เกาะกระแสความร้อนแรงของ "ไอโฟน 4" หลังจากแอปเปิลวางตลาดไอโฟน 4 ครั้งแรกเมื่อ 24 มิ.ย.ที่ผ่านมา ใน 5 ประเทศ คือสหรัฐ อังกฤษ ฝรั่งเศส เยอรมนี และญี่ปุ่น แอปเปิลได้ออกมาแถลงว่า 3 วันแรกของการวางจำหน่าย ไอโฟน 4 สามารถทำ ยอดขายไปได้มากกว่า 1.7 ล้านเครื่อง เป็นการทำสถิติสินค้าที่ขายเร็วที่สุดของ แอปเปิล และยังผลให้เกิดปัญหาไอโฟน 4 อยู่ในภาวะสินค้าขาดตลาด โดย "สตีป จ็อบส์" แห่งแอปเปิล แจ้งว่า ไอโฟน 4 จะพร้อมวางจำหน่ายเต็มตัวอีกครั้ง ในเดือนกรกฎาคมนี้
และอาจส่งผลกระทบกับแผนการ เปิดตลาดในอีก 18 ประเทศทั่วโลก ในเดือน ก.ค.นี้อาจต้องเลื่อนออกไป
สำหรับเมืองไทย แม้ว่าจะยังไม่มีคิวที่ "ไอโฟน 4" จะเข้ามาทำตลาด แต่สาวก แอปเปิลก็สามารถหาซื้อไอโฟน 4 ได้แล้วเช่นกัน แหล่งใหญ่ที่ไม่ทำให้ผิดหวังก็คือ "มาบุญครอง" แหล่งรวมมือถือที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย
ผู้สื่อข่าว "ประชาชาติธุรกิจ" รายงานว่า จากการสำรวจตลาดมาบุญครอง แม้ว่าผู้คนอาจจะบางตาไปบ้าง โดยเฉพาะชาวต่างชาติที่น้อยกว่าที่เคย แต่ก็ยัง ปรากฏภาพการซื้อขายสินค้าให้ดูกระชุ่มกระชวยบ้าง
สำหรับ "ไอโฟน 4" ที่มาบุญครอง แม้ว่าร้านค้าจะไม่มีสินค้าหรือม็อบอัพมาวางโชว์ให้เห็น แต่เมื่อสอบถามจากร้านค้า ส่วนใหญ่จะบอกว่ามีสินค้าจำหน่าย และจะมีสินค้าให้ดูก็ต่อเมื่อลูกค้ามีความต้องการซื้อจริง ๆ เท่านั้น เพราะร้านค้ารายย่อยเหล่านี้จะต้องวิ่งไปขอสินค้าจากเอเย่นต์ใหญ่ที่อยู่ในมาบุญครอง ทั้งนี้เนื่องจาก ไอโฟน 4 เพิ่งเปิดตัวทำตลาดในต่างประเทศ และสินค้าขาดตลาด ทำให้มีสินค้าเข้ามาทำตลาดไม่มาก ดังนั้นหากลูกค้าไม่มีความประสงค์ที่จะซื้อก็จะไม่มีโอกาสได้เห็นสินค้า หรือแม้ว่านำสินค้ามาให้ดูก็ไม่สามารถแกะกล่องดูสินค้าได้จนกว่าจะตัดสินใจซื้อแล้วเท่านั้น
โดยจากการสำรวจร้านค้าในมาบุญครอง เมื่อช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาพบว่า ระดับราคาไอโฟน 4 รุ่น 16GB อยู่ที่ประมาณ 5.5 หมื่นบาท และรุ่น 32GB ราคา 5.9 หมื่นบาท โดยร้านค้าจะปลดล็อกให้เรียบร้อย
ผู้ค้ารายหนึ่งให้เหตุผลว่า สาเหตุที่ ไอโฟน 4 ราคาสูงขนาดนี้ เป็นเพราะเพิ่งเปิดตัวและมีวางจำหน่ายอยู่ไม่กี่ประเทศ ขณะที่สินค้ามีน้อย การนำเข้าค่อนข้างยาก ทำให้ราคาสูง แต่ถ้าสามารถนำสินค้าเข้ามามากขึ้น คาดว่าราคาจะลดต่ำลง เพราะเมื่อครั้งที่ไอโฟน 3GS เข้ามาทำตลาด ใหม่ ๆ ราคาก็จะสูงมากเป็นพิเศษ ซึ่งก็จะมีเฉพาะพวกแฟนพันธุ์แท้ หรือพวกที่ต้องการได้สินค้าก่อนคนอื่นเท่านั้นที่จะยอมซื้อเพราะราคาสูงมาก
สำหรับราคาไอโฟน 3GS ในมาบุญครอง ขณะนี้มีการปรับลงมาประมาณ 1,000 บาท โดยไอโฟน 3GS ขนาด 16GB เฉลี่ยอยู่ที่ 20,500 บาท ขนาด 32GB ราคาประมาณ 2.3-2.4 หมื่นบาท อย่างไรก็ตามหากมีไอโฟน 4 เข้ามาในตลาดมากขึ้น ระดับราคาก็จะปรับลงมาในราคาที่สมเหตุสมผลมากขึ้น ขณะเดียวกันระดับราคาของไอโฟน 3GS ก็จะปรับลดลงอีกเช่นกัน
อย่างไรก็ตามจะพบว่าร้านค้าส่วนใหญ่ยังคงแนะนำลูกค้าให้ซื้อไอโฟน 3GS และแบล็คเบอร์รี่เป็นหลัก เพราะมีสินค้าให้เลือกซื้อจำนวนมาก
ทั้งนี้ ราคาไอโฟน 4 ในสหรัฐอเมริกา ที่เอทีแอนด์ทีได้สิทธิ์เป็นผู้ทำตลาดรุ่น16 GB อยู่ที่ 199 เหรียญ และ
รุ่น 32 GB ราคา 299 เหรียญ พร้อมกับผูกสัญญาการใช้บริการกับเอทีแอนด์ที 2 ปี แต่สำหรับที่อังกฤษ ซึ่งโวดาโฟนเป็นผู้ทำตลาดรุ่น 16 GB ราคา 219 ปอนด์ และรุ่น 32 GB ราคา 309 ปอนด์ พร้อมผูกสัญญาบริการ 2 ปี ซึ่งของโวดาโฟนมีหลายแพ็กเกจ จนถึงประเภทที่ได้เครื่องรุ่น 16 GB ฟรี แต่ต้องผูกสัญญาใช้บริการรายเดือน 60 ปอนด์ต่อเดือน เป็นเวลา 24 เดือน นอกจากนี้ สำหรับลูกค้าที่อังกฤษอยากซื้อเครื่องเปล่า ก็สามารถสั่งซื้อได้จากเว็บไซต์แอปเปิลสโตร์ โดยรุ่น16 GB ราคาอยู่ที่ 499 ปอนด์ (24,950 บาท) และรุ่น 32 GB ราคาอยู่ที่ 599 ปอนด์ (29,950 บาท)
ขณะที่แท็บเลต "ไอแพด" กำลังเป็นสินค้าขึ้นหม้อที่น่าจับตา พบว่าร้านค้ามือถือในมาบุญครองมีไอแพดวางโชว์ให้เห็นแทบจะทุกร้าน สนนราคาไอแพดรุ่นที่ รองรับไว-ไฟอย่างเดียวขนาด 16 GB ราคาประมาณ 2.2 หมื่นบาท สำหรับรุ่นที่รองรับทั้งไว-ไฟ และ 3 จี ขนาด 16 GB ราคาประมาณ 2.9 หมื่นบาท และ 32 GB ราคา 3.3 หมื่นบาท โดยกลุ่มผู้ซื้อส่วนใหญ่จะเป็นชาวต่างชาติเป็นหลัก
และจากที่ "ไอแพด" กำลังได้รับความนิยม ทำให้มีอุปกรณ์แอ็กเซสซอรี่ต่าง ๆ ของไอแพดเข้ามาทำตลาดจำนวนมาก โดยเฉพาะ cover ของไอแพดที่มีวางจำหน่ายให้เห็นดาษดื่นทั้งของแท้และสินค้าจากจีน
ด้านมือถือผลไม้ตระกูล "แบล็คเบอร์รี่" ยังเป็นสินค้าพ็อปพูลาร์เช่นเดิม และมีสินค้าวางโชว์ให้เห็นตามร้านค้ามากกว่าไอโฟน ด้วยว่าแบล็คเบอร์รี่มีหลากหลายรุ่น และมีตั้งแต่ระดับราคาเริ่มต้น 8,000 กว่าบาท (รุ่น Curve 8520) แต่ถ้าเป็นสีขาว ราคาก็จะบวกเพิ่ม 1 พันบาท, รุ่น Curve 8900 ราคาประมาณ 1.1 หมื่นบาท และถ้าเป็นรุ่น Bold 9700 ราคาจะอยู่ที่ 1.4 หมื่นบาท จุดขายสำคัญที่ผู้ขายบีบีต่างล่อใจลูกค้า คือ "พิน (PIN) สวย" ที่มีการโปรโมตและเสนอให้ลูกค้าเลือกได้ตามใจชอบ
ผู้ค้ารายหนึ่งเล่าให้ฟังว่า "แบล็คเบอร์รี่ขายดีกว่าไอโฟน เพราะราคาถูกกว่ามาก วัยรุ่นโดยเฉพาะนักศึกษาชอบใช้ และปัจจุบันก็เริ่มมาขายคืนบ้างแล้วเพื่อซื้อรุ่นอัพเกรดกว่า แต่ลูกค้าที่เอาไอโฟนมาขายเพื่อซื้อบีบีแทนนั้นมีให้เห็นน้อยมากเพราะราคาที่ต่างกัน และเป้าหมายของการใช้งานก็ไม่เหมือนกัน กลุ่มผู้ใช้ไอโฟนจะเน้นการใช้แอปพลิเคชั่น มัลติมีเดีย ท่องอินเทอร์เน็ต แต่กลุ่มที่ชอบแบล็คเบอร์รี่จะเป็นพวกที่ ชอบแชต"
ขณะที่ในต่างประเทศ "ไมโครซอฟท์" ซึ่งเพิ่งโดดเข้ามาชิมลางตลาดมือถือในนาม "Kin" ตัดสินใจเลิกพัฒนามือถือ "Kin" อย่างเป็นทางการหลังจากทำตลาดมาได้เพียง 48 วัน เนื่องจากยอดขายไม่เป็นไปตามเป้าหมาย โดยไมโครซอฟท์ระบุว่าจะโยกย้ายวิศวกรที่พัฒนา Kin ไปเสริมทีมพัฒนา Windows Phone 7 ระบบปฏิบัติการสำหรับสมาร์ทโฟนแทน เพราะเป็นที่แน่ชัดว่ามือถือ Kin ของไมโครซอฟท์ไม่สามารถต่อกรกับกระแสของไอโฟน และสมาร์ทโฟนหลากรุ่นที่มาพร้อมระบบปฏิบัติการ Android ของกูเกิลได้
ที่มา: prachachat.net