Author Topic: บิล เกตส์ กลับมาทวงบัลลังค์แชมป์ 'มหาเศรษฐีที่ร่ำรวยที่สุด' อีกครั้ง  (Read 602 times)

0 Members and 1 Guest are viewing this topic.

Offline Nick

  • Administrator
  • Platinum Member
  • *
  • Posts: 46028
  • Karma: +1000/-0
  • Gender: Male
  • NickCS
    • http://www.facebook.com/nickcomputerservices
    • http://www.twitter.com/nickcomputer
    • Computer Chiangmai


เป็นครั้งแรกในรอบ 4 ปี ที่ประธานและผู้ก่อตั้งไมโครซอฟท์ สามารถกลับเข้ามาทวงบัลลังค์ตำแหน่งแชมป์ 'มหาเศรษฐีที่ร่ำรวยที่สุดของโลก' จากเจ้าพ่อโทรคมนาคม Carlos Slim มาได้

ช่วงนี้ไมโครซอฟท์มีข่าวใหญ่ๆให้ได้ติดตามกันโดยตลอด ทั้งข่าว ไมโครซอฟท์ได้ตัวซีอีโอคนใหม่ รวมถึงข่าวการประกาศซื้อกิจการ 'อุปกรณ์และบริการ' ของโนเกีย และผลประกอบการที่ดีเกินคาดในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมานี้ ล่าสุด ประธานและผู้ก่อตั้งบริษัท บิล เกตส์ ก็สามารถกลับเข้ามายืนในตำแหน่ง 'บุคคลที่ร่ำรวยที่สุดในโลก' ได้อีกครั้ง จากการจัดลำดับของ Forbes

โดยเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา Forbes ได้เปิดเผยรายชื่อ 'บุคคลที่ร่ำรวยที่สุดในโลก' ซึ่งผลปรากฎว่า บิล เกตส์ เบียดแซง Carlos Slim เจ้าพ่อโทรคมนาคมมาได้เป็นครั้งแรกในรอบ 4 ปี โดยมีมูลค่าทรัพย์สินรวมสุทธิอยู่ที่ 76พันล้านเหรียญสหรัฐฯ ขึ้นจาก 67พันล้านเหรียญสหรัฐฯเมื่อปีที่ผ่านมา ในขณะที่ Slim โชคไม่ดี มีมูลค่าทรัพย์สินรวมสุทธิตกจาก 73พันล้านเหรียญสหรัฐฯ ไปอยู่ที่ 72พันล้านเหรียญสหรัฐฯ ทำให้ บิล เกตส์ กลับขึ้นมาเป็นที่หนึ่งได้อีกครั้ง

นอกจากนี้ Forbes ยังได้เปิดเผยอีกด้วยว่า ปัจจุบัน โลกเรามีมหาเศรษฐีอยู่ที่ 1,645 คน โดย 172 คนเป็นผู้หญิง และ 492 คนมาจากสหรัฐอเมริกา โดยประมาณ 66 เปอร์เซ็นต์ สามารถสร้างความมั่งคั่งและก้าวมาอยู่ตำแหน่งนี้ได้ด้วยตัวของตนเอง ในขณะที่ 13 เปอร์เซ็นต์ ได้รับการถ่ายทอดมรดก และ 21 เปอร์เซ็นต์ มีการเพิ่มพูนทรัพย์สินจากเดิมที่มีอยู่ก่อนหน้าแล้ว โดยผู้นำเทคฯ ที่สามารถสร้างตัวจนกลายมาเป็นมหาเศรษฐีของโลกได้ นอกจาก บิล เกตส์ แล้ว ยังมี Larry Ellison จาก Oracle, Larry Page และ Sergey Brin จาก Google, Jeff Bezos ผู้ก่อตั้ง Amazon, Jan Koum และ Brian Acton ผู้ก่อตั้ง WhatsApp และ Drew Houston ซีอีโอ Dropbox เป็นต้น โดยหนึ่งในมหาเศรษฐีที่มีทรัพย์สินเพิ่มขึ้นจำนวนมาก ได้แก่ Mark Zuckerberg ซีอีโอเฟสบุ๊ค ที่มีทรัพย์สินมูลค่ารวมเพิ่มขึ้นจาก 15.2พันล้านเหรียญสหรัฐฯ มาเป็น 28.5พันล้านเหรียญสหรัฐฯ

ที่มา CNET

ที่มา: pantip.com


 
Share this topic...
In a forum
(BBCode)
In a site/blog
(HTML)