“บ็อบ ฮอสกินส์” เสียชีวิตลงแล้วด้วยวัย 71 ปี เอเยนต์ของนักแสดงชาวอังกฤษ บ็อบ ฮอสกินส์ ได้แจ้งข่าวเศร้าว่าเขาได้เสียชีวิตลงด้วยโรคปอดบวม เมื่อวันที่ 29 เม.ย. ในโรงพยาบาลโดยมีสมาชิกในครอบครัวมาอยู่เคียงข้างในวาระสุดท้าย โดย ฮอสกินส์ ได้ประกาศเกษียณตัวเองจากวงการบันเทิงไปเมื่อปี 2012 หลังตรวจพบว่าตนเองมีอาการป่วยป็นพาร์กินสัน
ฝ่ายภรรยาและลูกๆ ทั้ง 4 คนของ ฮอสกินส์ ได้ออกแถลงการณ์แสดงความเสียใจต่อสิ่งที่เกิดขึ้น และร้องขอความเป็นส่วนตัวในช่วงเวลาแห่งการสูญเสียของครอบครัวในครั้งนี้
โรเบิร์ต วิลเลียม ฮอสกินส์ จูเนียร์ เกิดเมื่อวันที่ 28 ต.ค. 1942 ที่เวสต์ซัฟฟอล์ก ในครอบครัวที่แม่เคยทำงานเป็นแม่ครัวและครูพยาบาลในโรงเรียน ส่วนพ่อทำงานทั้งขับรถบรรทุกและเป็นนักบัญชี โดยเขาต้องเลิกเรียนตั้งแต่อายุแค่ 15 ปี และผ่านการทำงานหลายอย่าง ทั้ง เร่ขายของ, ปีนตึกเช็ดกระจก, ขับรถบรรทุก และยังเคยลงเรียนหลักสูตรเป็นนักบัญชีอยู่หลายปี แต่เลิกไปก่อน
ฮอสกินส์ ที่มีโอกาสจับงานแสดงเป็นครั้งแรกในวัย 30 ปี เริ่มเป็นที่รู้จักจากงานทางโทรทัศน์เรื่อง Pennies from Heaven เมื่อปี 1978 ส่วนงานภาพยนตร์เป็นหนังปี 1980 เรื่อง The Long Good Friday ที่ว่าด้วยนักเลงชาวลอนดอน ที่พยายามจะเริ่มต้นใหม่กับเส้นทางธุรกิจ ซึ่งทำให้เขาโด่งดัง
ตลอดหลายปีที่ผ่านมายอดนักแสดงชาวเมืองผู้ดีรายนี้มีผลงานมากมายไม่ว่าจะเป็นบทสมทบสร้างสีสัน หรือบทนำตัวเดินเรื่อง และสามารถแสดงได้ตั้งแต่บทตัวร้ายสุดแสบ, ชายผู้อมทุกข์ จนไปถึงคุณปู่ผู้ใจดีในหนังอย่าง The Long Good Friday (1980), Mona Lisa (1986), Who Framed Roger Rabbit (1988), Mermaids (1990), Hook (1991), Nixon (1995), A Christmas Carol (2009), Neverland และมอบการแสดงใน Snow White and the Huntsman (2012) เป็นผลงานเรื่องสุดท้ายในชีวิต
เขายังได้ร่วมงานกับตัวการ์ตูนมากมายในหนังแฟนตาซี Who Framed Roger Rabbit? (1992) ในบทนักสืบที่ต้องเข้าไปสืบสวนเหตุการณ์ฆาตกรรมในโลกการ์ตูน และสวมบทบาทเป็นตัวละครสุดยิ่งใหญ่จากวงการเกมอย่าง “มาริโอ” ใน Super Mario Bros (1993) ที่ล้มเหลวทั้งทางรายได้ และคำวิจารณ์ แม้แต่เจ้าตัวเองก็ยังยอมรับว่านี่คือ “งานที่แย่ที่สุดที่ผมเคยทำ”
โดย ฮอสกินส์ เคยมีชื่อชิงรางวัลออสการ์หนึ่งครั้งจากการแสดงเป็นอดีตคนคุกที่มารับหน้าที่ขับรถให้กับเหล่านางทางโทรศัพท์ในหนังปี 1987 เรื่อง Mona Lisa ของ นีล จอร์แดน ที่นอกจากจะได้ชิงออสการ์แล้วเขายังได้รับรางวัลนักแสดงนำชายยอดเยี่ยมจากเทศกาลหนังเมืองคานส์ และรางวัล BAFTAs ด้วย หลังจากนั้นเขายังมีโอกาสได้ชิงรางวัลลูกโลกทองคำ 2 ครั้งจาก Who Framed Roger Rabbit (1988) และ Mr Henderson Presents (2005) ของ สตีเฟน เฟรียร์
ที่มา: manager.co.th
