รอยเตอร์ - น้ำมันดิบในวันจันทร์(9มี.ค.) ร่วงลงวันเดียวมากที่สุดนับตั้งแต่สงครามอ่าวเปอร์เซียในปี 1991 หลังซาอุดีอาระเบียและรัสเซียเริ่มทำสงครามราคาซึ่งเสี่ยงทำอุปทานล้นตลาด ปัจจัยนี้เหนี่ยวรั้งหุ้นกลุ่มพลังงานฉุดวอลล์สตรีทร่วงหนัก ท่ามกลางสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ขณะที่ทองคำปิดบวก
สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เทกซัส อินเตอร์มีเดียต หรือ ไลต์สวีตครูด งวดส่งมอบเดือนเมษายน ลดลง 10.15 ดอลลาร์ หรือ 24.6% ปิดที่ 31.13 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ส่วนเบรนต์ลอนดอนงวดส่งมอบเดือนพฤษภาคม ลดลง 10.91 ดอลลาร์ หรือ 24.10% ปิดที่ 34.36 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ทั้งสองสัญญาดิ่งลงคิดเป็น% หนักหน่วงที่สุดนับตั้งแต่เดือนมกราคม 1991 ระหว่างสงครามอ่าวเปอร์เซีย
การประชุมนโยบายด้านการผลิตน้ำมันระหว่างโอเปกและพันธมิตรที่นำโดยรัสเซีย
ข่าวการลงทุนล่าสุดวันนี้ได้เสร็จสิ้นลงเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา โดยที่ทั้งสองฝ่ายไม่สามารถบรรลุข้อตกลงเกี่ยวกับการปรับลดกำลังการผลิต
ในการประชุม โอเปกได้เสนอให้ปรับลดการผลิตน้ำมันลงอีก 1.5 ล้านบาร์เรลต่อวันนับตั้งแต่ต้นเดือนเมษายนไปจนถึงสิ้นปีนี้ เพื่อชดเชยอุปสงค์น้ำมันที่ลดลง อันเนื่องจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 โดยโอเปกต้องการให้ประเทศพันธมิตรให้ความร่วมมือลดการผลิตน้ำมันจำนวน 500,000 บาร์เรลต่อวัน จากจำนวน 1.5 ล้านบาร์เรลต่อวันที่กำหนดไว้
อย่างไรก็ดี รัสเซียไม่เห็นด้วยกับข้อเสนอดังกล่าว โดยยืนยันจุดยืนเดิมที่ต้องการให้ประเทศผู้ผลิตน้ำมันปรับลดกำลังการผลิตตามโควตาเดิมในขณะนี้ต่อไปจนถึงสิ้นสุดไตรมาส 2
เมื่อเป็นดังนั้น ซาอุดีอาระเบียประกาศสงครามทั้งหั่นราคาขาย รวมทั้งกำหนดแผนการเพื่อเพิ่มการผลิตอย่างมโหฬารตั้งแต่เดือนเมษายนเป็นต้นไป ความเคลื่อนไหวของที่เท่ากับเป็นการเริ่มต้นสงครามตัดราคา ในความพยายามลงโทษรัสเซีย ที่เป็นผู้ผลิตรายใหญ่อันดับ 2 ของโลก จากการไม่สนับสนุนให้ตัดลดการผลิต ซึ่งมันโหมกระพือแรงเทขายอย่างหนักในตลาดพลังงาน
ช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ซาอุดีอาระเบียได้ลดราคาขายอย่างเป็นทางการของตนสำหรับการจัดส่งเดือนเมษายน สำหรับน้ำมันดิบทุกๆ เกรดไปยังจุดหมายปลายทางทุกๆ แห่ง ในระหว่าง 6 ถึง 8 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
ราคาน้ำมันที่ดิ่งลงเกือบ 25% โหมกระพือแรงเทขายอย่างตื่นตระหนก
ข่าวการลงทุนล่าสุดในวอลล์สตรีทและฉุดให้ตลาดหุ้นสหรัฐฯปิดลบหนักในวันจันทร์(9มี.ค.) โดยดาวโจนส์ร่วงหนักกว่า 2,000 ฉุด ในขณะที่นักลงทุนมีความกังวลอยู่ก่อนแล้วต่อการแพร่ระบาดของโควิด-19
ดาวโจนส์ ลดลง 2013.76 จุด (7.79 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 23,851.02 จุด เอสแอนด์พี ลดลง 225.81 จุด (7.60 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 2,746.56 จุด แนสแดค ลดลง 624.94 จุด (7.29 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 7,950.68 จุด
หุ้นกลุ่มพลังงานร่วงลงอย่างหนัก หลังจากราคาน้ำมันสัญญาสหรัฐฯขยับลงเกือบ 25% จากความเคลื่อนไหวหั่นราคาน้ำมันดิบของซาอุดีอาระเบีย ตามหลังการเจรจาอันล้มเหลวระหว่างโอเปกกับพันธมิตรเมื่อช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ในนั้นรวมถึงเอ็กซอน โมบิล ร่วงลง 12.2%, ออคซิเดนเทียน ปิโตรเลียม ดิ่งเหว 51.4% และฮัลลิเบอร์ตัน ปิดลบ 37.6%
วอลลฺ์สตรีทเคลื่อนไหวตามตลาดทุนอื่นๆในเอเชียและยุโรป ขณะที่ข้อพิพาทระหว่างซาอุดีอาระเบียและรัสเซีย ซ้ำเติมความกังวลของนักลงทุน หลังจากก่อนหน้านี้พวกนักเศรษฐกิจเริ่มคาดการณ์และทบทวนความเป็นไปได้เกี่ยวกับแนวโน้มของภาวะเศรษฐกิจโลกถดถอย ซึ่งผลกระทบส่วนหนึ่งมาจากการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่
ส่วนราคาทองคำในวันจันทร์(9มี.ค.) ปรับขึ้นเล็กน้อย แรงเขายในตลาดน้ำมันและตลาดทุน ผลักนักลงทุนหันถือครองสินทรัพย์เสี่ยงต่ำ โดยราคาทองคำตลาดโคเม็กซ์ เพิ่มขึ้น 3.30 ดอลลาร์ ปิดที่ 1,675.70 ดอลลาร์ต่อออนซ์