ยักษ์ไอทีพาเหรดเปิดตัวโน้ตบุ๊กใหม่ เตรียมพร้อมอัดแคมเปญถล่มราคาใน "คอมมาร์ต" ปลาย มิ.ย.นี้ "โตชิบา-เลอโนโว" ประกาศช่วงชิงมาร์เก็ตแชร์เบียดขึ้นอันดับ 3 ของตลาด เผยบริษัทแม่หนุนเต็มที่ ทุ่มงบฯการตลาดเพิ่มเท่าตัว "โตชิบา" เตรียมปูพรมโฆษณา-อัดกิจกรรมตามร้านค้า พร้อมขยายฐานโน้ตบุ๊กราคาต่ำกว่า 1.5 หมื่นบาท กรุยทางตลาดต่างจังหวัด
นายถกล นิยมไทย ผู้จัดการประจำประเทศไทย ฝ่ายธุรกิจเทคโนโลยี บริษัท โตชิบา ไทยแลนด์ จำกัด กล่าวว่า สำหรับกลยุทธ์ของโตชิบาปี 2553 (เริ่มปีงบประมาณ เม.ย. 2553) จะเน้นการนำโน้ตบุ๊กราคาต่ำกว่า 1.5 หมื่นบาท เข้ามาทำตลาด 3-4 รุ่น เนื่องจากตลาดกลุ่มนี้มีสัดส่วนถึง 30% ของตลาด จากเดิมที่จะมีการทำราคาพิเศษเพื่อจำหน่ายในงาน คอมมาร์ตเท่านั้น ทั้งนี้เพื่อช่วยให้โตชิบาสามารถแข่งขัน โดยเฉพาะการขยายฐานในตลาดต่างจังหวัดซึ่งจะช่วยเพิ่มส่วนแบ่งการตลาดของโตชิบาในปีนี้ได้มากขึ้น
พร้อมกันนี้ บริษัทมีแผนเปิดโตชิบาช็อปปีนี้ จำนวน 10 แห่ง เช่น อุดรธานี โคราช ภูเก็ต เป็นต้น รวมถึงการตกแต่งคอร์เนอร์ใหม่อีกกว่า 100 จุด พร้อมกับเพิ่มพนักงานขายหน้าร้านเป็น 200 ราย เพื่อรองรับแผนการขยายตลาดต่างจังหวัดซึ่งมีศักยภาพในการเติบโตในอนาคต
"โน้ตบุ๊กราคาต่ำกว่า 1.5 หมื่นบาท มีสัดส่วนขนาดใหญ่มาก แต่โตชิบากลับมีส่วนแบ่งการตลาดในเซ็กเมนต์นี้ 0% เราจึงขอ บริษัทแม่ที่ญี่ปุ่น เพื่อเพิ่มไลน์สินค้ามากขึ้น เพื่อช่วยเพิ่มส่วนแบ่งการตลาด ขณะเดียวกันรุ่นราคา 1.5-1.8 หมื่นบาท ก็จะเพิ่มสินค้ามากขึ้นด้วย"
นายถกลกล่าวว่า ในปีงบประมาณ 2553 บริษัทได้รับงบประมาณในการทำตลาดของกลุ่มธุรกิจไอที 200 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจาก ปีที่ผ่านมาเท่าตัว เป็นเพราะยอดขายโน้ตบุ๊กในไทยของปี 2552 มีอัตราการเติบโตถึง 30% ทำให้บริษัทแม่เห็นความสำคัญ และ ปี 2553 เป็นปีที่โตชิบาทำตลาดโน้ตบุ๊กในไทยครบ 25 ปี ทำให้มีการลงทุนจัดกิจกรรมมากขึ้น ซึ่งบริษัทจะทุ่มงบฯในการโฆษณาประชาสัมพันธ์ผ่านสื่อต่าง ๆ พร้อม กับการทำกิจกรรมการตลาดตามร้านค้ามากขึ้น
โดยล่าสุดโตชิบา เปิดตัวโน้ตบุ๊กใหม่ตระกูล Satellite ซึ่งมีทั้งซีพียูของอินเทล คอร์ ไอและเอเอ็มดี โดยมีระดับราคาตั้งแต่ 14,900 บาท จนถึง 39,900 บาท โดยจะเน้นการทำตลาดขนาดหน้าจอ 13 นิ้วมากขึ้น โดยใช้กลยุทธ์ของสีสันที่มีให้เลือกถึง 5 สี คือสีดำ เทา ขาว แดง และน้ำตาล ทิศทางการทำตลาดของโตชิบาจะมุ่งไปที่การนำเสนอผลิตภัณฑ์ให้ครอบคลุมทุกกลุ่มเป้าหมาย
นายถกลกล่าวด้วยว่า บริษัทวิจัยไอดีซีได้ปรับตัวเลขคาดการณ์ตลาดโน้ตบุ๊กปีนี้ใหม่ จากเดิมคาดว่าจะมีจำนวน 1.9 ล้านเครื่อง ลดลงเป็น 1.7 ล้านเครื่อง เพราะผลกระทบทางการเมืองที่เกิดขึ้น แต่จากการเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยีทำให้ตลาดยังมีการเติบโต โดยโตชิบาตั้งเป้ามีส่วนแบ่งเป็นอันดับ 3 ด้วยส่วนแบ่งตลาด 10% จากปัจจุบันมีส่วนแบ่งในตลาด 7-8%
สำหรับงานคอมมาร์ตช่วง 24-27 มิ.ย.นี้ คาดว่าจะมีการแข่งขันและโปรโมชั่นกัน อย่างรุนแรง เพราะอยู่ในช่วงการเปลี่ยนรุ่นและครึ่งปีหลังจะมีเทคโนโลยีใหม่ เข้ามา ทำให้ทุกแบรนด์ต้องแข่งขันกันอย่างเต็มที่เพื่อระบายสต๊อกเก่า และคาดว่าจะแรงกว่าทุกครั้ง เพราะธนาคารหลายแห่งมีการเสนอดอกเบี้ยราคาพิเศษให้ซึ่งเป็นอัตราที่ต่ำมาก ๆ ทำให้บริษัทมีต้นทุนทางการเงินต่ำ สามารถทำแพ็กเกจโปรโมชั่นได้ทุกรุ่นและระยะเวลายาวขึ้น
ด้านนายขจรเกียรติ อร่ามรัศมีกุล ผู้จัดการประจำประเทศไทย ฝ่ายผลิตภัณฑ์คอนซูเมอร์ บริษัท เลอโนโว ประเทศไทย กล่าวว่า กลยุทธ์ของเลอโนโวปีนี้จะเน้นการเปิดตัวสินค้ารุ่นใหม่อย่างต่อเนื่องทั้งคอนซูเมอร์และเอสเอ็มอี พร้อมกับการขยายช่องทางจำหน่ายใน ต่างจังหวัด เน้นภาคอีสาน เหนือ และตะวันออก พร้อมกับเพิ่มเลอโนโวช็อปตามหัวเมืองมากขึ้น ซึ่งล่าสุดเลอโนโวได้เปิดศูนย์บริการเลอโนโวแห่งแรก ที่พันธุ์ทิพย์ ประตูน้ำ ผ่านตัวแทนของบริษัทเดอะแวลลูซิมเต็มส์ด้วย
"ปีนี้เลอโนโวได้งบฯการตลาดจากบริษัทแม่เพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับปีที่แล้ว เพราะบริษัทแม่มองเห็นศักยภาพของตลาดเมืองไทย และยอดขายของเลอโนโวในปีที่ผ่านมา รวมถึงขนาดตลาดของประเทศไทยโตขึ้นด้วย จึงให้การสนับสนุนอย่างมาก"
สำหรับปี 2552 เลอโนโว ประเทศไทย มีการเติบโตเชิงรายได้ 150% ขณะที่ยูนิตโต 240% ซึ่งเป็นเพราะมีสินค้าที่ตอบสนองความต้องการของลูกค้ามากขึ้น รวมถึงช่องทางจำหน่ายมีความพร้อมและเริ่มมีกิจกรรมทางการตลาดทำให้มีการเติบโตค่อนข้างสูง ขณะที่ปี 2553 บริษัทตั้งเป้าการเติบโตเท่าตัว พร้อมกับตั้งเป้าที่จะมีมาร์เก็ตแชร์อันดับ 3 ของตลาด
นอกจากนี้ต้นปีหน้าบริษัทมีแผนจะนำ "เลอโฟน" สมาร์ทโฟนบนระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์ของเลอโนโว เข้ามาทำตลาดในไทยเป็นครั้งแรก จากปัจจุบันที่เลอโฟนจำหน่ายอยู่เฉพาะในจีนเท่านั้น โดยจะเข้ามาเป็นอีกหนึ่งกลุ่มธุรกิจภายใต้เลอโนโว ประเทศไทย แต่อาจจะไม่ได้เน้นมากนักเพราะการแข่งขันสูง โดยจะเน้นนำเข้ามาเพื่อตอบสนองแฟน ๆ ของเลอโนโวมากกว่า
นายขจรเกียรติกล่าวเพิ่มเติมว่า สำหรับตลาดไอทีครึ่งปีหลัง คาดว่าตลาดไทยยังมีการเติบโตอยู่ระดับซิงเกิลดิจิต จากปกติควรจะเติบโตระดับดับเบิลดิจิต เพราะสภาพเศรษฐกิจการเมืองที่ผ่านมาทำให้ตลาดเติบโตช้า แต่ขณะนี้ปัจจุบันเริ่มพบว่าหลายรายมีการจัดกิจกรรมโปรโมชั่นตามหน้าร้านไอทีต่าง ๆ กระตุ้นให้คนออกมา จับจ่ายตั้งแต่ต้นเดือน เพื่อไม่ให้คนอั้นรอซื้อในงานคอมมาร์ตอย่างเดียว
ล่าสุดเลอโนโว เปิดตัวโน้ตบุ๊ก IdeaPad Z ซีรีส์ เจาะกลุ่มมัลติมีเดียระดับกลาง 2 รุ่น ราคาเริ่มต้นที่ 26,900 บาท ตระกูล V ซีรีส์ 2 รุ่น ราคาประมาณ 27,900 บาท และรุ่น Y560 สำหรับผู้ใช้งานมัลติมีเดียขนาดใหญ่ IdeaCenter C200 เดสก์ทอปประเภทออลอินวัน ราคา 15,900 บาท เป็นต้น
สำหรับเอเซอร์ซึ่งเป็นผู้นำตลาดโน้ตบุ๊กในเมืองไทย ช่วงเดือนที่ผ่านมาได้เปิดคอมพิวเตอร์โมเดลใหม่ในตระกูลแอสไปร์ ไทม์ไลน์ เอ็กซ์ (Aspire TimelineX) เจาะตลาดโน้ตบุ๊กหรู บางเพียง 0.8 มิลลิเมตร ใช้ซีพียู อินเทล คอร์ ไอ แบตเตอรี่รองรับการใช้งานนาน 10 ชั่วโมง มีให้เลือก 2 สี ดำและเงิน ด้วยหน้าจอขนาด 13 นิ้ว และ 14 นิ้ว ราคาเริ่มต้น 26,900 บาท (ไม่รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม) พร้อมด้วยเน็ตบุ๊ก แอสไปร์ วัน ใหม่ ซีรีส์ D260 หน้าจอ 10.1 นิ้ว ให้เลือก 4 สี ได้แก่ ม่วง เงิน ดำ และชมพูโอโรส ราคาเริ่มต้น 11,900 บาท (ไม่รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม) ด้านฮิวเลตต์-แพคการ์ด หรือเอชพี มีแผนเปิดตัวโปรดักต์ใหม่ในสัปดาห์หน้า
ที่มา: prachachat.net