คาดยอดขาย iPhone ส่อแวว กำลังจะลดลง

[Nick]

บริษัทยักษ์ใหญ่แห่งคูเปอร์ติโน มองเห็นความต้องการของผลิตภัณฑ์ยอดนิยมของตนลดลงในช่วงไตรมาสที่ผ่านมา ซึ่งเป็นปัญหาสุดหินที่ ทิม คุก และทีมของเขาจะต้องฝ่าฟันไปให้ได้ในปีนี้

แอปเปิล กำลังจะบอกกับนักลงทุน ในสิ่งซึ่งไม่เคยมีการกล่าวแบบนี้มาก่อนในระหว่างการประกาศผลประกอบการประจำไตรมาส โดยยอดขาย iPhone มีแนวโน้มปรับตัวลดลงเป็นครั้งแรก นับตั้งแต่เกมการตลาดที่เปลี่ยนไปของ iPhone ซึ่งวางจำหน่ายมาตั้งแต่ปี 2007

อย่างไรก็ตาม อาจจะเป็นเรื่องที่ไม่น่าแปลกใจเลย สำหรับยอดขายที่ลดลง เพราะในเดือนมกราคม ทิม คุก ซีอีโอแอปเปิล และทีมของเขา ได้คาดการณ์พยากรณ์ภาพรวมรายได้ของเดือน และส่งสัญญาณเตือนว่า ยอดขาย iPhone กำลังจะตกต่ำลงเป็นครั้งแรกในช่วง 3 เดือน (สิ้นสุดเดือนมีนาคม) โดยบริษัทจะกล่าวในรายงานผลประกอบการไตรมาสในวันอังคารที่จะถึงนี้

นักวิเคราะห์ได้ให้ความเห็นว่า การจัดส่ง iPhone ตกลงเกือบร้อยละ 20 จากไตรมาสเดียวกันเมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา โดยนักวิเคราะห์ยังได้คาดการณ์โดยเฉลี่ยว่า แอปเปิล น่าจะขาย iPhone ได้ประมาณ 51 ล้านเครื่องในช่วง 3 เดือนที่ผ่านมา (สิ้นสุดเดือนมีนาคม) อ้างอิงจาก Morgan Stanley นั่นหมายความว่า ยอดขายลดลงจาก 61.2 ล้านเครื่องที่ขายได้ในไตรมาสเดียวกันเมื่อปีก่อน

สัญญาณที่น่ากังวลที่ทำให้คาดว่าปีนี้จะเป็นปีที่ยากลำบากสำหรับบริษัทมหาชนที่ใหญ่ที่สุดในโลก น่าจะมาจากปฏิกิริยาต่อ iPhone  6S ในปีที่ผ่านมา ซึ่งไม่ค่อยดีเท่าที่ควร

นอกจากนี้ นักวิเคาระห์ส่วนใหญ่ยังเชื่อว่า รายได้ของแอปเปิลในปีนี้ จะลดลงโดยประมาณร้อยละ 3 เนื่องมาจากมีผู้บริโภคซื้อ iPhone ลดลงอีกด้วย เหตุผลหลัก ๆ ก็คือ รายได้ของแอปเปิลประมาณ 2 ใน 3 มาจากรายได้จากการจำหน่าย iPhone นั่นเอง โดยรายได้อาจลดลงประมาณร้อยละ 10 ในไตรมาสที่สอง มาอยู่ที่ 52 ล้านเหรียญสหรัฐ และลดลงมาอีกร้อยละ 4 มาอยู่ที่ 47.4  พันล้านเหรียญสหรัฐ ในไตรมาสที่สาม (สิ้นสุดเดือนมิถุนายน)

อนึ่ง ปีนี้เป็นปีที่ยากลำบากสำหรับบริษัทไอทีชื่อดังหลาย ๆ บริษัท ไม่ว่าจะเป็น Intel ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายชิปสำหรับคอมพิวเตอร์และเซิร์ฟเวอร์ที่ใหญ่ที่สุดของโลก ซึ่งได้มีการปลดร้อยละ 11 ของแรงงานในการขายเครื่องคอมพิวเตอร์ เพื่อลดผลกระทบจากปัญหาที่เกิดขึ้น IBM ได้มีการรายงานผลประกอบการประจำไตรมาสที่ลดลงในรอบ 14 ปี หรือแม้แต่ Alphabet ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของ Google ก็รายงานยอดขายและกำไรที่น่าผิดหวังเช่นกัน

ที่มา CNET

ที่มา: pantip.com