ตัวเลขคาดการณ์ของตลาด "พีซี" หรือคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลปี 2552 อยู่ที่ 1.2 ล้านเครื่อง โตลดลงจากปี2551ที่มี 1.3 ล้านเครื่อง
และว่ากันว่า นับจากนี้เป็นต้นไปตัวเลขของตลาดพีซีจะปรับลดลงทุกปีๆ
ปีนี้จะเป็นปีแรกที่ตลาด "โน้ตบุ๊ค" เติบโตแซงหน้า "พีซี" แบบไม่เห็นฝุ่น คาดว่าจะมีตัวเลขในตลาดมากถึง 1.4 ล้านเครื่อง ยังไม่นับมินิโน้ตบุ๊คที่คาดว่าจะพุ่งไปถึง 1.4 แสนเครื่อง หากรวมทั้งโน้ตบุ๊ค และมินิโน้ตบุ๊คตลาดนี้จะมีตัวเลขสูงถึง 1.5 ล้านเครื่อง ทำให้สัดส่วนตลาดโน้ตบุ๊คแซงขึ้นเป็น 55% ขณะที่พีซีจะเหลือเพียง 45% เท่านั้น
"ตลาดพีซีนับจากนี้ หากเจ้าของแบรนด์หลักๆ ในตลาดไม่ปรับกลยุทธ์ หรือทำแคมเปญล่อใจ ตลาดจะไม่โต และจะติดลบไปทุกปี เพราะมีตลาดที่จะเข้ามาทดแทนอย่างโน้ตบุ๊ค และมินิโน้ตบุ๊คในระดับราคาที่ใกล้เคียงกัน รวมถึงสภาพเศรษฐกิจที่ย่ำแย่ ตลาดพีซีที่ยังเติบโตได้อยู่จะเป็นตลาดเฉพาะกลุ่มที่ต้องใช้พีซีสมรรถนะสูงๆ ในการสร้างงาน เช่น วงการแอนิเมชั่น หรือวงการเกม รวมถึงร้านอินเทอร์เน็ต เป็นต้น" นายจำรัส สว่างสมุทร ที่ปรึกษาโครงการสำรวจเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร ศูนย์เทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์แห่งชาติ (เนคเทค) กล่าว
ผู้ซื้อหันหาโน้ตบุ๊ค
ขณะที่พฤติกรรมผู้บริโภคได้เปลี่ยนไป จากเดิมที่ซื้อพีซี เป็นเครื่องแรก ก็จะหันมาซื้อโน้ตบุ๊คแทน เพราะปัจจุบันช่วงห่างของราคาพีซี และโน้ตบุ๊คใกล้เคียงกันมาก รวมทั้งประสิทธิภาพก็ใกล้เคียงกัน ส่งผลให้ผู้บริโภคตัดสินใจซื้อโน้ตบุ๊คเป็นคอมพิวเตอร์เครื่องแรกมากขึ้น
นอกจากนี้โน้ตบุ๊คยังขยายตัวเข้าไปอยู่ในสถานศึกษาเพิ่มขึ้น เห็นได้ว่าปัจจุบันนักศึกษาก็จะมีโน้ตบุ๊คเป็นของตัวเอง ส่งผลให้ปริมาณการขายโน้ตบุ๊คเพิ่มขึ้น โดยปีนี้คาดว่าตลาดโน้ตบุ๊คจะโตขึ้นอีก 20% ซึ่งอาจไม่สูงมากนักเมื่อเทียบกับปี 2551 เนื่องจากการเติบโตของตลาดมินิโน้ตบุ๊ค ซึ่งพัฒนารูปแบบให้ใกล้เคียงกับโน้ตบุ๊ค จึงเข้ามาแย่งส่วนแบ่งตลาดโน้ตบุ๊คไปบางส่วน
ดั๊มพ์พีซีสนามคอมมาร์ต
งาน "คอมมาร์ต" ที่กำลังจะมีขึ้นในสัปดาห์หน้าจึงน่าจะเป็นสมรภูมิ "ดั๊มพ์ราคา" พีซีกันแบบครั้งมโหฬาร เพราะมีรายงานข่าวว่า ภายในงานจะลดราคาพีซีกันแบบสุดๆ เหลือราคาระดับเพียง 5,000 ต้นๆ (ไม่รวมจอ) ไปจนถึงไม่เกิน 9,900 บาท
นายนิธิพัทธ์ ประวีณวงศ์วุฒิ ผู้จัดการอาวุโสฝ่ายการตลาด บริษัท เอเซอร์ คอมพิวเตอร์ จำกัด กล่าวว่า เอเซอร์เตรียมนำพีซี ไม่รวมจอราคา 5,900 บาทมาขายที่งานนี้ เพื่อกระตุ้นกำลังซื้อ และถือเป็นการลดราคาพีซีที่ต่ำที่สุดในรอบหลายปี
"ผมมองว่า ตอนนี้ผู้ค้าหลายรายจะหันมาใช้ราคาเป็นตัวดึงดูด เพราะกำลังซื้อมีไม่มาก โดยเฉพาะตลาดพีซีที่ไตรมาส 1 ไม่โตแน่ๆ ยิ่งสภาพเศรษฐกิจเป็นแบบนี้กระทบไปหมด ไม่เฉพาะแค่พีซี ทำให้จากนี้ไปจะเห็นสินค้าหลายประเภท หันมาใช้ราคาเป็นกลยุทธ์ และลูกค้าก็จะมีทางเลือกที่หลากหลายมากขึ้น"
ผู้บริหารเอเซอร์ กล่าวด้วยว่า ส่วนการยืดโปรโมชั่นจากงานคอมมาร์ตออกไป โดยเฉพาะในช่วงเศรษฐกิจตกต่ำเช่นนี้ ต้องรอดูแนวโน้มที่เกิดขึ้นภายในงานก่อนว่าสมควรจะคงโปรโมชั่นไว้ในช่วงเวลาปกติหรือไม่ แต่ก็ยอมรับว่าเป็นวิธีหนึ่งที่จะสามารถช่วยกระตุ้นกำลังซื้อได้มากขึ้นกว่าช่วงเวลาที่มีอีเวนท์
เอชพีทำราคาต่ำหมื่น
ด้านนายปวิณ วรพฤกษ์ ผู้จัดการกลุ่มผลิตภัณฑ์และการตลาด กลุ่มธุรกิจเพอร์ซัลแนล ซิสเต็มส์ กรุ๊ป (พีเอสจี) บริษัท ฮิวเลตต์-แพคการ์ด (ประเทศไทย) จำกัด หรือเอชพี กล่าวว่า บริษัทเตรียมนำพีซีพร้อมจอราคาถูกเปิดตัวขายในงาน ด้วยราคาไม่เกิน 9,900 บาท โดยหวังว่าจะช่วยกระตุ้นตลาดพีซีที่คาดว่าไตรมาส 1 ผู้ค้าส่วนใหญ่จะทำได้แค่รักษายอดขายไว้ให้คงที่
"ตลาดเดสก์ทอปไตรมาสแรกคงทำได้แค่การรักษาตลาดไม่ให้ตกลงไปกว่านี้ โดยยังคงมีสัดส่วนการขายในกลุ่มธุรกิจขนาดกลางและเล็ก (เอสเอ็มอี) และกลุ่มผู้ใช้งานทั่วไปที่ยังมีกำลังซื้อ ขณะที่กลุ่มภาครัฐ และการศึกษาชะลอตัว ส่วนภาคราชการ และโครงการขนาดใหญ่ตลาดส่วนนี้ดรอปลงไปมาก คาดว่าสัดส่วนตอนนี้คอนซูมเมอร์จะอยู่ที่ 60% คอมเมอร์เชียล 40%"
นอกจากนี้ บริษัทยังเตรียมเพิ่มศูนย์บริการอีก 10% เพื่อรองรับลูกค้ากลุ่มผู้ใช้เดสก์ทอปทั่วประเทศโดยเฉพาะด้วย โดยปัจจุบันเอชพีมีศูนย์บริการทั่วประเทศราว 35 แห่ง
เอสวีโอเอมุ่งตจว.
นายวีระ อิงค์ธเนศ กรรมการผู้จัดการ บมจ.เอสวีโอเอ กล่าวว่า บริษัทเข้าร่วมงานคอมมาร์ตเพียงเพื่อสร้างความมั่นใจแก่ผู้บริโภคว่า เอสวีโอเอยังอยู่ในตลาด เป็นการเน้นภาพลักษณ์มากกว่าการขาย ไม่มีนโยบายปั่นราคา หรือทำคอมพิวเตอร์ราคาถูกเข้าลงสนามแข่งขันกับรายอื่น ไม่ว่าโลคอลแบรนด์ หรืออินเตอร์แบรนด์
"ผมมีชาแนลอื่นๆ ทำตลาดอยู่แล้ว ไม่ต้องมาวุ่นวายกับงานคอมมาร์ต สู้เอาราคาดีๆ ไปให้กับชาแนลที่มีอยู่ดีกว่า ภายในงานผู้ซื้อคาดหวังเยอะ และต้องเดินเปรียบเทียบราคา คอมพิวเตอร์ราคาต่ำกว่า 1 หมื่นบาทจะเป็นพวกเน็ตท็อป ที่ใช้งานอินเทอร์เน็ตได้ แต่ฟังก์ชั่นอื่นๆ มีจำกัด จึงไม่น่าจะเวิร์ค ทำไปทำมาจะพาแย่กันไปเท่านั้น เพราะคนเดินงานจะรู้เทคโนโลยี และมีประสบการณ์จากเน็ตบุ๊คมาแล้ว เพิ่มเงินอีกนิดหน่อยก็ได้ใช้คอมพิวเตอร์เต็มประสิทธิภาพ" นายวีระกล่าว
อย่างไรก็ตาม ช่วงเศรษฐกิจเช่นนี้ ทุกรายต้องเอาตัวรอดให้ได้ ส่วนของเอสวีโอเอจะไปกับช่องทางจำหน่ายที่มีคือ นอกเมือง รากหญ้า และประมูลราชการ ซึ่งสร้างตลาดมา 4-5 ปีแล้ว ถึงวันนี้เรียกได้ว่า อยู่ตัวแล้ว ไม่ต้องไปแข่งขันกับช่องทางจำหน่ายไอทีที่เป็นร้านค้าเล็กๆ ตามช็อปปิ้งมอลล์ หรืองานโชว์ต่างๆ
ล่าสุด บริษัทกำลังจะไปจัดงานสัญจรต่างจังหวัดที่อำนาจเจริญ แสดงคอนเสิร์ตพร้อมๆ กับให้ความรู้ด้านคอมพิวเตอร์ เปิดประสบการณ์คอมพิวเตอร์เต็มรูปแบบดูหนัง ฟังเพลง เล่นเน็ต และใช้งานอื่นๆ แก่กลุ่มเป้าหมายคนทั่วไปที่อยู่พื้นที่ห่างไกล
ที่มา: bangkokbiznews.com