Author Topic: ไฟรั่ว เครื่องทำน้ำอุ่น  (Read 204 times)

0 Members and 1 Guest are viewing this topic.

Offline guruonline

  • Jr. Member
  • **
  • Posts: 69
  • Karma: +0/-0
    • http://www.facebook.com/-
    • http://instagram.com//-

เครื่องทำน้ำอุ่น เป็นเครื่องใช้ไฟฟ้าที่มีความเสี่ยงสูงที่สุด ในบรรดาเครื่องใช้ไฟฟ้าในบ้านทั้งหมด เพราะหากเกิดกระแสไฟรั่ว หรือการช็อตทั้งจากตัวเครื่อง หรือสายไฟในบ้านจะเกิดอันตรายกับคนในบ้านที่ใช้งานอย่างแน่นอน 

โดยปกติในตัวเครื่องทำน้ำอุ่นจะมีเบรกเกอร์กันดูดไว้ตัดไฟให้...แต่!!! การตัดไฟที่ดีต้องอยู่ในเวลาที่ได้มาตรฐานด้วย หากตัวตัดไฟในเครื่องเสื่อมสภาพตัดช้ากว่าที่มาตรฐานกำหนดผู้ที่ใช้งานก็อันตรายถึงชีวิตได้เช่นกัน และแนะนำอย่างยิ่ง สำหรับการติดตั้งเบรกเกอร์คุมเครื่องทำน้ำอุ่นเพิ่มต่างหาก เพราะกันดูดในตัวเครื่องส่วนใหญ่ โดยเฉพาะรุ่นใหม่ ๆ จะเป็นแบบ Electronic ซึ่งเราจะไม่สามารถมั่นใจได้เลยว่า  เบรกเกอร์ชนิดนี้ยังทำงานได้ดีอยู่หรือไม่ การติดตั้งเบรกเกอร์คุมเพิ่มจึงเป็นการเพิ่มความปลอดภัยให้คนในบ้านได้อย่างดีเพราะมันจะตัดไฟได้ 100%
 
สายดินกับเครื่องทำน้ำอุ่น

หลายคนคงเคยได้ยินคำเตือนที่ว่า “ถ้าจะติดเครื่องทำน้ำอุ่นต้องมีสายดินด้วย” อยู่บ่อย ๆ เพราะมันจะปลอดภัยกว่า แล้วรู้มั้ยว่าถ้าวันนึงสายดินหรือแท่งกราวด์ที่ปักลงดินเสื่อมสภาพ ได้รับความเสียหาย หรือไม่ได้มาตรฐานแล้วจะส่งผลอย่างไรต่อเครื่องทำน้ำอุ่นบ้าง 

หลักการทำงานของสายดินคือ กระแสไฟที่ไหลมากับน้ำจะไหลลงดิน โดยผ่านตัวคนเป็นสื่อกลาง ดังนั้นหากบ้านไม่มีสายดินกระแสไฟจะไม่สามารถไหลลงดินได้ ค่าความต้านทานมาตรฐานของสายดินควรต่ำกว่า 5 โอม ( ยิ่งน้อยยิ่งดี ) เพราะกระแสไฟจะไหลไปจุดที่มีค่าความต้านทานต่ำก่อนเสมอ ถ้าหากแท่งกราวด์ที่ปักลงดิน หรือสายดินที่บ้านของท่านเสื่อมสภาพหรือไม่ได้มาตรฐาน มีความเสี่ยงสูงมากที่ตัวผู้ใช้จะมีค่าต้านทานน้อยกว่าดิน ทำให้กระแสไฟวิ่งเข้าตัวผู้ใช้แบบที่เรียกว่ารั่วมาเท่าไหร่ ก็โดนเท่านั้นเลย

“บ้านลูกค้าของไฟฟ้าโปรหลังหนึ่ง คนในบ้านไม่กล้าอาบน้ำโดยใช้เครื่องทำน้ำอุ่น เพราะทุกครั้งที่ใช้งานรู้สึกมีกระแสไฟดูดตลอด แม้ไม่แรงมากแต่ก็กลัว ทีมงานเข้าตรวจสอบพบว่าบ้านลูกค้าเคยน้ำท่วม ทำให้แท่งกราวด์ที่ปักลงดินเคลื่อนที่ วัดค่าความต้านทานแล้วผลอยู่ที่ 200 !!! ไม่โดนดูดยังไงไหวล่ะ”

เห็นได้ชัดว่า ถ้าไม่ให้ผู้เชี่ยวชาญเข้ามาตรวจสอบเราไม่มีทางรู้ได้เลยว่าระบบไฟฟ้า ในบ้านยังคงปลอดภัย ได้มาตรฐานดีอยู่หรือไม่ จนกว่ามันจะเกิดเหตุหรือปัญหาขณะใช้งาน ซึ่งหากเกิดเหตุไม่คาดฝันขึ้นมา ความเสียหายอาจมากถึงขั้นที่ไม่สามารถกลับไปแก้ไขอะไรได้อีกเลย ดังนั้นควรตรวจสอบระบบไฟฟ้าบ้างและไม่ละเลยต่อสัญญาณเตือนเล็ก ๆ ของระบบไฟฟ้า


 
Share this topic...
In a forum
(BBCode)
In a site/blog
(HTML)