Author Topic: ไอซีที ใส่เกียร์ธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ ชี้มูลค่าสูง-ลดต้นทุน  (Read 836 times)

0 Members and 1 Guest are viewing this topic.

Offline Nick

  • Administrator
  • Platinum Member
  • *
  • Posts: 46028
  • Karma: +1000/-0
  • Gender: Male
  • NickCS
    • http://www.facebook.com/nickcomputerservices
    • http://www.twitter.com/nickcomputer
    • Computer Chiangmai


นายจุติ ไกรฤกษ์

รมว.ไอซีที เร่งผลักดันการทำธุรกรรมอิเล็กทรอนิกส์ หลังธปท.รายงานไตรมาส4 มูลค่า1.3 ล้านบาท พร้อมดัน เรื่องการโอนเงินผ่านเช็คให้สามารถเคลียริ่งได้ ภายใน 1 วัน เริ่มกรุงเทพฯก่อนทยอยตจว.ภายในปี 55...

นายจุติ ไกรฤกษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร หรือ ไอซีที ในฐานะประธานกรรมการธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ กล่าวภายหลังเป็นประธานการประชุมคณะกรรมการธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ ครั้งที่ 3/2553ว่า เป็นการประชุมคณะกรรมการครั้งแรกหลังการเข้ารับตำแหน่ง ว่า การประชุมครั้งนี้ถือเป็นการตอกย้ำความสำคัญของการทำธุรกรรมทาง อิเล็กทรอนิกส์ว่ามีความจำเป็นที่จะต้องสนับสนุนเป็นอย่างมาก เนื่องจากการทำธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ในปัจจุบันมีมูลค่าสูงมาก เฉพาะมูลค่าการให้บริการรับชำระเงินแทน (Bill Payment) โดยเป็นหนึ่งในประเภทธุรกิจบริการภายใต้การกำกับดูแลตามพระราชกฤษฎีกาว่าด้วย การควบคุมดูแลธุรกิจบริการการชำระเงินทางอิเล็กทรอนิกส์ พ.ศ. 2551 ที่ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) นำมารายงานให้คณะกรรมการฯ ทราบเฉพาะในไตรมาส 4 ของปี 2552 ที่ผ่านมา ก็มีจำนวนถึงกว่า 1,345,500 ล้านบาท

รมว.ไอซีที กล่าวต่อว่า ดังนั้น เพื่อส่งเสริมการทำธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ให้ขยายตัวเพิ่มมากยิ่งขึ้น จึงได้เสนอให้ ธปท. พิจารณาปรับลดอัตราค่าธรรมเนียมการโอนเงินระหว่างธนาคารพาณิชย์ผ่านระบบ อิเล็กทรอนิกส์ให้ลดลงจากเดิมภายในสิ้นปี 2553 แนวทางนี้จะช่วยให้ปริมาณการทำธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ในบริการดังกล่าว เพิ่มมากขึ้น โดยจะส่งผลให้ต้นทุนการดำเนินการถูกลง และธุรกิจต่างๆ ก็จะหันมาใช้การโอนเงินผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์แทนการใช้เช็คที่มีต้นทุนสูงก ว่า นอกจากนี้ ยังจะเร่งผลักดันเรื่องการโอนเงินผ่านเช็คให้สามารถเคลียริ่งได้ ภายใน 1 วัน โดยจะทำให้ธุรกิจต่างๆ ได้รับประโยชน์จากจำนวนวันในการคิดอัตราดอกเบี้ยเพิ่มขึ้น โดยแนวทางดังกล่าวคาดว่าจะสามารถเริ่มดำเนินการได้ภายในสิ้นปีนี้ เฉพาะในเขตกรุงเทพฯ ก่อน และจะทยอยดำเนินการได้ครบ ทุกจังหวัดประมาณสิ้นปี 2555

นายจุติ กล่าวอีกว่า การผลักดันการทำธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ในภาคธุรกิจ ได้มีนโยบายในการจัดทำโครงการนำร่องร่วมกับธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) กรมส่งเสริมการส่งออก กระทรวงพาณิชย์ และบริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด หรือ ปณท เพื่อนำสินค้าโอทอป (OTOP) มาจำหน่ายผ่านระบบ อี-คอมเมิร์ซ โดยมีกลุ่มเป้าหมาย คือ ลูกค้าบัตรเครดิตของธนาคารกรุงไทย และบจ.ไปรษณีย์ไทยจะรับหน้าที่ในการขนส่งสินค้า

"อย่างไรก็ตาม การผลักดันการทำธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์นั้น ยังติดปัญหาหลายๆ เรื่อง ซึ่งเรื่องที่สำคัญเร่งด่วน คือ การจัดตั้งสำนักงานคณะกรรมการธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ ที่ทำหน้าที่ผลักดันและขับเคลื่อนธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ของประเทศ โดยตามกฎหมายได้ระบุให้เป็นส่วนราชการ จึงอาจทำให้การปฏิบัติงานไม่คล่องตัวเท่าการเป็นองค์การมหาชน และแม้ว่าการจัดตั้งสำนักงานฯ จะยังไม่แล้วเสร็จ ก็จะพยายามหาแนวทาง วิธีการ และงบประมาณมาส่งเสริม สนับสนุนและผลักดันการทำธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ในทุกภาคส่วนให้เพิ่มมาก ขึ้นให้ได้"  รมว.ไอซีที กล่าว

นายจุติ กล่าวด้วยว่า การประชุม ครั้งนี้  คณะกรรมการฯ อยู่ระหว่างการเร่งพิจารณาร่างหลักเกณฑ์และวิธีการในการจัดทำหรือแปลงเอกสาร และข้อความให้อยู่ในรูปของข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์  และ ร่างหลักเกณฑ์การพิจารณาหน่วยงานรับรองสิ่งพิมพ์ออก ที่สำนักงานปลัดกระทรวงฯ ในฐานะฝ่ายเลขานุการฯ นำเสนอ เพื่อให้เป็นกลไกสำคัญในการรองรับและผลักดันให้เกิดการใช้งานระบบ e-Document และการทำธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์อย่างเต็มรูปแบบต่อไป นอกจากนี้คณะกรรมการฯ ยังได้มีการพิจารณาออกใบอนุญาตตามพระราชกฤษฎีกาฯ เพิ่มเติมให้กับผู้ให้บริการการชำระเงินทางอิเล็กทรอนิกส์ตามบัญชี ค ประเภทการให้บริการ รับชำระเงินแทน จำนวน 2 ราย คือ บริษัท สหพัฒนพิบูล จำกัด และบริษัท สามารถ ไอ-โม บาย จำกัด (มหาชน) อันถือได้ว่าเป็นสัญญาณที่ดีในการเติบโตของธุรกิจในด้านนี้ และเป็นการเพิ่มทางเลือกแก่ผู้ใช้บริการในการทำธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์เพิ่มมากขึ้น

ที่มา: thairath.co.th


 
Share this topic...
In a forum
(BBCode)
In a site/blog
(HTML)