เป็นอีกครั้งที่อุตสาหกรรมวีดีโอเกมของสหรัฐฯ ยังคงต้องเผชิญหน้ากับความเลวร้ายของยอดขาย ถึงแม้ว่าในช่วงที่ผ่านมาจะมีเกมชื่อดังอย่าง The Witcher 3: The Wild Hunt, Mortal Kombat X และ Grand Theft Auto V ออกมาช่วยเรียกเรตติ้งแล้วก็ตาม เมื่อ NPD บริษัทวิเคราะห์เจ้าเก่ารายงานว่า ยอดขายโดยรวมทั้งหมดในตลาดเกมสหรัฐฯ เมื่อเดือนที่ผ่านมาลดลงร้อยละ 13 เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมาโดยเหลือเพียง 507.6 ล้านเหรียญสหรัฐฯ และไม่เพียงแต่มีความซบเซาในเรื่องของเกมเท่านั้น ยอดขายซอฟท์แวร์ก็ตกต่ำลงด้วยเช่นกัน โดยทำรายได้ไปเพียง 204.7 ล้านเหรียญสหรัฐฯ หรือลดลงจากเดิม 25% จาก 273.9 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เมื่อเดือนพฤษภาคมปีก่อน ขณะที่ยอดขายด้านฮาร์ดแวร์ก็ไม่ค่อยสู้ดีนักเช่นกัน โดยลดลง 18% เหลือเพียง 153.6 ล้านเหรียญสหรัฐฯ แต่อย่างไรก็ตาม รายได้ของของส่วนอุปกรณ์เสริมของเกม Nintendo ก็ยังพอที่จะทำให้ตลาดสดใสได้บ้าง โดยมันสามารถทำรายได้ได้ที่ 149.3 ล้านเหรียญสหรัฐฯ หรือเพิ่มขึ้นถึง 20% เมื่อเทียบกับปีก่อน
Liam Callahan นักวิเคราะห์จาก NPD กล่าวว่า ยอดขายที่ลดลงในเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา ถือเป็นสัญญาณที่ค่อนข้างแย่เมื่อเปรียบเทียบกับยอดขายที่แข็งแกร่งในเดือนพฤษภาคมปี 2014 ซึ่งในปีนั้นมีการเปิดตัว Mario Kart 8 และ Watch Dogs
ทั้งนี้ สถิติดังกล่าวเป็นการติดตามวิเคราะห์ยอดขายเกมจากร้านค้าปลีกในสหรัฐฯ เท่านั้น ซึ่งหมายความว่า ไม่รวมถึงเกมมือสอง, ดิจิตอลดาวน์โหลด, เกมมือถือ หรือเกมอื่นๆ ที่วางขายนอกสหรัฐฯ
ที่มา TechSpot
ที่มา: pantip.com