิจิทัล พับลิชชิ่ง ตั้งแต่ขั้นตอนการผลิตไปจนถึงให้บริการเชิงพาณิชย์ ที่สามารถใช้ได้บนอุปกรณ์ทุกแพลตฟอร์ม เช่น สมาร์ทโฟน แท็บเลต อีรีดเดอร์ คอมพิวเตอร์ เป็นต้น โดยผู้ชนะจะได้รับทุนการศึกษา คอมพิวเตอร์ ถ้วยเกียรติยศ รวมมูลค่ากว่า 3 แสนบาท ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งเพื่อเป็นการให้ความรู้กับตลาดเพื่อเตรียมความพร้อมด้านสื่อดิจิทัล ก่อนที่เอเซอร์จะเปิดตัวอีรีดเดอร์และแท็บเลตในช่วงปลายปีนี้
ด้านนายพรเทพ วัชรอำนวย กรรมการ ผู้จัดการ บริษัท อัสซุสเทค คอมพิวเตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวกับ "ประชาชาติธุรกิจ" ว่า เนื่องจากขณะนี้การแข่งขันในตลาดโน้ตบุ๊กไม่มีความแตกต่างในแง่สินค้าและราคา ดังนั้นการทำตลาดจึงต้องมีการ ครีเอตสร้างเซ็กเมนต์ใหม่ ๆ เพื่อสร้างความแตกต่างและกลุ่มลูกค้าใหม่ ซึ่งล่าสุดบริษัทได้เปิดตัวโน้ตบุ๊กโฮมเอ็นเตอร์เทน เมนต์ดีไซน์หรู ASUS NX Series เน้นดีไซน์และโสตสัมผัสระดับสูง เป็นเสมือนเฟอร์นิเจอร์หรูในบ้าน ด้วยจอแสดงภาพระดับ Full HD 1080p ขนาดใหญ่พิเศษ 18.4 นิ้ว โดดเด่นด้วยกรอบนอกวัสดุอะลูมิเนียม ผิวเรียบเป็นเงาแวววาว แตกต่างด้วยการจัดวางลำโพงคู่ในแนวตั้งข้างจอภาพตามรูปแบบโฮมเธียเตอร์ พร้อมเทคโนโลยีที่เป็นลิขสิทธิ์เฉพาะของอัสซุส ภายใต้ชื่อ "ASUSSonic Master" โดยเป็นผลงานการร่วมมือกับบริษัท Bang & Olufsen ICEpower ประเทศเดนมาร์ก
สำหรับโน้ตบุ๊ก ASUS NX Series มีระดับราคาตั้งแต่ 4 หมื่นกว่าไปจนถึง 99,900 บาท กลุ่มเป้าหมายระดับพรีเมี่ยม ซึ่งปกติเครื่องเสียงบ้านของ Bang & Olufsen ICEpower ก็ชุดละ 3-4 แสนบาทอยู่แล้ว ซึ่งถือว่าเป็นเซ็กเมนต์ใหม่ที่อัสซุสไม่เคยทำตลาดมาก่อน โดยที่ผ่านมาอัสซุส ก็จะอยู่ในเซ็กเมนต์ของเกมเมอร์ หรือที่มีสินค้าออกสู่ตลาดมาอย่างต่อเนื่องก็คือ Lamborghini Collection ที่ออกแบบร่วมกับรถยนต์ซูเปอร์คาร์
นายพรเทพกล่าวว่า ตลาดนี้ถือว่าเป็น นิชมาร์เก็ต จำนวนอาจจะไม่มาก แต่เป็น กลุ่มลูกค้าใหม่ที่จะเข้ามาเสริม โดยสินค้าจะเริ่มเข้ามาทำตลาดในช่วงเดือน ส.ค.นี้ และในช่วงไตรมาส 4 ก็จะมีการนำโปรดักต์ใหม่ประเภทแท็บเลตพีซีและอีบุ๊กเข้ามาทำตลาดเพิ่มเติม ซึ่งถือว่าเป็นเซ็กเมนต์ใหม่ที่คาดว่าจะเข้ามามีบทบาทสำคัญ
ที่มา: prachachat.net