ตำรวจญี่ปุ่นเปิดเผยว่า จำนวนคนไทยที่ถูกปฏิเสธการเข้าประเทศญี่ปุ่น หรือจับกุมตัวในข้อหาลักลอบทำงานและอยู่ในญี่ปุ่นเกินระยะเวลาเพิ่มขึ้นมากกว่า 23% หลังจากรัฐบาลญี่ปุ่นยกเว้นวีซ่าสำหรับนักท่องเที่ยวชาวไทย
กระทรวงยุติธรรมของญี่ปุ่นเปิดเผยว่า ในปี 2014 มีคนไทย 4,391 คนถูกจับกุมตัวในข้อหาลักลอบทำงาน และอยู่ในญี่ปุ่นเกินระยะเวลาตามมาตรการยกเว้นการตรวจลงตราวีซ่าสำหรับนักท่องเที่ยวชาวไทย หรือเพิ่มขึ้น23% จากปีก่อนหน้า และถือเป็นครั้งแรกในรอบ 21 ปีที่อัตราการทำผิดกฎหมายเข้าเมืองของคนไทยเพิ่มขึ้น ในปี 2014 มีคนไทยมากกว่า 1,000 คนถูกปฏิเสธไม่ให้เข้าประเทศญี่ปุ่น เนื่องจากเจ้าหน้าที่สงสัยว่า “ไม่ได้มาท่องเที่ยว” แต่เข้ามาทำงานในญี่ปุ่นอย่างผิดกฎหมาย ซึ่งเจ้าหน้าที่ของญี่ปุ่นระบุว่า กลุ่มคนไทยที่ถูกจับกุมตัวเป็นเพียง “ยอดของภูเขาน้ำแข็ง” เพราะมีคนที่อาศัยช่องว่างของมาตรการ “ฟรีวีซ่า” เข้ามาทำงานในประเทศญี่ปุ่นอีกจำนวนมาก
สื่อมวลชนญี่ปุ่นได้รายงานข่าวการจับกุมแรงงานต่างชาติผิดกฎหมายที่จังหวัดอิบารากิ ซึ่งเจ้าหน้าที่สามารถควบคุมตัวคนไทย 3 คนที่ลักลอบเข้ามาทำงานในญี่ปุ่นตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน ปีที่แล้ว
คนไทยทั้ง 3คนยอมรับว่าเดินทางเข้าประเทศญี่ปุ่นด้วยมาตรการยกเว้นวีซ่า และได้ลักลอบทำงานโดยไม่มีใบอนุญาต หญิงชาวไทยวัย 39 ปีที่ถูกจับกุมให้การว่า เธอจ่ายเงิน 8แสนเยนให้กับนายหน้าทางภาคอีสานของไทย ซึ่งจัดหาตั๋วเครื่องบินและติดต่องานที่ประเทศญี่ปุ่นให้ โดยเธอได้บินจากกรุงเทพฯมายังเมืองนาโกย่า จากนั้นก็นั่งรถไฟมายังจังหวัดอิบารากิ
งานที่คนไทยเหล่านี้ทำคือ เก็บผักผลไม้ในสวนซึ่งมีค่าตอบแทนวันละ 5,000เยน ซึ่งเป็นเงินไม่มากสำหรับค่าจ้างในประเทศญี่ปุ่น หากแต่เงินจำนวนนี้สามารถสร้างบ้าน 3 ชั้นได้ในประเทศไทยหากพวกเธอสามารถลักลอบทำงานในญี่ปุ่นได้ 2-3 ปี
เจ้าหน้าที่ยังสามารถจับกุมคนไทยได้อีกหลายคน ที่ลักลอบทำงานในร้านนวดแผนไทยที่กรุงโตเกียวและเมืองต่างๆ โดยในปีที่แล้ว ตำรวจกรุงโตเกียวสามารถจับกุมคนไทย 139 คนที่ลักลอบทำงานที่อาจเกี่ยวข้องกับการค้าบริการทางเพศ ซึ่งอัตราการจับกุมชาวต่างชาติลักลอบทำงานผิดกฎหมายในญี่ปุ่นที่เพิ่มขึ้น ทำให้เจ้าหน้าที่ต้องเพิ่มมาตรการปราบปรามให้เข้มงวดมากขึ้น.
ที่มา: manager.co.th