บาดทะยัก คือโรคที่หลาย ๆ คนคุ้นเคย เนื่องมาจากหากเกิดบาดแผลขึ้นบนร่างกาย มักได้ยินคำแนะนำว่า “รีบไปหาหมอ ระวังเป็นบาดทะยัก” แม้ว่าจะดูเป็นโรคที่ไม่ร้ายแรงเท่าโรคร้ายอื่นๆ แต่รู้หรือไม่ว่า โรคนี้อันตรายถึงชีวิต
จากข้อมูลของสภากาชาดระบุว่า เมื่อคนไข้มีอาการของโรคบาดทะยัก จะมีโอกาสเสียชีวิตตั้งแต่ 10%–90% ซึ่งนับว่ามีอัตราการเสียชีวิตค่อนข้างสูง และการรักษายังเป็นเพียงการประคับประคองเป็นหลัก ดังนั้นการฉีดวัคซีนบาดทะยักจึงเป็นทางเลือกที่ดีที่สุด ที่ช่วยให้เราห่างไกลจากโรคได้
บาดทะยักคืออะไร สาเหตุเกิดจากอะไร?
บาดทะยัก (Tetanus) คือโรคที่เกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรีย Clostridium Tetani พบได้ตามพื้นดิน ฝุ่น หรือมูลสัตว์ สามารถเข้าสู่ร่างกายได้ทางบาดแผล เช่นว่า แผลถลอก ไฟไหม้ โดนของมีคมบาด ตะปูตำ ถูกสัตว์กัด หรือใช้เข็มฉีดยาที่มีการปนเปื้อนของเชื้อ เป็นต้น เมื่อเชื้อโรคเข้าสู่ร่างกายจะสร้างสารพิษชื่อว่า เททานัสท็อกซิน (Tetanus toxin) ซึ่งส่งผลกระทบรุนแรงต่อการทำงานของระบบประสาทที่ควบคุมการทำงานของกล้ามเนื้อ ทำให้กล้ามเนื้อหดเกร็ง ในรายที่ติดเชื้อรุนแรงอาจส่งผลร้ายแรงถึงขั้นเสียชีวิตได้
ทั้งนี้บาดแผลที่มีความเสี่ยงมากขึ้นต่อการติดเชื้อบาดทะยัก ได้แก่
- บาดแผลที่ต้องเย็บหรือผ่าตัด ซึ่งผู้ป่วยไปพบแพทย์ช้ากว่า 6 ชั่วโมง
- บาดแผลที่มีเนื้อตายจำนวนมาก อย่างเช่น แผลไฟไหม้ แผลกดทับ เป็นต้น หรือแผลที่เป็นรอยเจาะ อย่างเช่น ถูกตะปูตำ แผลจากการสัก เจาะตามร่างกาย เป็นต้น โดยเฉพาะบาดแผลที่ปนเปื้อนดินหรือเศษวัสดุแปลกปลอม
- บาดแผลที่พบร่วมกับกระดูกหัก
เพราะฉะนั้น หากใครมีบาดแผลที่มีความเสี่ยง แนะนำให้รีบทำความสะอาดบาดแผล โดยล้างด้วยน้ำสะอาดและฟอกสบู่นานอย่างน้อย 10-15 นาที (กรณีเป็นบาดแผลที่ไม่ใช่บาดแผลฉกรรจ์) จากนั้นไปพบหมอทันที เพื่อวางแผนการรักษาได้อย่างเหมาะสม
อาการของโรคบาดทะยักเป็นอย่างไร?
เมื่อเชื้อแบคทีเรียเข้าสู่ร่างกาย อาการเริ่มแรกคือ ผู้ป่วยจะมีอาการขากรรไกรแข็ง กล้ามเนื้อเกร็ง อ้าปากไม่ค่อยได้ จากนั้นมือ แขน และขาเริ่มเกร็ง หลังแข็งและแอ่น ใบหน้าจะมีลักษณะคล้ายยิ้มแสยะ โดยอาการเหล่านี้จะเป็นมากขึ้นเมื่อมีเสียงดังหรือเมื่อสัมผัสตัวผู้ป่วย ในรายที่มีอาการรุนแรงมาก คนไข้จะมีอาการชักกระตุก หน้าเขียว ซึ่งจะเป็นถี่ขึ้นเรื่อยๆ จนทำให้ขาดออกซิเจน เป็นอันตรายถึงชีวิตได้
อาการแทรกซ้อนของโรคบาดทะยักคืออะไร?
นอกจากอาการหลักของโรคบาดทะยักที่เป็นอันตรายต่อชีวิตได้แล้ว ยังอาจมีอาการแทรกซ้อนอื่นๆ ตามมาได้ด้วย ดังนี้
1. กระดูกหัก เกิดจากการเกร็งและบิดอย่างรุนแรงจนส่งผลถึงกระดูก
2. ไตวายเฉียบพลัน เกิดจากการที่กล้ามเนื้อหดเกร็งอย่างรุนแรงจนทำให้กล้ามเนื้อสลายกลายเป็นโปรตีน ซึ่งไตมีหน้าที่กำจัดโปรตีนในร่างกาย หากมีโปรตีนสลายออกมาจำนวนมาก ไตก็อาจทำงานหนักจนทำให้ไตวายเฉียบพลันได้
3. ระบบทางเดินหายใจล้มเหลว ภาวะบิดเกร็งของกล้ามเนื้ออาจส่งผลให้ผู้ป่วยเกิดภาวะระบบหายใจล้มเหลว หยุดหายใจ จนทำให้ร่างกายขาดออกซิเจนและเสียชีวิต
การรักษาโรคบาดทะยักทำอย่างไร?
เมื่อคุณหมอประเมินแล้วว่าผู้ป่วยเป็นโรคบาดทะยัก คุณหมออาจวางแผนการรักษาดังนี้
1. หลีกเลี่ยงการสัมผัสผู้เจ็บป่วย ป้องกันเสียงรบกวน ก็เพราะว่าจะทำให้มีอาการชักเกร็งรุนแรงขึ้น
2. หมอจะให้ยาทำลายสารพิษที่เชื้อแบคทีเรียสร้างขึ้น รวมทั้งให้ยาปฏิชีวนะเพื่อทำลายเชื้อแบคทีเรียร่วมด้วย
3. หมอจะให้ยารักษาตามอาการควบคู่กันไป ดังเช่น ยาระงับอาการชัก ยาลดอาการเกร็งของกล้ามเนื้อ งดให้น้ำและอาหารทางปาก เนื่องมาจากอาจทำให้ผู้ป่วยสำลักได้ จึงจำเป็นต้องให้อาหารทางหลอดเลือดแทน
4. เฝ้าระวังเรื่องการหายใจ ทั้งนี้เพราะอาจมีอาการหายใจขัด หายใจไม่ออกจนทำให้เสียชีวิตได้
ติดตามอ่านบทความเรื่อง
วัคซีนบาดทะยัก ต่อได้ที่
Website :
https://www.honestdocs.co/tetanus-vaccine