ผู้ผลิตโน้ตบุ๊กยิ้มร่า ยอดขายคอมมาร์ตกลางปีไปได้สวย โตชิบาโกยยอดโต 40-50% ชี้ผู้บริโภคเริ่มเชื่อมั่น ขณะที่พฤติกรรมการซื้อเลือกเทคโนโลยีมากกว่าราคา ส่วนค่ายอัสซุสเร่งปรับโมเดลใหม่ตอบสนองความต้องการตลาด ด้านเออาร์ไอที ปลื้มยอดช็อปสะพัด 2,800 ล้าน เหตุโปรโมชันโดนใจ
นายถกล นิยมไทย ผู้จัดการประจำประเทศไทย ฝ่ายธุรกิจเทคโนโลยี บริษัท โตชิบา ไทยแลนด์ จำกัด เปิดเผยกับ"ฐานเศรษฐกิจ"ว่างานคอมมาร์ต เอ็กซ์เจน ไทยแลนด์ 2010 ที่ผ่านมานั้นมีปริมาณผู้เดินชมงานลดลงกว่างานคอมมาร์ตในเดือนมีนาคม แต่มีปริมาณผู้ซื้อสินค้าเพิ่มขึ้น โดยจะเห็นได้จากยอดขายของโน้ตบุ๊กโตชิบาที่เติบโตขึ้น 40-50% เมื่อเทียบกับงานในเดือนมีนาคม ซึ่งแสดงให้เห็นว่าความเชื่อมั่นผู้บริโภคเริ่มกลับคืนมา ขณะที่ความต้องการสินค้าไอทียังมีอยู่ ส่วนพฤติกรรมการเลือกซื้อของผู้บริโภคนั้นนิยมเลือกซื้อสินค้าโดยคำนึงถึงเทคโนโลยีมากกว่าราคา โดยเครื่องโน้ตบุ๊กที่ขายดีสุดเป็นรุ่นใช้ตัวประมวลผลคอร์ไอ 3 และ คอร์ไอ 5 ราคาประมาณ 20,000 บาทขึ้นไป
ขณะที่นายพรเทพ วัชรอำนวย กรรมการผู้จัดการ บริษัทอัสซุสเทค คอมพิวเตอร์ ประเทศไทย จำกัด กล่าวว่า ยอดขายโน้ตบุ๊กอัสซุส ในงานคอมมาร์ตกลางปีนี้นั้นเติบโตมากกว่างานคอมมาร์ตต้นปี แสดงให้เห็นว่ากำลังซื้อผู้บริโภคกลับคืนมา และเชื่อว่าจะมีผลต่อเนื่องไปยังตลาดครึ่งปีหลัง ส่วนพฤติกรรมผู้ซื้อนั้นมีความต้องการเทคโนโลยีมากกว่าราคา โดยรุ่นที่ขายดีเป็นรุ่นที่ใช้ตัวประมวลผลคอร์ไอ 3 และ 5 ราคามากกว่า 20,000 บาทขึ้นไป ซึ่งกลยุทธ์การทำตลาดของบริษัทครึ่งปีหลังคงต้องมุ่งการปรับโมเดลใหม่ๆ เข้ามาให้ทันตอบสนองความต้องการตลาด
ด้านนายปฐม อินทโรดม ผู้จัดการทั่วไป บริษัท เออาร์ไอพี จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า การจัดงาน "คอมมาร์ต เอ็กซ์เจน ไทยแลนด์ 2010" ที่ผ่านมาประสบความสำเร็จตามเป้าหมายที่วางไว้ ตลอดงานทั้ง 4 วัน สร้างเม็ดเงินสะพัดกว่า 2,800 ล้านบาท เนื่องจากพันธมิตรผู้ค้าไอทีแบรนด์ต่างๆ ใช้กลยุทธ์จัดโปรโมชันสินค้าราคาน่าสนใจ และถูกสุดๆ ส่งผลให้ผู้บริโภคตัดสินใจซื้อได้ง่ายขึ้น เมื่อเทียบกับความคุ้มค่าของสินค้า และราคากับการใช้งาน รวมทั้งการอั้นกำลังซื้อของผู้บริโภคในช่วงที่ผ่านมา ทำให้ยอดขายเป็นไปตามเป้า และผู้ที่มาชมงานก็ตั้งใจจะมาซื้อสินค้าโดยเฉพาะ ซึ่งลำดับสินค้าที่ขายดีที่สุดคือ โน้ตบุ๊กรวมทั้งงาน 1,700 ล้านบาท รองลงมาสมาร์ทโฟนยอดขาย 214 ล้านบาท ส่วนตลาดภาพและเสียงแอลอีดียอดขายเป็นที่น่าพอใจ 172 ล้านบาท เนื่องจากมีกระแสฟุตบอลโลกเข้ามาเป็นตัวแปรกระตุ้นตลาดเติบโต
สำหรับสินค้าที่ขายดีในงานกลางปีนี้ชี้ให้เห็นถึงแนวโน้ม และกระแสความต้องการใช้งานไอทีในตลาดครึ่งปีหลัง ทั้งการใช้เพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงาน และลดต้นทุน แม้ว่าเศรษฐกิจชะลอตัวหรือมีปัญหาทางด้านการเมือง แต่เทคโนโลยีไอทีก็ยังเป็นเครื่องมือสำคัญในการดำเนินธุรกิจ รวมถึงผู้บริโภคทั่วไปจำเป็นต้องใช้ไอทีในการเพิ่มความสะดวกสบาย และตอบสนองไลฟ์สไตล์ส่วนตัวที่เปลี่ยนไปตามกระแส อาทิ ดูหนัง ฟังเพลง และใช้งานส่วนบุคคล นอกจากนี้ยอดขายของอุปกรณ์ต่อพ่วง เช่น แอร์การ์ด และฮาร์ดดิสก์แบบพกพาปรับตัวเพิ่มสูงขึ้นรองรับกับไลฟ์สไตล์ที่ต้องการการสื่อสารความเร็วสูงตลอดเวลา
ที่มา: thannews.th.com