นายอำนาจ มีมงคล ผู้จัดการฝ่ายขายและพัฒนาธุรกิจของลิงค์ซิสและเบลคิน ประจำประเทศไทย ลิงค์ซิสทนพิษบาดแผลจากผลกระทบทางการเมืองไม่ไหว หลังพบรายได้ในกรุงเทพฯ 2 เดือนวูบกว่า 50% เตรียมหอบโซลูชันด้านเชื่อมต่อหันไปเจาะตลาดใหม่อย่างเอสเอ็มอี พร้อมเบนเข็มสู่ต่างจังหวัดเป็นเป้าหมายสำคัญ เผยแผนการดำเนินการเป็นขั้นเป็นตอน 3 ช่วง ตั้งแต่เปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ไปยังโซลูชันแบบครบวงจร หวังสร้างสัดส่วนเอสเอ็มบี 15% จากยอดขายทั้งหมดในปีนี้ นายอำนาจ มีมงคล ผู้จัดการฝ่ายขายและพัฒนาธุรกิจของลิงค์ซิสและเบลคิน ประจำประเทศไทย กล่าวว่า สำหรับทิศทางการตลาดในปีนี้ ลิงค์ซิสจะมุ่งเน้นการขยายตลาดเข้ามาในกลุ่มของธุรกิจขนาดเล็กและขนาดกลางหรือเอสเอ็มบี ซึ่งถือเป็นตลาดใหม่ที่ลิงค์ซิสไม่เคยทำมาก่อน โดยจะนำเสนอโซลูชันการเชื่อมต่อและระบบความปลอดภัย โดยคาดว่าจะสามารถสร้างยอดขายได้ประมาณ 15% ของยอดขายรวมทั้งบริษัทในปีนี้
สำหรับเอสเอ็มบีเป้าหมายที่บริษัทจะรุกตลาดเข้าไปก่อนนั้นจะเป็นในส่วนของตลาดต่างจังหวัดที่ดูว่ามีแนวโน้มการเติบโตที่ดี จากเดิมมีแผนที่จะบุกไปอยู่แล้ว แต่หลังจากเหตุการณ์ทางการเมืองทำให้ลิงค์ซิสมองกลับมาเป็นกลุ่มหลักก่อน เพราะคาดว่าจะสามารถทดแทนกับตลาดในกรุงเทพฯ ที่ยังคงชะลอตัวอยู่ได้เป็นอย่างดี โดยยอดขายในเดือนธันวาคม และมกราคม ยอดขายของลิงค์ซิสในกรุงเทพมหานครลดลงถึง 50%
“กลยุทธ์การทำตลาดสำหรับเอสเอ็มบีจะแบ่งออกเป็น 3 ช่วง คือ ช่วงที่ 1 ได้ทำการเปิดตัวผลิตภัณฑ์ที่เป็นคอร์เน็ตเวิร์กไปแล้วเดือนมกราคมที่ผ่านมา ส่วนผลิตภัณฑ์ประเภทเราเตอร์และสวิตช์จะทยอยเปิดตัวในเดือน เม.ย.นี้ ส่วนช่วงที่ 2 ประมาณกลางปีจะทำการเปิดตัวผลิตภัณฑ์แพลตฟอร์มการจัดการเครือข่ายแบบสมาร์ทคลาวด์ และช่วงที่ 3 เปิดตัวผลิตภัณฑ์โซลูชันสำนักงานแบบครบวงจรในปี 2558”
นายอำนาจ มีมงคล ผู้จัดการฝ่ายขายและพัฒนาธุรกิจของลิงค์ซิสและเบลคิน ประจำประเทศไทย นายอำนาจกล่าวว่า ปัจจุบันบริษัทฯ มีสัดส่วนลูกค้าในเขตกรุงเทพฯ 60% และต่างจังหวัด 40% โดยคาดว่าในอนาคตจะมีการปรับสัดส่วนเป็น 50-50 ทั้งนี้ ที่ผ่านมาหลังจากแยกตัวออกจากซิสโก้ลิงค์ซิสมีสัดส่วนการทำธุรกิจ 100% มาจากคอนซูเมอร์ ซึ่งการเข้ามาทำตลาดในกลุ่มเอสเอ็มบีครั้งนี้จะช่วยให้ลิงค์ซิสมีฐานลูกค้าที่กว้างขึ้น
การนำเสนอผลิตภัณฑ์นั้นจะแยกผลิตภัณฑ์ให้แตกต่างจากเบลคินชัดเจน โดยเบลคินจะเป็นผลิตภัณฑ์สำหรับลูกค้าที่ใช้งานทั่วไป ส่วนลิงค์ซิสนั้นจะเน้นกลุ่มลูกค้าที่มีความรู้ความเข้าใจและมีความรู้ด้านไอทีมาเป็นอย่างดี เน้นที่คุณภาพ ประสิทธิภาพการทำงาน และระบบความปลอดภัยเป็นปัจจัยสำคัญ และชูจุดขายตรงที่มีราคาถูกกว่าผลิตภัณฑ์ของเจ้าตลาดอย่างซิสโก้ประมาณ 15% ซึ่งการนำเสนอผลิตภัณฑ์และโซลูชันนั้นจะขายผ่านดิสทริบิวเตอร์ 2 ราย คือ เอสไอเอส และอินแกรมไมโคร ซึ่งมีเครือข่ายรีเซลเลอร์รวมกันกว่า 200 ราย
“ลิงค์ซิสมีความเชี่ยวชาญในระบบการจัดการสวิทช์และเราเตอร์ให้กลุ่มลูกค้าธุรกิจขนาดเล็กมาโดยตลอด ดังนั้นจึงมั่นใจได้โซลูชันที่นำเสนอจะสามารถตอบสนองต่อความต้องการของธุรกิจและงบประมาณของลูกค้ากลุ่มนี้ได้เป็นอย่างดี นอกจากนี้ยังมีคุณสมบัติเด่น เช่น ใช้งานง่าย ยืดหยุ่น มีประสิทธิภาพการทำงาน และที่สำคัญคือมีระบบรักษาความปลอดภัยที่มั่นใจได้ จึงน่าจะเจาะตลาดใหม่อย่างเอสเอ็มบีได้ไม่ยาก”
Related Link :
Linksys
ที่มา: manager.co.th