นางคามิลล่า วอลเทียร์ ประธานบริษัทอีริคสัน ประเทศไทย
นางคามิลล่า วอลเทียร์ ประธานบริษัทอีริคสัน ประเทศไทย กล่าวว่า รายงาน “Ericsson Mobility Report 2014” ระบุว่า อินโดนีเซีย ไทย และบังคลาเทศ คือ 3 ประเทศในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ที่มีจำนวนการใช้โมบายโฟนเพิ่มสุทธิมากที่สุด ในไตรมาสที่ 1 ในปี 2557 และติดท็อป 5 ประเทศของโลกที่มีการใช้งานโมบายโฟนเพิ่มขึ้นมากที่สุด โดยมีการใช้โมบายโฟนเพิ่มรวมกันมากกว่า 17 ล้านเลขหมาย รองจากอินเดียซึ่งอยู่ที่ 28 ล้านเลขหมาย และจีน 19 ล้านเลขหมาย ซึ่งในไตรมาสดังกล่าวนี้ มีการเติบโตของการใช้งานโมบายโฟนทั่วโลกเพิ่มสูงถึง 120 ล้านเลขหมาย ทำให้ยอดรวมของผู้ใช้โมบายโฟนทั้งสิ้นอยู่ที่ 6,800 ล้านเลขหมาย “5 ประเทศที่มีการใช้โมบายโฟนเพิ่มสุทธิ (Net additions) สูงสุดในไตรมาส 1 ปี 2557 คือ อินเดีย 28 ล้านเลขหมาย จีน 19 ล้านเลขหมาย อินโดนีเซีย 7 ล้านเลขหมาย ไทย 6 ล้านเลขหมาย และบังคลาเทศ 4 ล้านเลขหมาย ส่วนยอดการใช้โมบายโฟนทั่วโลกคาดว่าจะสูงถึง 9.2 พันล้านเลขหมาย ในปี 2019 โดยจะมีการใช้งานในแบบโมบายบรอดแบนด์ มากกว่า 7.4 พันล้านเลขหมาย หรือ ประมาณ 80 % ของยอดผู้ใช้ทั้งหมดทั่วโลก”
ทั้งนี้ ผู้ใช้สมาร์ทโฟนจะเพิ่มขึ้นอีกกว่า 5 เท่าในปี 2562 และจะมีจำนวนมากกว่าครึ่งของผู้ใช้โมบายโฟนทั้งหมดในภูมิภาคนี้อีกด้วย นอกจากนี้ในส่วนของการใช้งานโมบายอินเตอร์เน็ต ในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกและโอเชียเนียจะเพิ่มขึ้นกว่า 10 เท่าตัวในช่วงระหว่างปี 2556-2562 ซึ่งก็จะก่อให้เกิดปริมาณดาต้าทราฟิกบนเครือข่ายโมบายประมาณ 2 Exabyte (1 Exabyte เทียบเท่ากับ 1 พันล้าน gigabyte)
ด้านนายบัญญัติ เกิดนิยม ผู้อำนวยการฝ่ายสื่อสารและองค์กรสัมพันธ์ อีริคสัน ประเทศไทย กล่าวว่า ปัจจัยที่ขับเคลื่อนการเติบโตของอุตสาหกรรมไอซีทีในภูมิภาคนี้ ประกอบไปด้วย 3 สิ่งสำคัญคือ ไลฟ์สไตล์ของวัยรุ่น รูปแบบวิถีชีวิตสังคมเมือง และการเข้าถึงอุปกรณ์สมาร์ทโฟน สมาร์ทดีไวซ์ ส่วนปัจจัยที่ทำให้เกิดการเติบโตของดาต้าทราฟิกบนเครือข่าย ก็คือความนิยมในการใช้แอปพลิเคชันและบริการต่างๆ ที่เพิ่มขึ้น
เช่นเดียวกับประเทศไทย สมาร์ทโฟนได้กลายเป็นช่องทางสำคัญในการเข้าถึงอินเตอร์เน็ต ประกอบกับราคาของอุปกรณ์สมาร์ทโฟนนั้นเองก็มีราคาที่ถูกลง ทำให้ผู้บริโภคจำนวนมากสามารถเข้าถึงอินเตอร์เน็ตได้สะดวกมากยิ่งขึ้น ในขณะเดียวกัน คลื่นความถี่ที่มีอยู่ก็ยังไม่เพียงพอสำหรับที่จะตอบสนองได้อย่างครอบคลุม เนื่องจากเมืองไทยยังมีการใช้งานคลื่นความถี่น้อยกว่า และที่สำคัญยังไม่มีการประมูล 4G/LTE เพื่อเพิ่มคลื่นความถี่เลย
“ภาพรวมครึ่งปีหลัง อุตสาหกรรมยังรอความชัดเจนของการจัดสรรคลื่น 4G/LTE อยู่ เพราะโอเปอเรเตอร์มีการเตรียมความพร้อมในเรื่องนี้อยู่แล้ว แต่หากประมูลไม่ได้ภายในปีนี้จะเป็นการเสียโอกาสอย่างมาก เพราะเท่ากับว่าเป็นการปล่อยให้คลื่นความถี่อยู่เฉยๆ ไม่ได้มีการใช้งาน และโอเปอเรเตอร์จะทำอย่างไรกับทราฟิกที่เพิ่มสูงขึ้นเนื่องจากจะส่งผลต่อคุณภาพของการให้บริการ ซึ่งขณะนี้ในเมืองไทยมีการใช้งานมือถือถึง 92 ล้านเลขหมาย ในขณะที่คลื่นความถี่ที่รองรับยังมีอยู่น้อยมาก”
นายบัญญัติ กล่าวว่า การใช้งาน 4G/LTE ได้รับความสนใจอย่างมากในกลุ่มประเทศที่พัฒนาแล้ว แต่สำหรับในประเทศที่กำลังพัฒนา 4G/LTE จะเข้ามามีบทบาทในอีก 5 ปีข้างหน้า ซึ่งในความเป็นจริงแล้วบริการ 3G และ 4G น่าจะเป็นบริการพื้นฐานของการเข้าถึงมากกว่าที่จะเป็นบริการพรีเมียม เพราะถือว่าหากมีการใช้งานเพิ่มขึ้นทุกๆ 1 พันราย ก็จะก่อให้เกิดการทำงานต่อเนื่องได้อีกประมาณ 80 งาน
ทั้งนี้ภาพรวมในปี 2556 มีจำนวนของผู้ใช้งาน 4G/LTE ในภูมิภาคนี้จะอยู่ที่ประมาณ 20 ล้านเลขหมาย แค่คาดว่าภายในปี 2562 เมื่อเครือข่าย 4G/LTE ได้รับการติดตั้งในประเทศต่างๆ มากขึ้น และจะก่อให้เกิดจำนวนผู้ใช้งาน 4G/LTE เพิ่มขึ้นเป็น 230 ล้านเลขหมาย โดยคิดเป็นสัดส่วนประมาณ 20% ของประชากรในภูมิภาคนี้
แรงขับเคลื่อนที่สำคัญของการใช้งานโมบายดาต้าจะอยู่ที่ประชากรกลุ่มวัยรุ่น ซึ่งในภูมิภาคนี้มีอยู่กว่า 170 ล้านคน โดยพฤติกรรมของกลุ่มวัยรุ่นมักพร้อมที่จะเปิดรับเทคโนโลยีและเทรนด์ใหม่ๆ รวมถึงความต้องการที่จะเข้าถึงบริการต่างๆ ได้ตลอดเวลาในทุกๆ สถานที่อีกด้วย เริ่มตั้งแต่การบริการ การโทร.ออกและรับสายโทรศัพท์ การส่งข้อความผ่านโซเชียลมีเดีย LINE, WhatsApp, WeChat, และ KakaoTalk ที่ช่วยให้สามารถแชร์และมีกิจกรรมร่วมกับเพื่อนๆในกลุ่มสังคมออนไลน์ได้ตลอดเวลา
Company Related Link :
Ericsson
ที่มา: manager.co.th
