"เอเซอร์" ขยายอาณาจักร ตั้งกลุ่มธุรกิจ "เอ็นเตอร์ไพรส์" ลุยเจาะลูกค้าองค์กรทุกระดับ พร้อมเปิดตัวสินค้ากว่า 30 รุ่น หลังประสบความสำเร็จการทำตลาดพีซีคอนซูเมอร์ ตั้งเป้าภายใน 3 ปีขึ้นเป็นผู้นำเล่นแถวหน้าตลาดเซิร์ฟเวอร์ในไทย
นายอลัน เจียง ผู้จัดการทั่วไป บริษัท เอเซอร์ คอมพิวเตอร์ จำกัด กล่าวว่า ปี 2553 บริษัทแม่ของเอเซอร์มีนโยบายให้เน้นเข้าสู่ตลาดใหม่ คือ ตลาดคอร์ปอเรต มากขึ้น หลังจากที่เอเซอร์ประสบความสำเร็จในการทำตลาดคอนซูเมอร์ เพราะช่วงหลายปีที่ผ่านมาบริษัทไม่ได้โฟกัสที่ตลาดคอร์ปอเรตมากนัก โดยเอเซอร์ได้เตรียมความพร้อมตั้งแต่กลางปีที่แล้ว โดยตั้งกลุ่มธุรกิจเอ็นเตอร์ไพรส์ โซลูชั่น กรุ๊ป หรือ ESG ที่ดูแลการขายและการทำตลาดผลิตภัณฑ์เซิร์ฟเวอร์ และสตอเรจ พร้อมบริการโซลูชั่นแยกออกมาอย่างชัดเจน
เพื่อให้เกิดความคล่องตัวและตอบสนองลูกค้าได้มากขึ้น และยังเป็นการช่วยเปิดโอกาสทางธุรกิจสินค้าอื่น เช่น อุปกรณ์ ต่อพ่วง เครื่องลูกข่ายอื่น ๆ ตามมาด้วย
โดยเจาะกลุ่มเป้าหมายโฮมออฟฟิศ เอส เอ็มบี องค์กรขนาดกลาง ขนาดใหญ่ และกลุ่มที่ต้องการใช้คอมพิวเตอร์ประสิทธิภาพสูง หรือ high performance computing (HPC) และกลุ่มภาครัฐ การศึกษา เป็นต้น และอนาคตเอเซอร์วางแผนที่จะเจาะตลาด ผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ต หรือไอเอสพี เพื่อเตรียมตัวเข้าสู่ตลาดคลาวด์คอมพิวติ้งด้วย
ปีนี้บริษัทแม่มีนโยบายมาชัดเจนว่าต้องการเข้าสู่ตลาดคอร์ปอเรตมากขึ้น พร้อมกับตั้งเป้าภายใน 3 ปีต่อจากนี้ ต้องขึ้นมาอยู่ในระดับผู้เล่นแถวหน้าของตลาดเซิร์ฟเวอร์ในไทยให้ได้ จากปัจจุบันมีส่วนการตลาดเซิร์ฟเวอร์เป็นอันดับ 4
พร้อมกันนี้เอเซอร์ได้มีการเปิดตัวเซิร์ฟเวอร์และสตอเรจจำนวนกว่า 30 รุ่น โดยได้เปลี่ยนจากแบรนด์ "Altos" เป็น "เอเซอร์เซิร์ฟเวอร์" เพื่อให้ลูกค้าเกิดการตระหนักรู้ในแบรนด์มากขึ้น ขณะเดียวกันมีการบริการโซลูชั่นตามสั่ง หรือ build to order ภายใน 5 วัน เนื่องจากมีโรงงานประกอบสินค้าตั้งอยู่ในไทย พร้อมการรับประกัน 3 ปี รวมถึงได้ตั้งศูนย์ทดสอบการใช้งานเสมือนจริงเพื่อให้ลูกค้าได้ทดลองใช้งานที่ตึก CTI ด้วย
นายอลันกล่าวว่าเอเซอร์ตั้งเป้าสัดส่วนรายได้จากกลุ่มธุรกิจอีเอสจี ประมาณ 15-20% ภายใน 3 ปี จากปัจจุบันมีสัดส่วนประมาณ 5%
สำหรับภาพรวมตลาดไอทีครึ่งปีหลังคาดว่ายังมีการเติบโตใกล้เคียงกับครึ่งปีแรก ที่องค์กรส่วนใหญ่มีการลงทุนด้านไอทีเติบโตขึ้นประมาณ 20-30% เมื่อเทียบกับครึ่งปีแรกของปี 2009 เพราะสภาพเศรษฐกิจโดยรวมที่เริ่มฟื้นตัว ทำให้องค์กรมีการลงทุนมากขึ้น และองค์กร ส่วนใหญ่ใช้ระบบปฏิบัติการวินโดวส์เอ็กซ์พีมาเป็นเวลานาน ทำให้ต้องรีเฟรชสินค้า อีกครั้ง
ที่มา: prachachat.net
