แม้อินเทอร์เน็ตความเร็วสูงจะถูกการันตีว่าสามารถสร้างประโยชน์มหาศาลด้านการสื่อสาร การค้า การแพทย์ หรือด้านการศึกษา แต่ในวงการภาพยนตร์ดูเหมือนว่าสตูดิโอผู้ผลิตภาพยนตร์ชั้นนำของโลกกำลังกังวลว่าบริการอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงจะช่วยส่งเสริมศัตรูอย่างเว็บไซต์ให้บริการโหลดภาพยนตร์เถื่อน ที่ทำให้ค่ายหนังสูญเสียรายได้ไปแล้วหลายพันล้านเหรียญสหรัฐ โดยชาวออนไลน์เกือบ 1 ใน 4 ยอมรับว่าชอบใช้บริการเว็บโหลดหนังเถื่อนเพราะความทันใจของเน็ตเร็วสูง ความกังวลของสตูดิโอค่ายภาพยนตร์ต่ออินเทอร์เน็ตความเร็วสูงนี้ถูกรายงานในสื่ออเมริกันหลายแห่งช่วงปลายสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยในรายงานมีการเผยแพร่เอกสารงานวิจัยลับของ 2 สตูดิโอที่ดำเนินการสำรวจความเห็นของชาวเมืองแคนซัสซิตี และเซนต์หลุยส์ 2 เมืองของสหรัฐฯ ที่กูเกิล (Google) ชิมลางให้บริการอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงราคาประหยัดในนาม “กูเกิล ไฟเบอร์ (Google Fiber)”
งานวิจัยลับนี้ดำเนินการในปี 2012 โดยวอร์เนอร์ บราเดอร์ส (Warner Bros.) และโซนี่ พิคเจอร์ส เอ็นเตอร์เทนเมนต์ (Sony Pictures Entertainment) กลุ่มตัวอย่างคือชาวอเมริกันวัย 13-54 ปีที่ได้ทดลองใช้บริการ Google Fiber จำนวน 2,000 คน ซึ่งราว 31% ยอมรับว่าใช้บริการโหลดภาพยนตร์เถื่อนมาชมเป็นประจำ
ผลปรากฏว่าราว 1 ใน 3 ของกลุ่มนักโหลดหนังเถื่อนยอมรับว่าจะดาวน์โหลดเพิ่มขึ้นอีกหากติดตั้งหรือมีบริการอินเทอร์เน็ตความเร็วสูง ขณะที่อีก 26% ของกลุ่มตัวอย่างที่ไม่เคยโหลด มีความคิดว่าจะเริ่มโหลดเมื่อสมัครใช้บริการ Google Fiber
การสำรวจนี้แสดงว่าบริการโหลดหนังเถื่อนจะมีพลังดึงดูดให้น่าใช้งานยิ่งขึ้นเมื่อมีบริการ Google Fiber โดยกลุ่มตัวอย่าง 24-29% มองว่าอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงช่วยให้การชมหนังเถื่อนเป็นไปอย่างง่ายดาย ขณะเดียวกัน 22-25% มองว่าหนังเถื่อนเหล่านี้มีภาพและเสียงคมชัด ขณะที่อีก 21-22% มองว่าการชมภาพยนตร์เถื่อนนั้นไม่ได้ทำให้ใครเดือดร้อน
ผลสำรวจที่เกิดขึ้นสร้างความหนักใจให้แก่ค่ายภาพยนตร์อย่างปฏิเสธไม่ได้ ที่ผ่านมา สตูดิโอหลายแห่งสูญเสียเงินรายได้หลายพันล้านเหรียญสหรัฐเพราะความนิยมในบริการดาวน์โหลดหนังเถื่อนที่เกิดขึ้นทั่วโลก จุดนี้ในเอกสารงานวิจัยมีการระบุว่าเม็ดเงินที่ค่ายหนังจะสูญเสียไปเพราะวงการโหลดหนังเถื่อนอาจเพิ่มขึ้นอีกปีละ 1 พันล้านเหรียญสหรัฐ แตะหลัก 2,753 ล้านเหรียญสหรัฐต่อปี
รายได้ที่ค่ายสตูดิโออาจสูญเสียไปนี้คิดเป็นสัดส่วนเพิ่มขึ้นมากกว่า 60% จากปัจจุบัน
แม้งานวิจัยลับจะมองว่าบริการอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงอย่าง Google Fiber เป็นภัยคุกคามที่ส่งเสริมตลาดหนังเถื่อนทางตรงและทางอ้อม แต่ที่ผ่านมากูเกิลแสดงจุดยืนเรื่องการรณรงค์เพื่อแก้ปัญหาการละเมิดลิขสิทธิ์บนโลกออนไลน์อย่างจริงจัง ขณะเดียวกัน ข้อมูลจากงานวิจัยชิ้นนี้ยังสะท้อนว่าอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงจะเป็นช่องทางให้บริการซื้อหรือเช่าวิดีโอออนไลน์ได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นเช่นกัน ทั้งหมดนี้เป็นโอกาสและความท้าทายที่รอให้อุตสาหกรรมภาพยนตร์ลุกขึ้นมาปฏิวัติตัวเองเพื่อดึงผู้ใช้ให้ยอมเสียเงินชมภาพยนตร์อย่างถูกกฎหมาย
สัญญาณบวกที่สะท้อนว่าอุตสาหกรรมภาพยนตร์ยังมีหวังในยุคอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงคือ 39% ของกลุ่มตัวอย่างบอกว่าจะสมัครสมาชิกบริการสตรีมมิ่งวิดีโอ ขณะที่ 34% บอกว่าจะเช่าหรือซื้อวิดีโอออนไลน์ ดังนั้นบทสรุปของการสำรวจนี้จึงชี้ว่าปัญหาไม่ได้อยู่ที่บริการอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงหรือ Google Fiber แต่อยู่ที่ตัวค่ายภาพยนตร์เองว่าจะปรับตัวอย่างไร ในวันที่บริการ Google Fiber มีแผนขยายไปทั่ว 34 เมืองในสหรัฐฯ ตลอดปี 2015 นี้
ที่มา: manager.co.th