ไมโครซอฟท์ประกาศว่ากำลังทำงานร่วมกับ 9 บริษัทใหม่ พัฒนาวินโดวส์โฟนแพลตฟอร์มใหม่ที่จะมีราคาจำหน่ายสุดประหยัด ไมโครซอฟท์ (Microsoft) ประกาศรายชื่อพันธมิตรผู้ผลิตสมาร์ทโฟนระบบปฏิบัติการวินโดวส์โฟน (Windows Phone) รายใหม่จำนวน 9 รายเพื่อลุยตลาดใหม่ ขณะเดียวกันก็เตรียมแผนลดราคาไลเซนส์ผลิตอุปกรณ์ระบบปฏิบัติการวินโดวส์ลงมากกว่า 70% ให้ผู้ผลิตแท็บเล็ตและคอมพิวเตอร์ราคาประหยัดสามารถสร้างสินค้าวินโดวส์สำหรับชนกับคู่แข่งอย่างเต็มที่ นอกจากพันธมิตรปัจจุบันอย่างโนเกีย (Nokia) หรือผู้ผลิตค่ายอื่นๆ ไมโครซอฟท์ประกาศว่ากำลังทำงานร่วมกับบริษัท Foxconn, Gionee, Lava, Lenovo, LG, Longcheer, JSR, Karbonn และ ZTE ในการพัฒนาวินโดวส์โฟนแพลตฟอร์มใหม่ที่จะมีราคาจำหน่ายสุดประหยัด ซึ่งจากการพิจารณารายชื่อพันธมิตร พบว่าไมโครซอฟท์มีแผนบุกหนักตลาดจีนอย่างชัดเจน
ทั้งหมดนี้ นิค ปาร์เกอร์ (Nick Parker) รองประธานฝ่ายธุรกิจโออีเอ็มหรือ OEM Division ของไมโครซอฟท์ ให้ความเห็นว่าการเพิ่มจำนวนพันธมิตรครั้งนี้ถือเป็นการขยายระบบนิเวศน์ทางเศรษฐกิจของวินโดวส์โฟนหรือ Windows Phone ecosystem ซึ่งจะทำให้ตลาดสมาร์ทโฟนวินโดวส์ขยายตัวข้ามข้อจำกัดหลายอย่างของตลาดได้
ไม่เพียงตลาดสมาร์ทโฟน แต่ไมโครซอฟท์ยังสู้ยิบตาในตลาดแท็บเล็ตและคอมพิวเตอร์พีซี โดยแหล่งข่าววงในระบุว่าไมโครซอฟท์ประกาศลดต้นทุนลิขสิทธิ์ผลิตสินค้าระบบปฏิบัติการ Windows 8.1 ลงแล้ว 70% เพื่อให้ผู้ผลิตคอมพิวเตอร์และแท็บเล็ตสามารถสร้างสรรค์สินค้าราคาประหยัด ที่จะสามารถแข่งขันกับสินค้าราคาประหยัดรายอื่นในตลาด
จุดนี้รายงานระบุว่า นับจากนี้เหล่าผู้ผลิตจะถูกเก็บเงิน 15 เหรียญสหรัฐเป็นค่าไลเซนส์สำหรับการติดตั้งระบบปฏิบัติการ Windows 8.1 ลงในสินค้าจากโรงงาน โดยเป็นการลดราคาลงจาก 50 เหรียญ ซึ่งไมโครซอฟท์จะให้สิทธิ์นี้กับทุกสินค้าที่ผลิตถึงระดับที่กำหนด แถมทั้งหมดจะไม่มีเงื่อนไขพิเศษเพิ่มเติมด้านขนาดหรือรูปแบบของอุปกรณ์
แหล่งข่าววงในระบุว่าไมโครซอฟท์ประกาศลดต้นทุนลิขสิทธิ์ผลิตสินค้าระบบปฏิบัติการ Windows 8.1 ลงแล้ว 70% ระบบปฏิบัติการ Windows 8.1 นั้นมีราคาขายปลีกที่มากกว่า 250 เหรียญสหรัฐ การลดราคาไลเซนส์ Windows 8.1 นี้ถูกวิเคราะห์ว่าเกิดขึ้นเพื่อแข่งขันกับคู่แข่งอย่างแอปเปิล (Apple) และกูเกิลที่ทำให้รายได้จากธุรกิจไลเซนส์ของไมโครซอฟท์ลดลงอย่างน่าเป็นห่วงในไตรมาสที่ผ่านมา ที่สำคัญ การลดราคาครั้งนี้ยังทำให้ไมโครซอฟท์สามารถเพิ่มส่วนแบ่งในตลาดแท็บเล็ตและโน้ตบุ๊กระบบปฏิบัติการออนไลน์ที่มีราคาประหยัดอย่างโครมบุ๊ก (Chromebook) ซึ่งมีมูลค่ารวมมากกว่า 8 หมื่นล้านเหรียญได้มากขึ้น
อย่างไรก็ตาม นักวิเคราะห์มองว่านโยบายใหม่ของไมโครซอฟท์เกิดขึ้นเพื่อแก้ไขวิกฤติ Windows 8 ซบเซา โดยก่อนหน้านี้ ไมโครซอฟท์เปิดเผยว่าสามารถจำหน่ายไลเซนส์ Windows 8 ไปได้เพียง 200 ล้านไลเซนส์เท่านั้นนับจาก Windows 8 เริ่มเปิดตลาดในเดือนตุลาคม 2012 ถือเป็นอัตราเติบโตที่ต่ำมากเมื่อเทียบกับ Windows 7
ที่มา: manager.co.th