“จา พนม” โวเดินหน้าโกอินเตอร์เต็มสูบ อยากไปให้ถึงเป้าหมาย รับหนังหลายเรื่องรุมทาบหลังบุกตลาดฮอลลีวูด เมินครหาลืมบุญคุณไม่จบไม่สิ้น ลั่นไม่รู้เมียโพสต์เฟซบุ๊กเล่านิทานเรื่องชายหาปลา บอกไม่ใส่ใจอยากโฟกัสอนาคตมากกว่า
แม้วันนี้จะทำความฝันสำเร็จไปหนึ่งขั้นกับการแสดงหนังฮอลลีวูด Fast7 จนทำให้ต่างชาติสนใจในตัวของพระเอกบู๊ “จา พนม” ทัชชกร ยีรัมย์ เป็นอย่างมาก แต่ก็ไม่วายต้องเจอกระแสเมาท์มอยมากมายตามมา โดยเฉพาะประเด็นลืมบุญคุณต้นสังกัดเก่าอย่างสหมงคลฟิล์มที่ยังคาราคาซัง ไม่จบไม่สิ้น งานนี้จาได้เปิดใจในงาน Thailand Gala Premiere Skin Trade คู่ซัดอันตราย ณ สยามพารากอน โดยเผยว่าชีวิตต้องเดินไปข้างหน้าไม่อยากหันหลังไปมองอดีต “ก็มีโปรเจ็กต์ต่อไปอีกหลายเรื่องครับที่จะตามมา พอเราเปิดหนังเรื่อง Fast แล้วก็มา Skin Trade มันก็เป็นการเปิด เหมือนไปสร้างมิตรภาพ บอกต่อๆ กันจากโปรดิวเซอร์แล้วไดเรกเตอร์ก็เป็นผู้กำกับผม เมืองไทยเป็นเมืองที่น่าท่องเที่ยวเป็นเมืองที่น่าไปถ่ายหนังเล่าบรรยากาศทุกสิ่งทุกอย่างให้เขารู้เขาก็สนใจ ตอนนี้ในการทำหนังที่เมืองไทยไม่ใช่หนังราคาถูกแต่เป็นราคาดี เพราะทุกคนก็สนใจ Skin tread เป็นโอกาสอันดีทำให้ชาวต่างชาติได้เห็นว่าเราสามารถทำหนังเป็นอินเตอร์เนชันแนลได้มันไม่ใช่แค่ผมไปเล่นแต่เราดึงถึงคนที่อยากถ่ายหนัง นายทุนต่างประเทศนำโปรดักส์เข้ามาในเมืองไทย”
“ตอนนี้ในหนึ่งปีผมรับไป 3 เรื่อง มี Fast,Skin tread แล้วก็ spl และเรื่องต่อๆ ไปอีกหลายเรื่องครับตอนนี้ก็คงต้องให้โปรดิวเซอร์เป็นคนบอกเพราะว่าพอผมไปอยู่ตรงนั้นมันก็ต้องเป็นระบบครับ ตอนนี้โกอินเตอร์เต็มตัวถือว่าเป็นความภาคภูมิใจมากครับที่ได้ก้าวไปอยู่ตรงนั้น คือเราไปเปิดตลาดก่อนพอเปิดตลาดเขาก็เห็นความสามารถของเรา จะชวนเพื่อนๆ ไปโกอินเตอร์ด้วยแน่นอนครับ มันเป็นก้าวแรกของ จา พนม ต่อๆ ไปก็จะมีนักแสดงอีกหลายท่านที่สนใจนะครับแล้วโอกาสนั้นก็จะมาถึง”
“ตอนนี้ผมก็ไปๆ มาๆ ครับ ถ้าช่วงไหนที่มีถ่าย 2-3 เดือนก็ต้องไปอยู่ที่ฮอลลีวูด คงไม่ถึงขนาดต้องซื้อบ้านอยู่ที่โน่นครับ เป้าหมายของเราก็คืออยากทำงานที่เมืองไทยอยากโคโปรดักชั่นกับฮอลลีวูดแล้วก็มาถ่ายทำที่เมืองไทยนั่นคือสิ่งที่เราตั้งเป้าไว้ ผมได้ไปอยู่ที่นั่นเราได้เรียนรู้ เราได้สร้างสัมพันธภาพที่ดีกับฮอลลีวู้ด ไม่ว่าจะเป็นหนังฮ่องกง หนังจีนหรือหนังต่างประเทศเอเชียทำให้เขาเห็นครับว่าศักยภาพในเมืองไทยก็มีความสามารถที่จะทำหนังให้เทียบเท่ากับดาราฮอลลีวูดได้”
ลั่นขอโฟกัสที่งาน ไม่อยากสนใจอดีต ขอเดินไปข้างหน้าดีกว่า
“ตอนนี้ผมถ่ายทำหนังอย่างเดียวเลยครับ แล้วตอนนี้ผมโปรโมตหนัง ผมโฟกัสในเรื่องงานครับทำหน้าที่ของผมให้ดีที่สุด ส่วนเรื่องอดีตผมคิดว่าชีวิตของเราทุกคนมีขึ้นมีลง แต่ว่าผมคิดว่าผมเดินไปข้างหน้าผมทำเพื่ออะไร ในตัวของผมผมรู้ดีแล้วก็ประชาชนทุกคนก็รู้ดีนะครับ เราไม่อยากพูดผมโฟกัสไปที่การทำงานของผมนะครับ นั่นคือผมต้องทำให้ถึงที่สุด แล้วตอนนี้มันก็ประสบความสำเร็จและได้บอกให้ทุกคนได้รู้ว่าเราทำได้ไม่ใช่ผมทำได้นะครับ”
“กับเมียผมก็สไกป์คุยกันทุกวันครับเพราะเวลาทำงานเขาก็จะรู้ว่าเราทำหน้าที่ตรงนั้นสนับสนุนเต็มที่ คนไทยยกให้เป็นฮีโร่ผมก็รู้สึกภาคภูมิใจครับ ต้องขอบคุณแฟนๆ คนไทยนะครับที่ติดตามผลงานของผมอยู่ แล้วก็คอยให้กำลังใจ พอผมอ่านในคอมเม้นต์ที่คนมาโพสต์ในเฟซบุ๊กผมก็ภูมิใจ ผมเก็บพลังตรงนั้นนะ กับลูกก็เจอครับ อยู่ที่บ้านเจอกันก็พากันไปเที่ยวไปวัดครับ ตอนนี้หนังเรื่องสกินเทรดเป็นการเปิดตลาดฮอลลีวูด ก็อยากขอบคุณแฟนๆ คนไทยทุกคนที่ให้กำลังมาโดยตลอดผมขอบคุณมากนะครับและมาช่วยเป็นกำลังใจในเรื่องต่อไปด้วยนะครับ ได้ชมแน่นอนครับครบทุกรสชาติ ต่อไปคุณก็จะได้เห็นคาแรกเตอร์ของผมที่ไม่ใช่แบบเดิมครับอาจจะเป็นตำรวจ ก็ยังมีบู๊อยู่คือพอไปอยู่ตรงนั้นมันได้แตกคาแรกเตอร์ผมได้ประสบการณ์กับการทำงานร่วมกับต่างประเทศเราก็สามารถนำมาประยุกต์ใช้กับหนังไทยได้”
ลั่นไม่ใส่ใจ เมียโพสต์เฟซบุ๊กเรื่องชายหาปลาเหน็บใคร บอกชีวิตนี้ขอเดินไปข้างหน้าอย่างเดียว
“อันนี้ผมยังไม่รู้เลยครับเพราะผมไม่ได้สนใจ คือตอนนี้ผู้ใหญ่ให้ผมเดินหน้าอย่างเดียวผมคิดว่าผมเกิดมาในพื้นแผ่นดินไทยผมอยากทำอะไรให้กับแผ่นดินเกิดแล้วทำอะไรให้กับประเทศชาติตรงนั้นมากกว่าครับ ก็ไม่ได้พูดกันครับ (หลายคนเดาไปว่าเป็นเรื่องของคนในครอบครัว) ผมไม่ทราบเรื่องเลยครับ ก็คงต้องกลับไปคุยกันครับ ผมทำงานหนักเขาก็เข้าใจครับ เพราะผมใช้เวลา 2 ปีกว่าที่จะทำหนัง 3 เรื่องก็ต้องใช้พลังเขารู้ว่าการทำหนังแอ็กชั่นมันไม่ได้ทำง่ายๆ”
“ส่วนที่ยังโดนกระแสลืมบุญคุณทุกคนมีสิทธิ์คิดครับแต่ว่าจริงเท็จแค่ไหนมันอยู่ในใจ อยู่ที่ว่าเราจะพูดออกมาหรือเปล่าผมว่าบุญคุณมันอยู่ในใจสามัญสำนึกมันอยู่ในใจของเราอยู่แล้ว แล้วตอนนี้ผมทำหน้าที่ตอบแทนบุญคุณประเทศชาติมันคือหน้าที่ที่ยิ่งใหญ่มากเพราะว่าผมไปในฐานะคนไทยคนหนึ่งผมก็ไม่ได้ยิ่งใหญ่อลังการ ผมเกิดจากเด็กเลี้ยงช้างคนหนึ่งแต่ว่ามีความฝันที่จะเดินไปให้ถึงเป้าหมายของผม ผมโฟกัสแค่นั้น"
ที่มา: manager.co.th