“ชไนเดอร์ อิเล็คทริค” เชื่อตลาดโรงงานอุตสาหกรรมต้องการลดต้นทุนด้านพลังงาน ออกผลิตภัณฑ์ใหม่ภายใต้แนวคิดรักษาสิ่งแวดล้อม ช่วยประหยัดพลังงาน และให้ความปลอดภัยสูง รวมถึงสามารถบริหารจัดการได้จากระยะไกล แมทธิว กอนซาเลซ รองประธานบริษัท หน่วยธุรกิจอุตสาหกรรม ชไนเดอร์ อิเล็คทริค ประเทศไทย กล่าวว่า ในปีนี้ทิศทางการเติบโตของอุตสาหกรรมไทยน่าจะดีขึ้น ปรับตัวขึ้นจากช่วงปีที่ผ่านมา เพราะจากการเติบโตของเศรษฐกิจโลกในปีนี้ที่เชื่อว่าจะมีการขยายตัว 3.5-3.6% เพิ่มขึ้นจากช่วงปีที่ผ่านมาที่มีอัตราการเติบโตอยู่ที่ราว 2.9-3.1%
“ที่ต้องดูกันก็คือสถานการณ์ทางการเมืองว่าจะยืดเยื้อยาวนานแค่ไหน เพราะปัจจุบันก็ยอมรับว่าได้รับผลกระทบต่อภาคอุตสาหกรรมบ้างเล็กน้อย แต่ถ้ายาวนานกว่านี้ก็อาจจะกระทบต่อภาคการผลิตโดยเฉพาะการส่งออก”
ส่วนกลุ่มลูกค้าของชไนเดอร์ที่อยู่ในกลุ่มโรงงานอุตสาหกรรมนั้นยังมีอัตราการเติบโตอยู่ ทำให้ในปีนี้ชไนเดอร์จะปรับกลยุทธ์ให้เข้ากับการรักษาสิ่งแวดล้อมมากขึ้นด้วย Green Automation Experience ที่จะเน้นการใช้พลังงานอย่างประหยัด ปลอดภัย และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมในกลุ่มอุตสหากรรมอาหาร การบำบัดน้ำเสีย เหมืองแร่ น้ำมัน และรถยนต์
“ชไนเดอร์จะมีโซลูชันที่รองรับการทำงานของเครื่องจักร และโรงงานทั้งหมด ที่สำคัญคือเป็นผลิตภัณฑ์ชั้นนำจากบริษัทที่ได้รับการยอมรับ และเป็นผลิตภัณฑ์ที่มีความโดดเด่นในแง่ของการจัดการพลังงาน”
เนื่องมาจากในกลุ่มโรงงานอุตสาหกรรมจะมีต้นทุนการผลิตจากน้ำ แอร์ ก๊าซ และไฟฟ้าเพิ่มขึ้น ซึ่งอาจจะสูงถึง 80% ทำให้หลายๆ อุตสาหกรรมเริ่มมีการปรับตัวมาบริหารจัดการส่วนนี้ให้มากขึ้น จึงเป็นส่วนช่วยให้ชไนเดอร์สามารถเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง
ปัจจุบันกลุ่มธุรกิจอุตสาหกรรมสร้างรายได้ให้แก่ชไนเดอร์ราว 4.4 พันล้านยูโร คิดเป็นสัดส่วนราว 22% หรืออันดับสองรองจากธุรกิจเกี่ยวกับไฟฟ้าและน้ำ และเป็นอันดับ 2 ในกลุ่มระบบเครื่องจักรอัตโนมัติในภาคอุตสาหกรรม
ล่าสุดได้มีการเปิดตัว PlantStruxure PES (Process Expert System) ที่เป็นระบบสำหรับใช้ในการควบคุมระบบในโรงงาน และ Machine structure ไว้ใช้ควบคุมเครื่องจักรอัตโนมัติ ที่เน้นความยืดหยุ่นและรองรับการขยายขนาด โดยเป็นซอฟต์แวร์แอปพลิเคชันแบบครบวงจร
Company Relate Link :
Schneider
ที่มา: manager.co.th