"กลุ่มจัสมิน" เปิดสงครามแบนด์วิดธ์ เพิ่มความเร็ว "Maxnet" 3 เมกะบิต ในราคา 590 บาท
พร้อมเดินหน้าลงทุน 5,000 ชุมสายทั่วประเทศ ด้วยงบลงทุน 3,000 ล้านบาท ใน 2 ปี
ตั้งเป้าลูกค้าปีนี้ 7 แสนราย หวังรายได้รวม 7,500 ล้านบาท
นายพิชญ์ โพธารามิก ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มบริษัทจัสมินฯ กล่าวว่า ในปี 2552 นี้
บริษัทได้ปรับมาตรฐานความเร็ว Maxnet (อินเตอร์เน็ตความเร็วสูง) เป็น 3 เมกะบิตในราคา 590 บาทต่อเดือน จากเดิมคิดค่าบริการ 790 บาท โดยจากนี้เป็นต้นไปความเร็วขั้นต่ำของ Maxnet จะอยู่ที่ 3 เมกะบิต ซึ่งบริษัทมุ่งขยายฐานไปยังกลุ่มเป้าหมายที่เป็น Gen C (Generation of Content) มากขึ้น เพราะกลุ่มดังกล่าวมีแนวโน้มที่จะขยายตัวอย่างต่อเนื่อง ดังนั้นบริษัทจะใช้กลยุทธ์การตลาดเพื่อเจาะกลุ่มเป้าหมายกลุ่มนี้
"ปีที่ผ่านมาเราสร้างบรรทัดฐานในการใช้งานอินเตอร์เน็ตที่ความเร็ว 2 เมกะบิต ปีนี้เราเพิ่มความเร็วเป็น 3 เมกะบิต เราคาดว่าจะถูกใจลูกค้ากลุ่ม Gen C ซึ่งเป็นกลุ่มคนทุกรุ่นอายุที่ชื่นชอบเทคโนโลยีไร้สายและออนไลน์มากเป็นพิเศษ"
โดยภายใน 2 ปีนี้ บริษัทจะขยายชุมสายทั้งหมด 5,000 ชุมสาย รองรับบรอดแบนด์ได้ 300,000 พอร์ต ด้วยงบการลงทุน 3,000 ล้านบาท ส่วนงบทางการตลาดภายในไตรมาส 2-3 นี้ จะใช้งบลงทุนทั้งหมด 100 ล้านบาท โดยเน้นการโฆษณาทางสื่อโทรทัศน์ ทั้งนี้บริษัท คาดว่าจะมีจำนวนลูกค้าในปีนี้ทั้งหมด 700,000 ราย โดยมาจากลูกค้าในกรุงเทพฯ 100,000 ราย จากปีที่แล้วมีลูกค้าทั้งหมด 400,000 ราย มาจากกรุงเทพฯ ประมาณ 10,000 กว่าราย ส่วนตลาดรวมปีที่แล้วมีลูกค้าทั้งหมด 1.7 ล้านราย คาดว่าปีนี้จะมีลูกค้าใหม่เพิ่มขึ้นอีก 400,000-500,000 ราย
นายพิชญ์ กล่าวต่อไปว่า สำหรับพื้นที่ในกรุงเทพฯและปริมณฑล บริษัทมีความพร้อมที่จะรุกตลาดอย่างเต็มที่ หลังจากได้เร่งพัฒนาติดตั้งโครงข่ายเพื่อรองรับการขยายของลูกค้าทั้งในส่วนของจำนวนพอร์ต เอดีเอสแอล (ADSL) โครงข่ายไอพีเชื่อมโยงระหว่างภูมิภาคที่มีประสิทธิภาพ รวมถึงการเพิ่มพื้นที่บริการใหม่เพื่อให้ครอบคลุมความต้องการของลูกค้าให้มากที่สุด
ทั้งนี้ในส่วนของการปรับความเร็ว 3 เมกะบิต ให้กับลูกค้านั้น บริษัท จะพิจารณาดำเนินการปรับให้กับผู้ใช้บริการทั้งลูกค้าเก่าและลูกค้าใหม่ โดยไม่ต้องรอให้ครบกำหนดการใช้บริการ 1 ปี รวมถึงจะไม่มีการเรียกเก็บค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมจากลูกค้า ซึ่งบริษัทจะดำเนินการปรับความเร็วให้ลูกค้าโดยอัตโนมัติ โดยล่าสุดได้ปรับความเร็วให้กับลูกค้าไปแล้วประมาณ 60% ของลูกค้าทั้งหมด
สำหรับรายได้ในปีนี้ คาดว่าบริษัทจะมีรายได้รวมทั้งหมด 7,500 ล้านบาท โดยรายได้หลักคาดว่าจะมาจากบริการอินเตอร์เน็ต (Maxnet) 50% จากปีที่แล้วบริษัทมีรายได้รวม 5,000 ล้านบาท มีสัดส่วนรายได้มาจาก Maxnet ประมาณ 30% นอกจากนี้ยังคาดว่าบริษัทจะมีรายได้หลักมาจากการประมูลอีกด้วยโดยมาจากลูกค้าภาครัฐมากกว่า 80-90% ทั้งนี้คาดว่าปีนี้บริษัทจะมีกำไรทั้งหมด 800-1,000 ล้านบาท
ที่มา: thannews.th.com
