มาตรการล่าสุดของสำนักงานการบินพลเรือน ที่ควบคุมผู้ที่เดินทางจากต่างประเทศเข้าไทย สร้างความปั่นป่วนในญี่ปุ่นและทั่วโลก คนไทยในต่างแดนจำนวนมากไม่สามารถจัดหาเอกสารได้ทันเวลา และอาจไม่สามารถขึ้นเครื่องบินกลับบ้านเกิดได้
พลันที่สำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย ประกาศแนวปฏิบัติสำหรับผู้ดำเนินการเดินอากาศที่ทำการบินมายังประเทศไทย ณ วันที่ 19 มีนาคม 2563 โดยคนไทยที่เดินทางจากต่างประเทศกลับไทยในช่วงที่มีการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส COVID -19 ตั้งแต่ 22 มีนาคม 2563 ต้องแสดงใบรับรองแพทย์ และเอกสารรับรองจากสถานทูตหรือสถานกงสุล มิเช่นนั้นจะไม่สามารถออก Boarding Pass ได้
ผู้สื่อข่าว Mgr Online ประจำญี่ปุ่นได้สอบถามกับ
คนไทยที่พำนักในญี่ปุ่น พบว่ามีผู้ที่ประสบกับความยุ่งยากจำนวนมาก โดยเฉพาะกลุ่มนักศึกษาจะเดินทางกลับไทยในช่วงนี้มากที่สุด เพราะเป็นช่วงปิดภาคการศึกษาของญี่ปุ่นพอดี หลายคนเป็นนักศึกษาทุนของรัฐบาลไทย ที่มีระเบียบว่าจะต้องกลับประเทศไทยภายหลังสิ้นสุดการศึกษาไม่เกินระยะเวลากำหนด
นักศึกษาเหล่านี้ได้ซื้อตั๋วเครื่องบินไว้แล้ว และจะเดินทางกลับส่วนใหญ่ในสุดสัปดาห์นี้เป็นต้นไป แต่เมื่อต้องไปตรวจร่างกาย และขอใบรับรองจากสถานทูตอย่างเร่งด่วน จึงทำให้หลายคนมีความเสี่ยงที่จะดำเนินการไม่ทัน และไม่สามารถขึ้นเครื่องได้
หน้าสถานทูตไทยประจำกรุงลอนดอน คลาคล่ำด้วยคนไทยที่เร่งขอเอกสารกลับประเทศ
การออกใบรับรองแพทย์ในญี่ปุ่นเป็นเรื่องยุ่งยาก ไม่ใช่สถานพยาบาลทุกแห่งจะออกให้ได้ โดยเฉพาะใบรับรองแพทย์ภาษาอังกฤษ ต้องนัดหมายกับสถานพยาบาลเฉพาะสำหรับผู้ที่จะเดินทางไปต่างประเทศ บางแห่งนัดตรวจและออกใบรับรองให้ได้ทันที แต่บางแห่งก็ต้องใช้เวลาหลายวัน และมีค่าใช้จ่ายสูงราว 3000-10,000 เยน
สถานพยาบาลเฉพาะนี้มีอยู่ในเมืองใหญ่ ๆ เช่น โตเกียว โอซากา นาโงยา ทำให้ผู้ที่อยู่ในเมืองอื่น ๆ ต้องเดินทางเข้ามาในเมืองใหญ่ นอกจากนี้ การเดินทางมาที่โรงพยาบาลก็ยังเป็นการเพิ่มความเสี่ยงที่จะติดเชื้อ แม้แต่แพทย์ก็แนะนำว่า ไม่มีความจำเป็นไม่ควรมาที่โรงพยาบาล
เมื่อได้ใบรับรองแพทย์แล้ว ยังต้องส่งให้สถานทูตหรือสถานกงสุลรับรอง ซึ่งสถานทูตไทยประจำโตเกียวระบุว่า ให้ส่งใบรับรองแพทย์และเอกสารประกอบไม่น้อยกว่า 60 ชั่วโมงก่อนเดินทาง และสถานเอกอัครราชทูตฯ คาดว่าจะส่งกลับไป 48 ชม. ก่อนเวลาเดินทางผ่าน e-mail
สถานการณ์ยุ่งยากยิ่งขึ้น เพราะในวันนี้ (20 มี.ค.) เป็นวันหยุดราชการของญี่ปุ่น สถานพยาบาลจำนวนมาก รวมทั้งสถานทูตและสถานกงสุลปิดทำการ ทำให้ทวีความยุ่งยากมากขึ้น และคาดว่าในวันจันทร์ที่ 23 มี.ค. ซึ่งเปิดทำการ จะเกิดความหนาแน่นและโกลาหลเช่นเดียวกับในประเทศอื่น ๆ
คนไทยในญี่ปุ่นที่มีกำหนดการเดินทางในสัปดาห์หน้า ต่างคาดว่าไม่สามารถดำเนินการได้ทันอย่างแน่นอน พร้อมตั้งคำถามว่า หากไม่สามารถเดินทางได้แต่ซื้อตั๋วเครื่องบินไปแล้ว จะมีมาตรการช่วยเหลืออย่างไร? ส่วนนักศึกษาทุนรัฐบาลหลายคนตั้งระบุเช่นกันว่า หากไม่สามารถเดินทางกลับประเทศไทยได้ตามที่สัญญาทุนกำหนด จะมีมาตรการผ่อนผันอย่างไร ?
ในส่วนของชาวต่างชาติ ที่หลายคนเป็นครอบครัวจะเดินทางไปประเทศไทยด้วยนั้น ยิ่งแทบจะเป็นไปไม่ได้ เพราะต้องการใบรับรองว่า ไม่ตรวจพบเชื้อไวรัส COVID -19 และประกันสุขภาพมูลค่าไม่น้อยกว่า 100,000 ดอลลาร์สหรัฐ
การตรวจเชื้อไวรัส COVID -19 ในญี่ปุ่นนั้น สำหรับผู้ที่ไม่ปรากฏอาการใด ๆ แทบจะไม่มีสถานพยาบาลแห่งไหนรับตรวจ แม้จะยอมจ่ายเงินเองก็ตาม เนื่องจากรัฐบาลญี่ปุ่นจำกัดการตรวจหาเชื้อไว้ที่ศูนย์ป้องกันโรคระบาดของรัฐ ผู้ที่จะเข้ารับการตรวจจะต้องมีหนังสือส่งตัวจากหน่วยงานสาธารณสุขประจำถิ่นที่อยู่เท่านั้น
ชาวญี่ปุ่นให้ความเห็นว่า นี่คือมาตรการ “ปิดประเทศทางอ้อม” ถึงแม้รัฐบาลไทยไม่ประกาศห้ามเดินทางเข้าประเทศตรงๆ เหมือน สหรัฐ ไต้หวัน และอีกหลายประเทศ แต่การตั้งเงื่อนไขที่สูงเช่นนี้ ก็ทำให้ชาวต่างชาติเกือบจะไม่สามารถเดินทางเข้าประเทศไทยได้.