เอคเซนเชอร์เปิดกลุ่มธุรกิจใหม่ Accenture Digital หวังเจาะตลาดการให้บริการดิจิตอล เตรียมเพิ่มบุคลากรในส่วนนี้เพิ่มขึ้นอีกเท่าตัว รองรับความต้องการขององค์กรขนาดใหญ่ที่ใช้ดิจิตอลเป็นเครื่องมือในการสร้างความพึงพอใจให้ลูกค้า เผยบิสิเนสอนาลิติกส์เป็นตัวผลักดันสำคัญให้องค์กรต่างๆ ให้ความสนใจบริการดิจิตอลมากขึ้น ชี้ผลพวงจากการเมืองยังไม่กระทบธุรกิจขนาดใหญ่เพราะยังไม่พบการชะลอการลงทุน นายนนทวัฒน์ พุ่มชูศรี กรรมการผู้จัดการประจำประเทศไทย เอคเซนเชอร์ กล่าวว่า เอคเซนเชอร์มองเห็นการเติบโตของโลกดิจิตอล จึงได้เปิดกลุ่มธุรกิจใหม่ Accenture Digital เพื่อเจาะตลาดดังกล่าว โดยได้มีการรวบรวมพนักงานในองค์กรที่ทำเกี่ยวกับบริการดิจิตอลมาร่วมกันทำงาน ซึ่งปัจจุบันมีอยู่ 23,000 คน จากพนักงานทั้งสิ้น 280,000 คนทั่วโลก โดยในเมืองไทยมีอยู่เกือบ 50 แล้ว และคาดว่าจะขยายไปถึง 100 คนในปีนี้ ซึ่งปัจจุบันองค์กรระดับเอนเตอร์ไพรส์หรือองค์กรขนาดใหญ่เริ่มให้ความสำคัญกันมากขึ้น
“ในเมืองไทยเทรนด์การใช้งานดิจิตอลก็เป็นไปตามเทรนด์ของโลกเช่นกัน การสร้างหน่วยงานใหม่อย่าง Accenture Digital ถือเป็นการตอบรับการเปลี่ยนแปลงของผู้บริโภค โดยจะมีพนักงานเป็นผู้กำหนดกลยุทธ์และการเข้าไปช่วยเหลือลูกค้าในทุกด้านที่เกี่ยวกับดิจิตอล และลูกค้าจะสามารถใช้บริการทางด้านธุรกิจได้อย่างครบวงจร ตั้งแต่การพัฒนากลยุทธ์ดิจิตอล ไปจนถึงการจัดการกระบวนการดิจิตอล”
ทั้งนี้ กระแสการเติบโตดังกล่าวเป็นผลต่อเนื่องมาจากการที่ลูกค้าในกลุ่มเอนเตอร์ไพรส์ ได้มีการทำบิสิเนสอนาลิติกส์ (นำเสนอข้อมูลเชิงลึกที่กว้างขวาง เพื่อช่วยให้องค์กรต่างๆ ปรับปรุงผลประกอบการด้วยประสบการณ์อย่างกว้างขวางในเชิงอุตสาหกรรม ฟังก์ชันการทำงาน ธุรกิจ และเทคโนโลยี Accenture Analytics ได้พัฒนานวัตกรรมบริการด้านการให้คำปรึกษาและบริการเอาต์ซอร์สสำหรับลูกค้า เพื่อให้ลูกค้าได้รับผลตอบแทนสูงสุดจากการลงทุนในระบบวิเคราะห์ข้อมูล) กันมากขึ้น และต้องการให้บริการดิจิตอลจะมาช่วยสร้างประสบการณ์ของลูกค้าให้ดีขึ้น ตอบสนองธุรกิจให้สามารถสร้างสิ่งที่ตรงใจลูกค้า ซึ่งเอคเซนเชอร์ช่วยให้ธุรกิจสามารถนำไปใช้ให้เห็นผลอย่างแท้จริงจากการทำการตลาดแบบดิจิตอล
นายนนทวัฒน์กล่าวว่า เอคเซนเชอร์ในไทยมีลูกค้าที่ใช้งานบิสิเนสอนาลิติกส์อยู่แล้ว ดังนั้นจะนำกลุ่มนี้เข้ามาเป็นลูกค้าในธุรกิจใหม่เช่นเดียวกับตลาดในอาเซียนที่เอคเซนเชอร์มองว่ามีการเติบโต มีแนวโน้มที่ดี จึงได้หันมาทำการลงทุนเพื่อสร้างโอกาสในตลาดต่างๆ ในภูมิภาคนี้มากขึ้น เรื่องของอนาลิติกส์ เอคเซนเชอร์เชื่อว่ามีความต้องการมาก และมีแนวโน้มที่ดี โดยในเมืองไทยธุรกิจต่างๆ เริ่มเห็นแนวโน้มว่ามีความสนใจที่จะทำการตลาดแบบดิจิตอลมากขึ้น อาทิ แบงกิ้ง เทเลคอม และที่น่าสนใจคือกลุ่มท่องเที่ยวอย่างสายการบิน โรงแรม
“ตลาดในเมืองไทยเองนับได้ว่ามีพื้นฐานที่แข็งแรง แม้ในปัจจุบันจะมีความไม่แน่นอนในเหตุการณ์บ้านเมืองและไม่รู้ว่าจะยืดเยื้อแค่ไหน แต่ธุรกิจก็ไม่สามารถที่จะหยุดการดำเนินธุรกิจได้ ต้องทำให้สามารถเติบโตอย่างต่อเนื่องได้เช่นเดียวกับในสภาวการณ์ปกติ ซึ่งที่ผ่านมายังไม่เห็นว่าลูกค้าจะลดการลงทุน เพียงแต่จะมีความระมัดระวังมากขึ้น ส่วนเอคเซนเชอร์เองไม่ได้ทำตลาดกับภาครัฐ เราเลยไม่มีผลกระทบ”
ทั้งนี้ สัดส่วนเปอร์เซ็นต์รายได้ปีงบประมาณ 2013 ของเอคเซนเชอร์ทั่วโลก แบ่งตามภูมิภาค ประกอบด้วย เอเชียแปซิฟิก 14% ยุโรป ตะวันออกลาง และแอฟริกา 39% อเมริกาเหนือและอเมริกาใต้ 47% หากแบ่งตามประเภทธุรกิจจะแบ่งเป็น การให้คำปรึกษา 54% และเอาต์ซอร์สซิ่ง 46% และเมื่อแบ่งรายได้ตามอุตสาหกรรมจะพบว่าอุตสาหกรรมการสื่อสาร ธุรกิจสื่อและเทคโนโลยี 20% บริการทางการเงิน 21% การรักษาพยาบาลและการบริการสาธารณะ 17% ผลิตภัณฑ์ 24% และทรัพยากร (Resources) 18%
Company Relate Link :
Accenture
ที่มา: manager.co.th