Author Topic: ไฟตกบ่อย เกิดจากอะไร? อันตรายแค่ไหน?  (Read 243 times)

0 Members and 1 Guest are viewing this topic.

Offline guruonline

  • Jr. Member
  • **
  • Posts: 69
  • Karma: +0/-0
    • http://www.facebook.com/-
    • http://instagram.com//-

ไฟตกบ่อย เกิดจากกำลังไฟฟ้าไม่เพียงพอกับการใช้งาน ปกติแรงดันไฟฟ้าที่จ่ายมาจากการไฟฟ้าให้ตามบ้านเรือน หรืออาคารโดยทั่วไปจะเป็น 220 โวลต์ (220V) โดยประมาณแต่ในกรณีที่เกิดไฟตก แรงดันไฟฟ้าที่จ่ายมาจะลดลงต่ำกว่า 220 โวลต์ในช่วงเวลาสั้น ๆ เช่น ลดลงเหลือแค่ 170-200 โวลต์ ซึ่งจะทำให้อุปกรณ์ไฟฟ้าทำงานไม่ปกติ เพราะอุปกรณ์ไฟฟ้าส่วนใหญ่ออกแบบมาให้ทำงานได้ที่ระดับแรงดัน 220 โวลต์ จะเห็นได้ชัดเจน จากอาการที่ หลอดไฟมีความสว่างน้อยลง หรือมีการกระพริบ ถ้าเป็นมาก ๆ ก็จะกระพริบถี่ทำให้ต้องปวดตา หรือมึนกันไปเลยทีเดียว พัดลมจะหมุนช้าลง ปั๊มน้ำ หรือแอร์อาจจะหยุดทำงานไปเลยหลายคนอาจจะต้องเสียเงินเสียทองไปกับอุปกรณ์ไฟฟ้าที่เสียหาย อันเนื่องมาจากเหตุการณ์นี้

สาเหตุของไฟตกบ่อย เกิดจากอะไรได้บ้าง
          1. จุดเชื่อมต่ออาจจะหลวม จุดเชื่อมต่อสายไฟที่เชื่อมต่อเข้าสู่ระบบไฟฟ้าในบ้าน หรืออาคาร
          2. มีการใช้งานเครื่องใช้ไฟฟ้าพร้อมกันหลายอย่าง ทำให้กำลังไฟที่จ่ายมาไม่เพียงพอ
          3. มีการเดินสายไฟที่ไม่ได้มาตรฐาน หรือ ไม่เหมาะสมกับอุปกรณ์ไฟฟ้าที่ใช้งาน
          4. สายไฟฟ้าภายในบ้าน หรืออาคารมีจุดที่ชำรุด ทำให้เกิดการสูญเสียแรงดันไฟฟ้าอยู่ตลอด
          5.บ้านอยู่ห่างจากสถานีจ่ายไฟฟ้ามากเกินไป มีการลากสายที่ยาว และไม่มีหม้อแปลงมาช่วยปรับค่าแรงดันไฟฟ้าพบได้ในพื้นที่ต่างจังหวัด
          6. ถ้าในละแวกบ้านเดียวกันมีปัญหาเหมือนกัน ก็อาจจะเกิดจากการใช้ไฟที่มากเกินไปในพื้นที่นั้น ๆ โดยไฟฟ้าจากสถานีไฟฟ้าต้นทางที่ส่งมาไม่เพียงพอกับความต้องการ
          7. อาจเป็นช่วงที่การไฟฟ้ามีการทดสอบระบบ หรือซ่อมแซมอุปกรณ์ ซึ่งอาจเป็นระยะเวลาสั้น
          8. เกิดจากฝนฟ้าคะนอง ลมแรง หรือ อุบัติเหตุ กิ่งไม้หักไปพาดกับสายส่งไฟฟ้า รถไปชนเสาไฟฟ้า ไฟไหม้สายไฟฟ้าจนขาด ทำให้เกิดการช็อต

รู้หรือไม่ ไฟตกอันตรายกว่าที่คิด !!!
           สำหรับบางบ้านอาจมีอาการแค่ไฟกระพริบ หรือดับลงชั่วครู่ แต่มันไม่ใช่แค่นั้น นอกจากไฟกระพริบไฟดับแล้ว การที่ไฟตกบ่อยเครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้าน จะได้รับผลกระทบอย่างแน่นอน เพราะกระแสไฟฟ้าไม่สม่ำเสมอ จนบางครั้งเครื่องต้องหยุดทำงานฉับพลันส่งผลให้เครื่องใช้ไฟฟ้าชิ้นนั้นเสื่อมสภาพเร็วขึ้น อายุการใช้งานสั้นลง หรือรุนแรงไปกว่านั้น คือไฟตกบ่อยบวกกับความขัดข้องของเครื่องใช้ไฟฟ้าเข้าไปอีก อาจทำให้ไฟบ้านเกิดการลัดวงจร จนเป็นสาเหตุหนึ่งของการเกิดไฟไหม้บ้านได้
 
ทำอย่างไร ให้บ้านไม่มีปัญหาไฟตกบ่อย
การที่ไฟตกบ่อย ๆ เป็นสัญญาณนึงที่บ่งบอกว่าระบบไฟฟ้าในบ้านไม่ได้รับการดูแล บำรุงรักษามากพอ เพราะฉะนั้น คุณควรดูแลและตรวจเช็คระบบไฟฟ้า และ เครื่องใช้ไฟฟ้าในบ้านบ้าง เพื่อให้มั่นใจว่าทุกคนในบ้านสามารถใช้ไฟฟ้าได้อย่างปลอดภัย

1. ตรวจสอบ-คำนวนการเดินระบบไฟให้ดีตั้งแต่ตอนสร้างบ้าน หรือ ซื้อบ้านให้ดี

2. เลือกอุปกรณ์จ่ายไฟฟ้าที่เหมาะสมกับการใช้งานในบ้านของคุณ

3. ติดตั้งอุปกรณ์ ป้องกันไฟตก หรือที่เรียกว่าเครื่องรักษาแรงดันไฟฟ้า

4. เลือกปลั๊กพ่วงที่ได้มาตรฐาน มีฉลากยืนยัน และหากมีระบบตัดไฟเมื่อกระแสไฟเกินด้วยจะดีมาก

5. ระวังการจ้างช่าง – ผู้รับเหมาไฟฟ้าทั่วไปเข้ามาแก้ปัญหา หรือเพิ่มเติมระบบไฟฟ้าในบ้าน เพราะ

ปัญหาส่วนนึงของไฟตกเกิดจากการเชื่อมจุด จั๊มจุดสายไฟต่าง ๆ ที่ไม่ได้มาตรฐานพบบ่อยในบ้านที่มีการต่อเติมเล็ก ๆ น้อย ๆ 

6. ตรวจระบบไฟฟ้าในบ้าน หากมีความรู้เรื่องไฟฟ้าอยู่บ้าง ก็ใช้วิธีตรวจตามที่ถนัดได้เลย แต่หากไม่มีความรู้เรื่องไฟฟ้าและบ้านมีอายุมากกว่า 5 ปีแล้ว ควรให้ผู้เชี่ยวชาญเข้ามาช่วยตรวจระบบไฟฟ้าให้ดีกว่า ด้วยความรู้ และ อุปกรณ์การตรวจเฉพาะทางนั้นจะให้ความแม่นยำสูงและมั่นใจได้แน่นอน

7. เลือกเครื่องใช้ไฟฟ้าที่มีมาตรฐาน บางครั้งตัวเครื่องใช้ไฟฟ้าที่ไม่สมบูรณ์ถ้าเสียบใช้งานในบ้านเป็นเวลานานอาจทำให้ส่งผลเสียต่อระบบไฟฟ้าส่วนอื่น ๆ จนไฟตก หรือ เกิดไฟฟ้าลัดวงจรได้เช่นกัน

เพราะไฟฟ้าคือสิ่งที่จำเป็นต่อการดำรงชีวิตทุกวัน หากเกิดปัญหากับระบบไฟฟ้าภายในบ้านจนใช้งานไม่ได้ ก็คงทำให้การใช้ชีวิตยากขึ้นหลายเท่า ไหนจะเรื่องของการเสียเงินซ่อมแซม ซื้อเครื่องใช้ไฟฟ้าใหม่ รวมไปถึงหากเกิดเพลิงไหม้ความสูญเสียนั้นเทียบไม่ได้กับค่าตรวจระบบไฟฟ้าปีละครั้งเลยสักนิด หากไม่สันทัดเรื่องไฟฟ้า แนะนำให้ปรึกษาผู้ที่มีความเชี่ยวชาญ เพื่อความปลอดภัยสูงสุดของตัวคุณเอง


 
Share this topic...
In a forum
(BBCode)
In a site/blog
(HTML)