President Donald Trump speaks during a
news conference about the coronavirus in the Rose Garden of the White House, Friday, March 13, 2020, in Washington. (AP Photo/Evan Vucci)
วันที่ 14 มี.ค. รายงานว่า ประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐอเมริกา นำคณะแถลงข่าวที่โรส การ์เดน ทำเนียบขาว ประกาศให้การระบาดของไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ที่ก่อโรคโควิด-19 เป็นภาวะฉุกเฉินแห่งชาติ พร้อมประเมินว่า สถานการณ์จะยังอันตรายใน 8 สัปดาห์ข้างหน้านี้
“ผมขอประกาศภาวะฉุกเฉินแห่งชาติอย่างเป็นทางการ เพื่อเปิดทางให้จัดตั้งงบประมาณราว 5 หมื่นล้านดอลลาร์ (1.5 ล้านล้านบาท) ให้รัฐบาลกลางและรัฐบาลท้องถิ่นรับมือการแพร่ระบาดของเชื้อ” นายทรัมป์กล่าวประกาศภาวะฉุกเฉินแห่งชาติ เร่งสกัดโควิด-19 ทั่วประเทศ
นายทรัมป์กล่าวด้วยว่า มอบอำนาจฉุกเฉินให้อเล็กซ์ อซาร์ รมว.สาธารณสุข เพื่อผ่อนคลายกฎระเบียบและกฎหมายเพื่อเปิดทางให้แพทย์ และโรงพยาบาลรักษาคนไข้ด้วยการปรับตัวได้อย่างยืดหยุ่น
สำหรับกรณีที่รัฐบาลนายทรัมป์ถูกวิจารณ์มากในเรื่องการตรวจหาเชื้อที่ล่าช้าและไม่เพียงพอ ผู้นำสหรัฐปัดว่าจะให้ตนไปรับผิดชอบไม่ได้ แต่ตนให้เร่งการทำงานระหว่างหน่วยงานรัฐและเอกชนเพื่อบริการการตรวจหาเชื้อแก่ประชาชนแล้ว การเป็นหุ้นส่วนในเรื่องนี้หมายถึงการเดินทางไปตรวจยังสถานที่ต่างๆ และระบบออนไลน์ที่จะแสดงผลการตรวจเชื้อด้วย
อย่างไรก็ตาม นายทรัมป์กล่าวว่า เจ้าหน้าที่ไม่อยากให้ประชาชนตรวจหาเชื้อจนกว่าจะมีอาการ เพราะการตรวจไปก่อน ไม่จำเป็นอย่างสิ้นเชิง
เมื่อนักข่าวถามถึงประเด็นว่าจะระแวดระวังตนเองล่วงหน้าอย่างไร กรณี นายฟาบิโอ ไวน์การ์เตน เลขานุการและโฆษกของผู้นำบราซิลที่มากับนายฌาอีร์ โบลโซนารู ประธานาธิบดีบราซิล พบปะนายทรัมป์ที่ฟลอริดา และขณะนี้ป่วยโควิด
นายทรัมป์กล่าวว่ายังไม่มีความจำเป็น เพราะไม่ได้มีอาการใดๆ และผลตรวจประธานาธิบดีบราซิล ก็ออกมาเป็นลบ (ไม่ติดเชื้อ)
จากนั้นเมื่อนักข่าวซักประเด็นนี้อีกว่าทำไมถึงจะไม่ไปตรวจหาเชื้อ ในเมื่อมีปฏิสัมพันธ์กับผู้ที่ติดเชื้อ นายทรัมป์กล่าวว่า ตนไม่ได้บอกว่าจะไม่ตรวจ เป็นไปได้มากที่ต่อไปตนจะเข้ารับการตรวจหาเชื้อ
อย่างไรก็ตาม นายทรัมป์ไม่ได้ระบุว่าจะไปเมื่อใด
