ไมโครซอฟท์ ชูความเป็นผู้นำเทคโนโลยีช่วยธุรกิจลดต้นทุน-เพิ่มประสิทธิภาพ พร้อมเดินหน้าโครงการนำไอทีมาพัฒนาประเทศ ผุดเว็บไซต์ดันสินค้าชุมชนขายผ่านเน็ต ประกาศลงทุนไทยต่อเนื่อง ล่าสุดบริษัทแม่ย้าย2ศูนย์ทดสอบเข้าไทย
นางสาวปฐมา จันทรักษ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัทไมโครซอฟท์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่ากลยุทธ์ในปี 2552 ว่า ที่ผ่านมาไมโครซอฟท์มุ่งเสนอแนวคิดการนำเอาเทคโนโลยีมาช่วยเสริมประสิทธิภาพ เพื่อลดต้นทุน และสร้างความสำเร็จในการทำธุรกิจ ทั้งนี้มองว่าบริษัทอยู่ในจุดที่ดีในการนำโซลูชัน เข้าไปช่วยลูกค้าในการลดต้นทุน เพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน โดยยังไม่มีผู้ผลิตซอฟต์แวร์รายใดมี 10 โซลูชัน ช่วยลูกค้า ส่วนแนวทางการดำเนินธุรกิจปีนี้บริษัทยังคงเน้นการนำเอาจุดแข็งฐานะผู้นำด้านเทคโนโลยีมาเป็นที่ปรึกษาที่เชื่อถือได้ และก้าวมาเป็นผู้ผลักดันการพัฒนาสังคมที่ยั่งยืน
ทั้งนี้ในการผู้นำด้านเทคโนโลยีบริษัทจะเข้าไปช่วยให้ประเทศไทยสามารถแข่งขันกับคนอื่นได้ เช่น โครงการโอท็อป ซึ่งสามารถนำสินค้าโอท็อป ขายผ่านอินเตอร์เน็ตเพื่อขยายตลาดไปทั่วโลก โดยไมโครซอฟท์ ได้ร่วมกับ สมาคมพัฒนาประชากรและชุมชน พัฒนาเว็บไซต์ ตำบลดอตคอม
www.tumbon.com เพื่อให้ชุมชนสามารถนำสินค้าขึ้นไปขายผ่านอินเตอร์เน็ต นอกจากนี้ยังอาศัยความเป็นผู้นำเทคโนโลยี เข้าไปให้ปรึกษากับลูกค้า โดยภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว ลูกค้าไม่จำเป็นต้องซื้อของใหม่ แต่ใช้ในสิ่งที่ลงทุนไปแล้วให้เกิดประโยชน์สูงสุด ขณะเดียวกันในส่วนโครงการเพื่อสังคมที่บริษัทมีการลงทุน หรือให้การสนับสนุนจะต้องสามารถอยู่ได้ด้วยตัวเอง
นอกจากนี้ยังมีการร่วมมือกันระหว่างหน่วยงาน องค์กร และภาคส่วนต่างๆ ในการดึงเอาศักยภาพและจุดเด่นมาเสริมกัน เหมือนกับที่บริษัทได้ร่วมกับภาคส่วนต่างๆ ทั้งภาครัฐ ภาคธุรกิจอุตสาหกรรมต่างๆ สถาบันการศึกษา สมาคม องค์กรพัฒนาเอกชน เป็นต้น
" วันนี้เราไม่ได้เลือกทำธุรกิจ หรือ ซิตี้เซน ชิป อย่างใดอย่างหนึ่ง แต่เราทำทั้ง 2 อย่าง นอกจากนี้เรายังคอมมิช การลงทุนในไทยต่อเนื่อง"
โดยการลงทุนในไทยนั้นขณะนี้โอกาสที่บริษัทแม่จะเข้ามาลงทุนในไทยทัดเทียมกับจีนและอินเดีย จากเดิมเมื่อ 2 ปีที่แล้วบริษัทแม่เลือกขยายการลงทุนในอินโดนีเซีย และเวียดนาม ซึ่งล่าสุดบริษัทแม่ ได้เข้ามาลงทุนจัดตั้งศูนย์ทดสอบการทำงานร่วมระหว่างซอฟต์แวร์ไมโครซอฟท์ และศูนย์พัฒนาและทดสอบภาษาบนซอฟต์แวร์ไมโครซอฟท์ ที่มีมากกว่า 120 ภาษา โดยเดิมทั้ง 2 ศูนย์ตั้งอยู่ในสหรัฐฯ ส่วนสาเหตุที่ย้าย 2 ศูนย์เข้ามาในไทยไม่เกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจสหรัฐฯชะลอตัว แต่เป็นผลมาจากบริษัทแม่เร่งเห็นศักยภาพของไทย
ในขณะที่เร็วๆนี้บริษัทจะมีโครงการความร่วมมือกับภาครัฐ อาทิ กระทรวงศึกษาธิการ กระทรวงแรงงาน กระทรวงวิทยาศาสตร์ฯ ในการพัฒนาทักษะความรู้ซอฟต์แวร์ให้กับผู้ตกงาน เพื่อกลับไปยังท้องถิ่น โดยการดำเนินโครงการดังกล่าวนั้นต้องมั่นใจว่าผู้ร่วมโครงการจะกลับไปอยู่ในชุมชน และเกิดการจ้างงานในชุมชน
นอกจากนี้ยังมีโครงการ "iCafe" ซึ่งโครงการที่สำคัญในการขยายโอกาสในการเข้าถึงเทคโนโลยี ซึ่งโครงการดังกล่าวจะเป็นต้นแบบที่สำคัญให้กับไมโครซอฟท์ในการจัดทำโครงการพัฒนาร้านอินเตอร์เน็ตคาเฟ่ในประเทศต่างๆ โดยนอกจากบริษัทจะเข้าไปสนับสนุนซอฟต์แวร์ราคาพิเศษ โปรแกรมการเรียนรู้ และดิจิตอลคอนเทนต์ ตลอดจนซอฟต์แวร์บริหารจัดการร้านอินเตอร์เน็ตแล้ว ยังช่วยให้ร้านอินเตอร์เน็ตดำเนินธุรกิจอย่างถูกต้องตามกฎหมาย เป็นการส่งเสริมให้คนเข้าถึงการใช้ไอทีมากขึ้น รวมถึงยังพัฒนาการเรียนของเยาวชน และเปิดโอกาสให้ผู้ประกอบการ ทำธุรกิจให้ถูกกฎหมายโดยปัจจุบันมีร้านอินเตอร์เน็ตเข้าร่วม 4,000 ราย คาดว่าภายในปีนี้จะเพิ่มเป็น 10,000 ราย
สำหรับภาพรวมของธุรกิจในปีการเงิน 2552 ไตรมาสที่ 2 ที่ผ่านไป ธุรกิจซอฟต์แวร์ของบริษัท เติบโตมากกว่าอัตราการเติบโตเฉลี่ยในตลาดที่อยู่ประมาณ 9-10% โดยปัจจัยที่ทำให้ไมโครซอฟท์มีการเติบโตได้ขนาดนี้ มาจากความร่วมมือที่ดีของพันธมิตรคู่ค้าในการทำตลาด อีกทั้งในสภาวะที่เศรษฐกิจชะลอตัว เนื่องจากวิกฤติเศรษฐกิจที่เกิดขึ้นทั่วโลก ทำให้ทุกภาคส่วนต่างต้องทำงานหนักมากกว่าเดิมหลายเท่า อย่างไรก็ตามไมโครซอฟท์ยังมีความเชื่อว่า ยังมีโอกาสทำธุรกิจอยู่เสมอ เพียงแต่จะต้องค้นหาให้เจอ แล้วต่อยอดให้เกิดประโยชน์มากที่สุด
ที่มา: thannews.th.com