Computer & Services > Discussion

เฉลยคำถามย้อนหลังรายการ ยกสยาม 10

<< < (4/7) > >>

Nick:
เฉลยคำถามรายการยกสยาม 10 วันที่ 7 กรกฎาคม 53


ข้อที่ 1 “หญิงห้าซาเปา” เป็นอะไรกับชายสี่บะหมี่เกี๊ยว
ก. เจ้าของเดียวกัน
ข. ไม่ได้เป็นอะไรกันเลย

คำตอบ ก. เจ้าของเดียวกัน

อธิบาย
ผู้ก่อตั้งบริษัทชายสี่บะหมี่เกี๊ยว คือคุณพันธ์รบ กำลา มีพี่น้อง 5 คน เป็นผู้ชาย 4 คน ซึ่งเป็นที่มาของชื่อชายสี่บะหมี่เกี๊ยว เมื่อชายสี่บะหมี่เกี๊ยวคิดจะเปิดแฟรนไชส์ซาลาเปา จึงเกิดแนวคิดที่ว่า ตนเองยังมีน้องสาวคนที่ 5 อีกหนึ่งคน จึงนำมาตั้งเป็นชื่อสินค้าคล้องจองกันว่า "หญิงห้าซาเปา"





ข้อที่ 2 ชาวตรังให้ฉายา "ร้านเค้กเบญจมิตร" ว่าอะไร
ก. ร้านเค้กฟรี
ข. ร้านเค้กหมด

คำตอบ ข. ร้านเค้กหมด

อธิบาย
ร้านเค้กเบญจมิตร เป็นร้านเค้กที่ขายดีมาก จนถ้าใครไปถึงร้านสาย หรือไม่ได้สั่งจองไว้ล่วงหน้า มักจะพบกับป้าย "เค้กหมด" ตั้งอยู่หน้าร้านแทน ทำให้ชาวตรังพากันเรียกชื่อร้านนี้ว่า "ร้านเค้กหมด"





ข้อที่ 3 "เสร่อ" มีที่มาจากคำว่าอะไร
ก. เซ่อ + เร่อ
ข. Slur

คำตอบ ก. เซ่อ + เร่อ

อธิบาย
คำว่า "เซ่อ" ที่แปลว่างง หรือ ไม่รอบคอบ
ส่วนคำว่า "เร่อ" ที่มาจากคำเต็ม ๆ ว่า เร่อร่า หมายถึง แต่งกายรุ่มร่าม ผิดกาละเทศะ
เมื่อนำ "เซ่อ" กับ "เร่อ" มารวมกัน จึงเกิดเป็นคำว่า สะเหร่อ
ส่วนคำว่า Slur นอกจากจะเป็นชื่อวงดนตรีแล้ว ยังเป็นคำศัพท์ทางดนตรี ที่แปลว่า ทอดเสียงยาว



ที่มา: http://www.facebook.com/yoksiam10

Nick:
เฉลยคำถามรายการยกสยาม 10 วันที่ 8 กรกฎาคม 53

ข้อที่ 1 แรกมีรถรางไฟฟ้า คนไทยไม่กล้าขึ้นเพราะอะไร
ก. ตั๋วแพง
ข. กลัวไฟดูด

คำตอบ ข. กลัวไฟดูด

อธิบาย
รถรางไฟฟ้า วิ่งได้ด้วยพลังงานไฟฟ้า โดยจะมีสายเคเบิลอยู่ด้านบนของราง ซึ่งจะมีกระแสไฟฟ้าแปลบๆ อยู่เป็นระยะๆ ทำให้เมื่อมีรถรางไฟฟ้าใช้ในยุคแรก ๆ คนไทยไม่กล้าขึ้น เพราะกลัวถูกไฟดูด





ข้อที่ 2 เณรวัดถ้ำป่าอาชาทอง จ.เชียงราย นอกจากเรียนขี่ม้า ยังต้องเรียนอะไรอีก
ก. ภาษาจีน
ข. มวยไทย

คำตอบ ข. มวยไทย

อธิบาย
ท่านพระครูเหนือชัย โฆษิตา เจ้าอาวาสวัดถ้ำป่าอาชาทอง ในอดีตเคยเป็นนักมวยไทยมาก่อน และสามเณรส่วนใหญ่ของวัดเป็นเด็กชาวเขาที่มีร่างกายไม่แข็งแรง บางส่วนเกี่ยวข้องกับยาเสพติด ดังนั้น ท่านเจ้าอาวาสจึงสอนมวยไทยให้แก่สามเณร เพื่อให้ร่างกายแข็งแรงพอที่จะขี่ม้าได้ และเพื่อเป็นวิชาการป้องกันตัวด้วย ส่วนใหญ่จะฝึกมวยไทยช่วงก่อนทำวัด และเณรบางคนที่สึกออกไปก็ไปประกอบอาชีพเป็นนักมวยด้วย





ข้อที่ 3 ตอนลงประกวดขนมไทยปี 2515 แม่กิมไล้ทำขนมหม้อแกงขายมาแล้วกี่ปี
ก.19 ปี
ข. ไม่เคยทำขายเลย

คำตอบ ข. ไม่เคยทำขายเลย

อธิบาย
แม่กิมไล้ เริ่มทำขนมหาบขายในเพชรบุรีครั้งแรก เป็นขนมประเภทห่อ เช่น ข้าวต้มมัด ขนมกล้วย ขนมตาล จนกระทั่งปี 2515 ได้รับการชักชวนจากผู้ว่าราชการในยุคนั้นให้ลงประกวด "ขนมไทยเมืองเพชร" ในงานกาชาดและสงกรานต์ประจำปี แม่กิมไล้จึงลองนำสูตรขนมหม้อแกงของตัวเองที่ไม่เคยทำขายมาก่อน มาลงแข่ง ปรากฏว่าได้รับรางวัลชนะเลิศ แม่กิมไล้จึงหันมาทำขนมหม้อแกงขาย และมีชื่อเสียงมาจนถึงปัจจุบัน


ที่มา: http://www.facebook.com/yoksiam10

Nick:
เฉลยคำถามรายการยกสยาม 10 วันที่ 9 กรกฎาคม 53


ข้อที่ 1 ตัวบึ้ง เป็นที่มาของคำใด
ก. ก้นบึ้ง
ข. หน้าบึ้ง

คำตอบ ก. ก้นบึ้ง

อธิบาย
ตัวบึ้ง เป็นแมงมุมที่ทำรังโดยการขุดรูอยู่ในพื้นดิน โดยรูตัวบึ้งจะคดเคี้ยว ซับซ้อน ลึกประมาณ 1 ฟุต และมันจะชักใยคลุมปิดปากรูจนแน่น จนน้ำเข้าไม่ได้ จึงนับว่ารูของตัวบึ้งค่อนข้างลึกลับ ซึ่งจากหนังสือภาษาพาเพลิน ระบุว่า คำว่า "ก้นบึ้ง" มีที่มาจากคำเต็ม ๆ ว่า "ก้นรูบึ้ง" ซึ่งใช้หมายถึงส่วนที่ลึกที่สุด ก่อนที่จะพูดเหลือเพียงสั้น ๆ ว่า ก้นบึ้ง   






ข้อที่ 2 โรค "บาดทะยัก" ได้ชื่อนี้เพราะอะไร
ก. โหดร้ายเหมือนยักษ์
ข. เป็นแล้วยึกยัก

คำตอบ ข. เป็นแล้วยึกยัก

อธิบาย
บาดทะยักเป็นโรคติดเชื้อแบคทีเรียที่เข้าสู่ร่างกายทางบาดแผล แล้วจะทำให้กล้ามเนื้อทั่วร่างกายเกร็งจนหลังแอ่น เมื่อมีอะไรมาสัมผัสร่างกายจะยิ่งเกร็งมากขึ้น จนมีอาการชักกระตุก ชื่อโรคบาดทะยัก จึงสันนิษฐานว่า บาด หมายถึง บาดแผล ส่วน "ยัก" หมายถึงอาการ "ยัก" หรือชักกระตุก ซึ่งเป็นอาการสำคัญของโรค


ที่มา: http://www.facebook.com/yoksiam10

Nick:
เฉลยคำถามรายการยกสยาม 10 วันที่ 12 กรกฎาคม 53

ข้อที่ 1 ทากทะเลชนิดใหม่ของโลก ชื่อว่าอะไร
ก. สรพงษ์
ข. ไอ้เท่ง

คำตอบ ข. ไอ้เท่ง

อธิบาย
ทากทะเลชนิดใหม่ของโลกที่ค้นพบในประเทศไทยมีลำตัวสีดำ และมีตาขนาดใหญ่แนบติดกับส่วนหัว ไม่ยื่นออกมาเป็นก้านตาเหมือนทากชนิดอื่น ซึ่งมองดูคล้ายกับสี และตาของตัวหนังตะลุง "ไอ้เท่ง" นอกจากนี้ ตัวหนังตะลุง ยังสะท้อนถึงเอกลักษณ์ของภาคใต้ ซึ่งเป็นแหล่งที่ค้นพบทาก ทากทะเลชนิดนี้จึงมีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า "ไอ้เท่ง อาเธอร์" (Aiteng ater)






ข้อที่ 2 ยำแหนมข้าวทอดป้าใหญ่ระดับเผ็ดที่สุด เรียกว่าอะไร
ก. ระดับเกียรตินิยม
ข. ระดับปริญญาใจ

คำตอบ ข. ระดับปริญญาใจ

อธิบาย
ยำแหนมข้าวทอดป้าใหญ่ ในอดีตจะมีชื่อเรียกระดับความเผ็ดเป็นชื่อเพลง เช่น เจ็บนิด ๆ สุดฤทธิ์สุดเดช น้ำตาร่วงหลังพวงมาลัย แต่มาเปลี่ยนเป็นชื่อวุฒิการศึกษาเพราะมีขั้นมากกว่า และเข้าใจง่ายกว่า โดยระดับเผ็ดน้อยที่สุด โดยไม่ใส่พริก และต้องล้างหม้อด้วย เรียกว่าระดับแรกเกิด แล้วไล่ไปตั้งแต่ เตรียมอนุบาล อนุบาล ประถม มัธยม ปวช. ปวศ. ปริญญาตรี ปริญญาโท ปริญญาเอก ด็อกเตอร์ 2 ใบ เและระดับเผ็ดที่สุดที่จะใส่พริก 7 ช้อนพูน เรียกว่า ระดับปริญญาใจ






ข้อที่ 3 "ลายรดน้ำ" ทำไมถึงได้ชื่อนี้
ก. พลิ้วไหวเหมือนสายน้ำ
ข. ต้องเอาน้ำมารด

คำตอบ ข. ต้องเอาน้ำมารด

อธิบาย
ขั้นตอนการทำภาพลายรดน้ำ จะต้องเขียนลายด้วยน้ำยาพิเศษที่เรียกว่า น้ำยาหรดาลลงบนพื้นที่เตรียมไว้ เมื่อเขียนเสร็จแล้วนำรักสีดำมาทาทับให้ทั่ว แล้วติดทองคำเปลวทับทั้งหมด ขั้นตอนสุดท้ายคือใช้น้ำล้างทองคำเปลวออก โดยทองคำเปลวส่วนที่ไม่มีน้ำยาหรดาล หรือ ไม่ได้เขียนลายไว้จะหลุดออกมาตามน้ำ กลายเป็นลายสีทองบนพื้นสีดำ และขั้นตอนล้างน้ำนี้ จึงเป็นที่มาของชื่อลายรดน้ำ


ที่มา: http://www.facebook.com/yoksiam10

Nick:
เฉลยคำถามรายการยกสยาม 10 วันที่ 13 กรกฎาคม 53

ข้อที่ 1 การนำเรือยาวเก่ามาปรับปรุงให้ทันสมัยเพื่อลงแข่ง เรียกว่าอะไร
ก. กลับลำ
ข. ทำสาว

คำตอบ ข. ทำสาว

อธิบาย
ในยุคหนึ่งที่รัฐบาลมีนโยบายปิดป่า ทำให้ช่างทำเรือ หาต้นตะเคียนมาทำเรือได้ยาก จึงหันมานำเรือเก่า มาปรับปรุงใหม่ โดยในวงการเรือยาว เชื่อว่าเรือทุกลำมีแม่ย่านางสิงอยู่ ดังนั้น การนำเรือเก่ามาปรับปรุงใหม่ จึงมีศัพท์เฉพาะในวงการเรือยาว เรียกว่า การทำสาวเรือ






ข้อที่ 2 อะไรถูกเรียกว่าทับทิมก่อนกัน
ก. พลอย
ข. ผลไม้

คำตอบ ข. ผลไม้

อธิบาย
ทับทิม เป็นคำที่มาจากภาษาสันสกฤตว่า ทาฑิมะ โดยในภาษาสันสกฤต ทาฑิมะ เป็นชื่อเรียกต้นไม้เพียงอย่างเดียว ทับทิม จึงเป็นชื่อของผลไม้มาก่อน เมื่อคนไทยเห็นพลอยที่มีสีแดง เหมือนกับเมล็ดทับทิม จึงเรียกพลอยชนิดนั้นว่า ทับทิมตามไปด้วย


ที่มา: http://www.facebook.com/yoksiam10

Navigation

[0] Message Index

[#] Next page

[*] Previous page

Go to full version