“สาวมาด เมกะแดนซ์” เปิดใจหลังรอดตายปาฏิหาริย์จากอาการครรภ์เป็นพิษ แต่ยังเดินไม่ได้ต้องทำกายภาพบำบัดอยู่ เจ้าตัวเผยก่อนป่วยฝันว่ามีผู้ชายใส่ชุดขาวกดหัวตนลงแม่น้ำโขง บอกให้กลับบ้านแล้วก็กลายร่างเป็นพญานาค แถมฝันเหมือนกัน 3 วันติด สุดดีใจที่ฟื้นกลับมาได้ พร้อมแจงป่วยเป็นปีค่ารักษา 10 ล้าน ส่วนลูกสาว “น้องแก้มใส” ปลอดภัยแล้ว ตอนนี้อายุ 9 เดือน ด้านสามีสาวมาดเตรียมบวชแก้บน เม.ย.นี้ เรียกว่ารอดมาได้ราวปาฏิหาริย์ สำหรับนักร้องลูกทุ่งสาว “สาวมาด เมกะแดนซ์” ศรุดา วรนันทมงคล เจ้าของเพลงดัง “ดาวมหาลัย” และ “สาวลาดพร้าว” หลังเมื่อช่วงต้นปีที่แล้วเจ้าตัวเกิดอาการครรภ์เป็นพิษ ทำให้ความดันโลหิตสูง จนเลือดออกทับก้านสมองต้องหามส่งห้องไอซียู เพื่อผ่าตัดสมอง เพื่อดูดเอาเลือดออก และทำคลอดลูกสาวในครรภ์ แม้จะมีอายุครรภ์เพียง 6 เดือน ออกก่อนกำหนด ในขณะที่สาวมาดเองก็นอนหมดสติไปร่วมเดือนกว่าจะฟื้นคืนสติกลับมา ผ่านมาจะครบ 1 ปีของการรักษาอาการป่วยดังกล่าว ล่าสุด เจ้าตัวและสามี “กรุง สุขสันต์ ชูเวียง” ก็เดินทางมาออกรายการ “คนดังนั่งเคลียร์” ทางช่อง 2 “สตาร์แม็กซ์” เผยถึงสุขภาพให้แฟนๆ ที่เป็นห่วงได้ฟังว่า ตอนนี้ดีขึ้นแล้ว แต่ว่ายังเดินไม่ได้ต้องทำกายภาพบำบัดอยู่
สาวมาด : “ตอนนี้ก็ดีขึ้นแล้ว ก็อยู่ในช่วงฟื้นฟูทำกายภาพบำบัด เรื่องอาหารคุณหมอก็ไม่ได้ห้ามอะไรมากทานได้ตามปกติ ส่วนเท้าที่เคยบิดตอนนี้ก็ยืดตรงดี คุณหมอก็บอกให้หมั่นกายภาพบำบัด (เห็นว่าค่ารักษาพยาบาลสูงถึง 10 ล้าน?) ก็ประมาณนั้นค่ะ ทางท็อปไลน์ไดมอนด์ก็ช่วยดูแลตลอดเกือบทั้งหมดเลย”
พร้อมเล่าย้อนถึงอาการตอนป่วยครรภ์เป็นพิษให้ฟังว่า…
สาวมาด : “คือตอนแรกเราก็ไม่ทราบเหมือนกันว่าเราท้อง พอไปเยอรมนีถึงได้รู้ว่าเราตั้งท้อง ตอนแรกก็มีอาการเวียนหัว ปวดหัว อยากอ้วก กินข้าวไม่อร่อย ก็คิดว่าเป็นอาการแพ้ท้องปกติ คือเราก็ไม่รู้ไงว่าเราเป็นอะไร รู้แต่ว่าหมอบอกว่าเราจะมีลูกยาก เราก็ไม่คิดอะไรคิดว่าไม่น่าจะท้อง”
“พอกลับมาเมืองไทยเราก็สงสัยว่าทำไมเราถึงปวดหัวหนักมาก และเราก็รับงานหนักมากทั้งประเทศไทย และเมืองนอก มีหลายคอนเสิร์ตเราก็พักผ่อนไม่เพียงพอ คือมันจะมีอาการปวดหัว ปวดตา มือเท้าชา มีอาการแน่นท้อง ตอนนั้นเราก็ท้องประมาณ 2-3 เดือน เราก็ยังไม่รู้ว่าเราครรภ์เป็นพิษ คิดว่าแพ้ท้องทั่วไป เพราะตอนแรกที่ไปหาหมอหมอก็ตรวจหาไม่เจอ เขายังว่าเราเป็นนิ่วในถุงน้ำดีด้วยซ้ำ ซึ่งจริงๆ มันไม่ใช่ จนวันนึงเราเลยตัดสินใจไปหาหมอที่กรุงเทพฯ เขาก็บอกว่าไม่ใช่นะอาการแบบนี้เขาเรียกว่าครรภ์เป็นพิษ”
กรุง : “พอถึงโรงพยาบาลเขาก็หมดสติไปแล้ว เพราะเขามีโรคเลือดจางแทรกซ้อน มีความเสี่ยงค่อนข้างสูง หมอ 8 คนก็เลยตัดสินใจช่วยกันผ่าตัดเอาลูกออก ซึ่งตอนนั้นลูกอยู่ในท้องแค่ 5 เดือนเอง แต่ว่าตัวแขนขามีครบนะครับ มีน้ำหนักแค่ 5 ขีด ผมเห็นก็ตกใจครับ สงสารเป็นห่วงเพราะตอนแรกเราไม่คิดว่าลูกจะยังมีชีวิตอยู่ หลังจากผ่าตัดเอาลูกออก มาดเขาก็สลบไปเดือนนึง ตอนนั้นผมก็ได้แต่คิดในใจว่ายังไงเขาก็ต้องกลับมาแน่นอน เหมือนรู้ว่าเขาไม่ไป ยังไงต้องกลับมา เหมือนมันเป็นความรู้สึก ความเชื่อ ความรัก ตอนที่เขายังสลบผมก็ไปกระซิบให้กำลังใจเขาข้างๆ หู ร้องเพลงที่เขาชอบตลอด จนมีวันนึงที่เขาเริ่มรู้สึกตัวเป็นวันที่ผมเปิดเพลงหมอลำที่เขาชอบ อยู่ดีๆ น้ำตาเขาก็ไหล มือเริ่มกระดิกได้”
สาวมาด : “คือเรารู้ตัวนะเราได้ยินเสียง แต่เราขยับไม่ได้ ความรู้สึกตอนนั้นยังงงอยู่เลยว่าเรามานอนตรงนี้ได้ยังไง ถามว่าดีใจไหมมีสามีดีขนาดนี้ ดีใจค่ะไม่คิดว่าจะมีผู้ชายที่ดีกับเราขนาดนี้ รู้สึกโชคดีที่มีคนรักเราอย่างจริงใจ แค่รู้สึกโชคร้ายที่เราไม่สบายเท่านั้นเอง เราก็ขอขมาเขาเพราะว่าเขาเป็นสามี ขอว่าอย่ามีเวรมีกรรมกันเลยนะ ขอโทษเขาที่เราทำให้เขาลำบาก”
กรุง : “ผมเต็มใจที่จะดูแลเขาครับ ถามว่าทุกวันนี้ผมดูแลเขายังไงบ้าง ก็ดูแลทุกอย่างครับ พาอาบน้ำ พาเข้าห้องน้ำ ดูแล ทำกับข้าว ถามว่าเหนื่อยไหมก็มีบ้างครับเพราะว่ากลางคืนผมก็ต้องทำงาน”
พร้อมกันนี้ ทั้งคู่ยังเล่าถึงความฝันแปลกๆ ก่อนที่จะเกิดเรื่องราวร้ายๆ ให้ฟังอีกว่า…
กรุง : “ก่อนที่มาดป่วยเขาฝันเหมือนกัน 3 วันติด ฝันว่าไปเล่นน้ำที่แม่น้ำโขง แล้วมีผู้ชายใส่ชุดขาวว่ายน้ำมากดหัวเขาลงแม่น้ำ ตอนแรกที่เขาเล่าให้ผมฟัง ผมยังว่าเขาไร้สาระ บ้าไปแล้วดูละครมากไป”
สาวมาด : “เขามากดหัวเรา บอกว่ากลับบ้านได้แล้วๆ และก็กลายร่างเป็นพญานาค คือ 3 ครั้ง ฝันเหมือนกันหมด เราก็แปลกใจนะว่าทำไมฝันแบบนี้ พอหลังจากนั้น 1 วัน เราก็ปวดท้องไปโรงพยาบาลแล้วก็มาเป็นแบบนี้”
กรุง : “หลังจากนั้นผมก็เลยตัดสินใจไปที่แม่น้ำโขง ตั้งใจจะไปขอขมาตั้งใจจะทำเพราะเรื่องฝันเขา แต่เขามาป่วยก่อน กะจะไปขอขมาท่าน คือมีพี่ชายที่อยู่สายนี้เขาแนะนำให้ไปขอขมาขออโหสิกรรม เราก็ทำบายศรีขึ้นมา ไปกับคนเฒ่าคนแก่ลงเรือไปกลางแม่น้ำโขง ขอขมาเอาบายศรีลงแม่น้ำโขง”
นอกจากจะฝันแปลกๆ แล้ว “กรุง” สามีสาวมาดยังเล่าให้ฟังอีกว่า วันที่ “สาวมาด” ผ่าตัดมีชายนิรานามโทรศัพท์เข้ามาบอกว่าเจอฝ่ายหญิงที่เมืองบาดาล ฝากบอกว่าจะไม่กลับมาแล้ว
กรุง : “วันนั้นผมนั่งรอมาดผ่าตัดที่โรงพยาบาลประมาณตี 3 ก็มีผู้ชายคนนึงโทร.มาหาผม บอกว่าผมไปเจอสาวมาดมาที่เมืองบาดาล ผมก็เลยจะวางสาย เขาก็บอกว่าอย่าเพิ่งวางนะ ผมไม่ได้บ้า ผมเจอเขาที่เมืองบาดาล เขาบอกว่าจะไม่กลับมา ฝากมาบอกว่าจะไม่มาแล้ว ผมก็เลยบอกว่าถ้าเจอเขา ให้บอกเขาว่าลูกยังอยู่นะ เขาก็บอกว่าเห็นสาวมาดบอกลูกเขาเสียไปแล้ว ผมก็เลยบอกว่าถ้าเจอเขาจริงๆ บอกว่าลูกสาวยังมีชีวิตอยู่ คือ ผมก็ไม่รู้ครับว่าเขาเป็นใคร วันรุ่งขึ้นผมก็โทร.กลับไปแต่กลับบอกว่าไม่มีหมายเลขที่คุณเรียก ทุกวันนี้ผมยังเก็บเบอร์เขาไว้อยู่เลย แต่ว่าโทร.กลับไม่ติด”
เผยตอนนี้ลูกสาวอายุ 9 เดือนแล้ว พัฒนาการดีแข็งแรงสมวัย
สาวมาด : “ลูกสาวตอนนี้อายุได้ 9 เดือนแล้วค่ะ ชื่อน้องแก้มใส เมธาวี กำลังคลานเลย มีพัฒนาการปกติค่ะ ตอนนี้มีแม่นมช่วยเลี้ยงค่ะ เพราะเรายังเลี้ยงไม่ได้ ทุกวันนี้ก็แค่เอามานอนบนตัก นอนทับหน้าอก ถามว่าเห็นลูกครั้งแรกรู้สึกยังไง ก็ตกใจเพราะว่าเขายังแดงๆ อยู่ เราเห็นไม่ชัดเพราะว่าเรายังนอนอยู่ยังลุกไม่ได้ รู้แต่ว่านั่นคือลูกเรา เราเสียใจนะที่ยังอุ้มไม่ได้เพราะว่าเขากลัวติดเชื้อ เราร้องไห้ คิดในใจว่าเรานอนอยู่อย่างนี้ลูกจะกินนมยังไง”
กรุง : “ตอนแรกผมก็กลัวลูกจะไม่เหมือนเด็กคนอื่นนะ เพราะเขาอยู่ในท้องแม่แค่ 5 เดือนเอง ตอนคลอดออกมาก็อยู่ในตู้อบตั้ง 4 เดือน แถมยังต้องให้อาหารทางสายยางอีก ทุกวันนี้ผมจะพาลูกไปหาหมอทุก 2 เดือน หมอก็บอกว่าพัฒนาการก็เหมือนเด็กทั่วไป แค่นี้เราก็ดีใจมากครับ”
เมษายนนี้จะบวชแก้บน 15 วัน
กรุง : “ใช่ครับ ผมบนไว้ที่โรงพยาบาลกรุงเทพ ว่าถ้ามาดฟื้นผมก็จะบวช ตอนแรกก็ว่าจะบวชเลย แต่ว่าจะไม่มีใครดูแลเขา แต่ว่าตอนนี้เขาดีขึ้นผมเลยว่าจะบวชเดือนเมษาฯ สัก 15 วัน”
ส่วนเรื่องงาน “สาวมาด” เผยเพิ่งนั่งรถเข็นขึ้นเวทีเล่นคอนเสิร์ต รับมีงานติดต่อเข้ามาเยอะแต่ว่ายังรับงานไม่ค่อยได้
“มีงานเข้ามาเยอะเหมือนกัน แต่บางงานเราก็ยังรับไม่ได้ ถ้าไหวก็ไปไม่ไหวก็ไม่ไป เราก็ฝึกร้องฝึกลมจะได้ไม่เหนื่อยเวลาส่งเสียง เพราะว่าเรานั่งร้อง ไม่ได้ยืนร้อง เราก็เพิ่งไปรับงานที่ต่างจังหวัดมา เป็นคอนเสิร์ตแฟนเพลงก็ยังให้กำลังใจดีมายืนอยู่หน้าเวทีให้รางวัลตะโกนเรียกสาวมาดสู้ๆ ทำให้เรายิ้มได้มีความสุข”
โอดอยากกลับมาเต้นได้เหมือนเดิม
“อยากกลับมาเต้นได้เหมือนเดิม มันแน่นอนอยู่แล้ว เพราะเมกะแดนซ์มันของเรา คุณหมอก็บอกว่าน่าจะเร็วๆ นี้ เพราะพัฒนาการเราดีขึ้น สมองเราไม่ได้เป็นอะไร จะมีแต่เรื่องกล้ามเนื้อที่เรานอนโรงพยาบาลนาน คือ มันต้องอยู่ที่ตัวเราด้วยว่าจะฟื้นเร็วแค่ไหน เราตั้งใจฝึกหรือเปล่า แต่เราก็จะพยายามทำให้เต็มที่ ถามว่าเสียดายไหม ก็เสียดาย แต่ว่าเราไม่ได้ตั้งใจ คือทุกอย่างมันเกิดขึ้นมาเพราะเป็นอุบัติเหตุ คือเราต้องทำใจ ยังไงก็ขอขอบคุณสามีที่ดูแลเรา ขอบคุณคุณหมอ แฟนเพลง และทุกๆ คนที่ดูแลเอาใจใส่”
ที่มา: manager.co.th