ซอฟต์แวร์มะกันเดินหน้าบุกตลาดไทยเต็มสูบ "เควสต์ซอฟต์แวร์" ผนึก "ซอฟต์ ไอที" ขยายตลาดซอฟต์แวร์บริหารจัดการระบบ เจาะกลุ่มลูกค้า "ธนาคาร-สื่อสาร" ล่าสุด "เอไอเอส" ติดตั้งซอฟต์แวร์รองรับการให้บริการ 3 จี ขณะที่ "อะโดบี" สบช่องตลาดดิจิทัลคอนเทนต์โต เดินสายให้ความรู้เรื่องสิ่งพิมพ์ดิจิทัล
นายสิทธิคุณ ธเนศวิทยาเวทย์ กรรมการ บริษัท ซอฟต์ไอที จำกัด เปิดเผยว่า บริษัทในฐานะที่เป็นตัวแทนจำหน่ายซอฟต์แวร์การบริหารประสิทธิภาพระบบ (ซิสเต็มส์ แมเนจเมนต์) "Foglight" จากบริษัท เควสต์ซอฟต์แวร์ ประเทศสหรัฐอเมริกา ในปีนี้มีแผนการขยายตลาดมากขึ้น เนื่องจากเห็นโอกาสการเติบโต โดย 12 เดือนที่ผ่านมา ตลาดซอฟต์แวร์บริหารจัดการในไทยมีขนาดใหญ่ขึ้นอย่างมาก มูลค่าประมาณ 200-300 ล้านบาท เนื่องจากองค์กรส่วนใหญ่มีการลงทุนซื้อระบบบริหารจัดการอย่างจริงจังมากขึ้น บวกกับช่วง 3 ปีที่ผ่านมา บริษัทได้มีการทดสอบตลาด พบว่าได้รับการตอบรับที่ดี
การลงทุนของไอทีของภาคเอกชนเพิ่มขึ้น หลังจากที่อั้นมานาน ทำให้การบริการจัดการซอฟต์แวร์มีความสำคัญ รวมถึงองค์กรส่วนใหญ่ในปัจจุบันเน้นให้ความสำคัญกับความพึงพอใจของลูกค้าเป็นหลัก ด้วยเสนอบริการที่รวดเร็ว ความเสถียรภาพของระบบ ทำให้การลงทุนด้านไอทีมีความจำเป็น
"3 จี ถือเป็นอีกโอกาสทางธุรกิจของเควสต์ด้วย เพราะการมาของ 3 จี จะทำให้แอปพลิเคชั่นมีความซับซ้อนมากขึ้น ทำให้ต้องบริหารจัดการมากขึ้น เช่น ในส่วนของเอไอเอส ก็เพิ่งซื้อซอฟต์แวร์ foglight ของบริษัทไปเมื่อเดือน ม.ค.ที่ผ่านมา เพื่อเตรียมความพร้อมสำหรับให้บริการ 3 จี เป็นต้น ขณะที่โอเปอเรเตอร์รายอื่น ๆ ก็มีโอกาสเป็นลูกค้าเช่นกัน แต่การลงทุนอาจสเกลไม่เท่าเอไอเอส"
โดยที่ผ่านมา บริษัทเน้นการทำตลาดผ่านพาร์ตเนอร์ที่เป็นผู้ติดตั้งระบบ 70% และจำหน่ายโดยตรง 30% อย่างไรก็ตาม ภายใน 1-2 ปีข้างหน้าจะจำหน่ายสินค้าผ่านพาร์ตเนอร์ทั้งหมด 100% โดยตั้งเป้าว่าบริษัทจะมีรายได้ทั้งปี จำนวน 110 ล้านบาท โดยสัดส่วนกว่า 50% มาจากซอฟต์แวร์ของเควสต์ เพิ่มขึ้นจากปีที่ผ่านมาที่มีรายได้ 94 ล้านบาท
เบื้องต้นเน้นเจาะกลุ่มลูกค้ารายใหญ่ เช่น กลุ่มสถาบันการเงิน กลุ่มสื่อสาร กลุ่มพลังงาน กลุ่มรถยนต์เป็นหลัก ฐานลูกค้าได้แก่ผู้ให้บริการมือถือทั้ง 3 ราย ธนาคารพาณิชย์เกือบทุกแห่ง, ปตท., เอ็กซ์ซอน โมบิล เป็นต้น คาดว่าภายในสิ้นปีจะมีลูกค้าองค์กรขนาดใหญ่เพิ่มขึ้นอีก 3-4 ราย และองค์กรขนาดกลางรวมประมาณ 100 ราย
ด้านนายสเตนลีย์ เหลียว ผู้อำนวยการประจำภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ บริษัท Quest Software จำกัด กล่าวว่า เควสต์ซอฟต์แวร์สนใจที่จะลงทุนในประเทศไทยมากขึ้น เนื่องจากประเทศไทยมีการใช้งานไอทีที่สูงมาก โดยเฉพาะกลุ่มสื่อสารตลาดมีการเติบโตอย่างมาก ดูจากผู้ใช้งานมือถือที่มีอัตราแพลเนเทชั่นเพิ่มขึ้น ทำให้องค์กรต่าง ๆ เกิดความท้าทาย ต้องอาศัยเทคโนโลยีช่วย ต้องรักษาฐานลูกค้าไว้ ขณะเดียวกัน เควสต์มีซอฟต์แวร์สนองความต้องการเฉพาะด้านที่สามารถจับตลาดได้ด้วย
ด้านนางวิกกี้ สกิป ผู้จัดการประจำภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ บริษัท อะโดบี ซิสเต็มส์ จำกัด กล่าวถึงกลยุทธ์การทำตลาดอะโดบีในไทยปี 2553 จะเน้นการให้ความรู้กับตลาดเรื่องอนาคตของสิ่งพิมพ์ดิจิทัลมากขึ้น โดยจะแนะนำการใช้เทคโนโลยีและเครื่องมือ แพลตฟอร์มที่เหมาะสมสำหรับสำนักพิมพ์ต่าง ๆ เพื่อให้สำนักพิมพ์มีความเข้าใจ มีประสบการณ์ สามารถนำเสนอนิตยสาร หรืองานพิมพ์เวอร์ชั่นดิจิทัลได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น เพราะปัจจุบันสื่อต่าง ๆ เริ่มพัฒนาเข้าสู่โลกดิจิทัล บวกกับอุปกรณ์ต่าง ๆ เช่น สมาร์ทโฟน แท็บเลต อีรีดเดอร์ ได้รับความนิยมอย่างมาก สามารถพกพกไปได้ทุกที่ทุกเวลา และรองรับคอนเทนต์บนโลกออนไลน์ได้เป็นอย่างดี
อะโดบีจะเน้นการร่วมมือกับพาร์ตเนอร์ในไทยที่มีอยู่กว่า 150 รายให้สื่อสารไปยังกลุ่มสำนักพิมพ์ต่าง ๆ เพื่อให้ความรู้กับประเด็นดังกล่าว และเสนอเครื่องมือต่าง ๆ อาทิ โปรแกรม InDesign CS5, Flash Player 10.1 ซึ่งมีฟีเจอร์ใหม่ ๆ สามารถแสดงผลได้บนอุปกรณ์พกพาทุกรูปแบบ ช่วยให้ผู้ใช้อุปกรณ์ต่าง ๆ สามารถเข้าถึงเว็บไซต์ แอปพลิเคชั่น เกม ได้อย่างมี ประสิทธิภาพมากขึ้น
นางวิกกี้กล่าวอีกว่า ภาพรวมซอฟต์แวร์ในไทยยังมีการเติบโต โดยอะโดบีมีการร่วมมืออย่างใกล้ชิดกับกลุ่มพันธมิตรธุรกิจซอฟต์แวร์ หรือบีเอสเอ เพื่อรณรงค์เลิกใช้ซอฟต์แวร์ละเมิดลิขสิทธิ์ ส่งผลให้ปีที่ผ่านมา องค์กรต่าง ๆ หันมาใช้ซอฟต์แวร์ของอะโดบีที่ถูกลิขสิทธ์มากขึ้น และมียอดขายสูงขึ้น โดยเฉพาะซอฟต์แวร์ Adobe Creative Suite จนทำให้รายได้ของอะโดบีในไทยติดอันดับ 1 ใน 3 ของประเทศในอาเซียน
ที่มา: prachachat.net