ไอ-โมบาย ตอบรับกระแส 'เน็ตบุ๊ก' มาแรง ปล่อย i-mobile Excite L50 ลงไอ-โมบายช็อป 20 สาขาทั่วไทย โฟกัสตลาดโมบายยูสเซอร์เป็นหลัก เผยวิธีสร้างความเชื่อมั่นในแบรนด์ต้องมีไลน์อัพชัดเจน
สีสันที่สร้างความคึกคักให้กับตลาดคอมพิวเตอร์ในประเทศไทยตั้งแต่ไตรมาสที่ 3 ของปีที่แล้ว ต้องยกให้ 'เน็ตบุ๊ก' เป็นพระเอกประจำปี และมีการคาดการณ์กันว่า ความแรงของ 'เน็ตบุ๊ก' จะยังแรงไม่ตกจนถึงปีนี้
กระแสเน็ตบุ๊กไม่ได้แรงเฉพาะในประเทศไทย จริงๆ เน็ตบุ๊กได้ป่วนตลาดในระดับโลกมาแล้ว เมื่อดูจากรายงานของบริษัทวิจัยตลาดอย่างการ์ทเนอร์ที่ระบุว่า ยอดขายคอมพิวเตอร์โลกพบว่า ในไตรมาส 4 ของปีที่แล้ว เอเซอร์มียอดขายคอมพิวเตอร์โดยรวมเพิ่มขึ้น 31% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้านี้ ส่งผลให้เอเซอร์มีส่วนแบ่งตลาดเพิ่มขึ้นเป็น 12% เป็นรองจากเดลล์ที่มีส่วนแบ่งตลาด 13% และเอชพี 19% เท่านั้น
สิ่งที่ทำให้เอเซอร์มียอดขายเติบโตเร็วเช่นนี้ ส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากที่หลายๆ แบรนด์มองข้ามความต้องการคอมพิวเตอร์พกพาขนาดเล็ก หรือเรียกตามอินเทลที่นิยามคอมพิวเตอร์รูปแบบใหม่นี้ว่า เน็ตบุ๊ก ที่มีฟังก์ชั่นการใช้งานเหมือนโน้ตบุ๊กคอมพิวเตอร์ทุกประการ ต่างตรงที่ใช้ซีพียู 'อะตอม' ที่ทางอินเทลพัฒนาขึ้นมาเป็นพิเศษให้กินไฟน้อย ส่งผลให้มีขนาดที่เล็กกว่า เบากว่า และมีราคาถูกกว่าโน้ตบุ๊กคอมพิวเตอร์พอสมควร แต่ก็จะต้องแลกกับสมรรถนะในการทำงานที่มีข้อจำกัดมากกว่า เนื่องจากเป็นโปรเจกต์ที่อินเทลตั้งใจไว้ให้เป็นอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ที่เน้นการใช้อินเทอร์เน็ต โดยทางเอเซอร์มียอดขายเน็ตบุ๊กประมาณ 30% จากยอดขายโน้ตบุ๊กคอมพิวเตอร์ทั้งหมดของเอเซอร์
หากกลับมามองตลาดประเทศไทย ต้องยอมรับว่า 'อัสซุส' เป็นผู้บุกเบิกตลาดเน็ตบุ๊กก่อนใครในตลาด ด้วยการออกเน็ตบุ๊กที่ทางอัสซุสมักจะเรียกว่า 'อีอีอีพีซี' ตอนนั้นยังเป็นการนำซีพียูบนโน้ตบุ๊ก 'เซลลูลอน' มาใช้ ก่อนที่อินเทลจะเปิดตัวซีพียู 'อะตอม' อย่างเป็นทางการ
หลังจากนั้นบริษัทผู้ผลิตอย่าง 'เอเซอร์' ก็วางตลาดเน็ตบุ๊กที่ใช้ซีพียู 'อะตอม' แทบจะพร้อมๆ กับอัสซุสที่เปิดตัว อีอีอีพีซีที่ใช้ซีพียู 'อะตอม' ปัจจุบันมีบริษัทที่นำเน็ตบุ๊กเข้ามาทำตลาดในประเทศไทยแล้ว 11 แบรนด์ เมื่อรวมกับแบรนด์น้องใหม่ที่เป็นแบรนด์สัญชาติไทย 'ไอ-โมบาย' ทำให้ประเทศไทยมีเน็ตบุ๊กให้เลือกในตลาดถึง 12 แบรนด์
'จริงๆ แล้ว แนวคิดที่จะมองหาคอมพิวเตอร์ขนาดเล็กโออีเอ็มเข้ามาทำตลาดมีมาตั้งแต่กลางปีที่แล้ว ขณะนั้นคอมพิวเตอร์ขนาดเล็กยังใช้ซีพียูของตัวเองอยู่ 2-3 รุ่น และยังมีหน้าจอ 8.9 นิ้ว ซึ่งยังไม่ตอบโจทย์ที่วางไว้ ทำให้โครงการที่คิดไว้ต้องชะลอออกไป' ฑิตพล จันทรอุไร ผู้จัดการฝ่ายอำนวยการผลิตภัณฑ์ บริษัท สามารถ ไอ-โมบาย จำกัด (มหาชน) เล่าให้ฟังถึงช่วงเวลาที่ไอ-โมบายมองเห็นโอกาสที่จะเข้าทำตลาดเน็ตบุ๊กมานานพอสมควร
จนกระทั่งช่วงปลายปี ทางโรงงานผลิตเน็ตบุ๊กได้มีการเสนอต้นทุนการผลิตเน็ตบุ๊กมายัง 'ไอ-โมบาย' ทำให้โครงการเน็ตบุ๊กของไอ-โมบายถูกนำมาปัดฝุ่นใหม่อีกครั้ง
ส่วนทำไมไอ-โมบายถึงต้องกระโจนเข้าสู่ตลาดในช่วงเวลานี้นั้น ฑิตพล บอกว่า ช่วงนี้น่าจะเป็นจังหวะที่เหมาะทั้งสภาพตลาดและเทคโนโลยี เน็ตบุ๊กรุ่นแรกของไอ-โมบายจะเริ่มต้นที่จอภาพขนาด 10.2 นิ้ว ซึ่งน่าจะเป็นขนาดที่พอเหมาะ ไม่ใหญ่ไม่เล็กเกินไป
'หากเราไม่เข้าตลาดในช่วงนี้ ก็อาจทำให้เราสูญเสียโอกาสทางการตลาดไปได้ เพราะการทำตลาดในผลิตภัณฑ์ใดผลิตภัณฑ์หนึ่งต้องใช้เวลาพอสมควรว่า ตลาดยอมรับหรือไม่ ซึ่งเราจะต้องมีไลน์อัพของผลิตภัณฑ์พอสมควร ไม่สามารถที่จะตัดสินได้ว่า การทำตลาดเน็ตบุ๊กไม่สำเร็จโดยดูจากยอดขายเพียงโมเดลเดียว'
เน็ตบุ๊กรุ่นแรกภายใต้แบรนด์ไอ-โมบายนั้น ใช้ชื่อรุ่นว่า i-mobile Excite L50 หน้าจอแอลซีดีจะมีขนาด 10.2 นิ้ว ความละเอียดในการแสดงผลสูงสุด 1024x600 พิกเซล ใช้หน่วยประมวลผล อินเทล อะตอม 'เอ็น/270 ความเร็ว 1.6 กิกะเฮิรตซ์ ใช้ชิปเซต อินเทล โมบาย 945จีเอ็มเอส เอ็กซ์เพรส หน่วยความจำแคช 512 กิโลบิต แอล2 แคช มีความเร็วในการส่งข้อมูล 533 เมกะเฮิรตซ์ หน่วยความจำ 1 กิกะไบต์ ฮาร์ดดิสก์ขนาด 160 กิกะไบต์ การ์ดเสียง Realtek 5.1 หน่วยความจำ 64 เมกะไบต์ กล้องเว็บแคมความละเอียด 1.3 เมกะพิกเซล มาพร้อมไวไฟ 802.11 b/g ระบบเครือข่าย 10/100 มียูเอสบี 2.0 มาให้ 2 ช่อง การ์ดหน่วยความจำแบบ 4 อิน 1 แบตเตอรี่แบบ 3 เซลล์ใช้งานได้นาน 2-3 ชั่วโมง มีให้เลือก 2 สี คือ สีขาวกับสีดำ โดยเน็ตบุ๊กล็อตแรกที่นำเข้ามาจะเป็นสีดำก่อน หลังจากนั้นจะมีสีขาวทยอยตามเข้ามา
'สเปกเน็ตบุ๊กของไอ-โมบายไม่ต่างจากเน็ตบุ๊กยี่ห้ออื่น ดีไซน์ก็ไม่ต่าง จะต่างตรงที่ใช้เป็นแบรนด์ไอโมบายและราคาที่ถูกกว่าเน็ตบุ๊กแบรนด์ดังๆ โดยเราตั้งราคาขายไว้ที่ 13,000 บาท ขณะที่เมื่อเทียบกับสเปกเดียวกันของคนอื่นจะมีราคาอยู่ประมาณ 16,000 บาท'
ส่วนกลุ่มเป้าหมายเน็ตบุ๊กของไอโมบายนั้น โฟกัสในกลุ่มโมบายยูสเซอร์ใน 2 ตลาดหลัก ตลาดแรกเป็นกลุ่มบิสซิเนสยูสเซอร์
'ไอ-โมบายจะมีการตั้งทีมขายเฉพาะเพื่อเข้าทำตลาดนี้โดยเฉพาะ โดยทางผู้บริโภคสามารถปรับสเปกได้ตามต้องการ โดยทางเราจะสั่งให้ทางโรงงานผลิตให้ตามต้องการ ซึ่งตลาดนี้เป็นตลาดที่กลุ่มสามารถเป็นที่ยอมรับอยู่แล้ว จึงไม่ค่อยมีปัญหาเท่าไรนักในการเข้าทำตลาด'
ส่วนตลาดที่สองเป็นตลาดนักศึกษาที่ทางไอโมบายจะเน้นการขายผ่าน 'ไอ-โมบาย บาย สามารถ' 20 สาขาเป็นหลัก จะไม่มีการนำเน็ตบุ๊กของไอ-โมบายขายตามลูกตู้ขายโทรศัพท์เคลื่อนที่ซึ่งเป็นช่องทางจัดจำหน่ายรายย่อยของไอ-โมบายแต่ประการใด
ฑิตพล กล่าวว่า นอกจากไอ-โมบาย บาย สามารถ จะเป็นจุดจำหน่ายสินค้าแล้ว ยังเป็นจุดรับสินค้าในการซ่อมบำรุงอีกด้วย เรื่องการรับประกันไม่ต่างจากแบรนด์อื่นๆ ในตลาด โดยจะรับประกันตัวเครื่องนาน 1 ปี ส่วนแบตเตอรี่และสายชาร์จรับประกัน 6 เดือน ถ้าหากอาการไม่หนัก ทางชอปของไอ-โมบายก็สามารถจะแก้ปัญหาเบื้องต้นให้ได้ เพราะพนักงานของไอ-โมบายมีความรู้ในการขายเน็ตบุ๊กให้กับยี่ห้ออื่นอยู่แล้ว จึงไม่มีปัญหาในการให้คำปรึกษา หากมีปัญหาเรื่องฮาร์ดแวร์ทางไอ-โมบายช็อปจะส่งไปให้ไอ-โมบาย เซอร์วิส เซ็นเตอร์ ซึ่งจะใช้เวลาซ่อมไม่เกิน 10 วันทำการ
'การรับประกันของเราไม่ต่างจากแบรนด์อื่นๆ หากมีปัญหาในช่วง 7 วันแรก เรายินดีเปลี่ยนเครื่องใหม่ให้ หากอาการไม่หนักมาก พนักงานภายในร้านก็จะสามารถแก้ไขปัญหาได้ทันที ซึ่งเรามั่นใจว่า บริการหลังการขายของเราไม่ต่างจากเจ้าอื่นๆ ในตลาด จุดขายที่สำคัญอีกประการหนึ่งของเราก็คือ เรื่องโปรโมชั่นพิเศษที่สามารถผ่อน 0% ได้นานถึง 10 เดือน'
ฑิตพล กล่าวอีกว่า ทางไอ-โมบายเริ่มวางจำหน่ายเน็ตบุ๊กรุ่นแรกนี้ตั้งแต่อาทิตย์นี้เป็นต้นไป และจะมีการเปิดตัวเน็ตบุ๊กรุ่นแรกนี้อย่างเป็นทางการในงานคอมมาร์ตกลางเดือนมีนาคมที่จะถึงนี้
ส่วนวิธีการสื่อสารถึงกลุ่มเป้าหมายนั้น ทางฑิตพลบอกว่า ในช่วงแรกจะเน้นการสื่อสารด้วยการส่งเอสเอ็มเอสไปยังกลุ่มลูกค้าที่เคยใช้บริการของไอ-โมบาย กลุ่มผู้ใช้บริการ 'บั๊ก' และไอ-คลับเป็นหลัก
'เชื่อว่า เน็ตบุ๊กรุ่นแรกน่าจะทำตลาดได้ 3,000-4,000 เครื่อง ซึ่งภายในปีนี้จะมีเน็ตบุ๊กเข้ามาทำตลาดไม่น้อยกว่า 3 รุ่น ส่วนจะเป็นสเปกแบบไหนนั้นคงจะต้องรอดูสภาพตลาดประกอบด้วย แต่เวลานี้จะยังไม่นำเน็ตบุ๊กที่ใช้ 3จีภายในเครื่องเข้ามาทำตลาด เพราะราคาจะเพิ่มขึ้นเกือบ 10,000 บาท' ฑิตพล กล่าวในตอนท้าย
ที่มา: manager.co.th
