“วิลลี่” เผยปีนี้งดสร้างหนัง เหตุสถานการณ์บ้านเมืองไม่เอื้อทำให้ไม่กล้าลงทุนกลัวเจ๊ง พร้อมรับคิดอยากได้ลูกสาวอีกคน แต่คงไม่มีโอกาสแล้วเพราะภรรยาอายุเกินที่จะมีลูกได้แล้ว เปิดตัวเป็นพันธมิตรกับบริษัทกันตนา และอีกหลายบริษัทร่วมทำรายการมากมายส่งช่องทีวีดิจิตอล ซึ่ง “วิลลี่ แมคอินทอช” หนึ่งในผู้บริหารบริษัทลักษ์ 666ได้ออกมาเผยว่า ปีนี้ทางบริษัทคงไม่สร้างหนังเหมือนทุกปี เนื่องจากมองแล้วว่าการลงทุนมีความเสี่ยง เพราะสถานการณ์บ้านเมืองไม่เอื้อให้ลงทุน
“ปีนี้คงไม่มี ผมเองก็พยายามจะเชียร์หอยนะว่าหนังนี้เอาไหม แต่เราก็คงอยากจะช่วยซัปพอร์ตพี่ๆ กันไปก่อน จริงๆ แล้วหนังเรามีกำไรทุกเรื่องเลยนะ ส่วนตัวผมเองชอบนะ เพราะมันเห็นผลเร็ว ภายในครึ่งเดือนเรามีแล้วว่าได้กำไรเท่าไหร่ แล้วรอเก็บตังค์มันก็โอเคไง คู่แข่งเองก็ไม่ได้เยอะมาก แต่ว่าบรรยากาศของเมืองไทยมันยังทำให้เราไม่กล้าที่จะลงทุนมากนักเพราะหนังค่อนข้างจะมีความเสี่ยงเยอะ ลงทุนที 20-30 ล้าน พอบรรยากาศไม่ได้ คนไม่มีอารมณ์ร่วมมันก็เหมือนว่าเราทำทิ้งไปเลยนะ ไม่ใช่ว่าจะได้ 20 ล้านกลับมาคืนทุนนะ มันได้ 5-7 ล้านเลยนะ เงินมันก็หายไป”
พร้อมเผยแม้ลูกชาย “วิน” จะโตขึ้นมากแล้วแต่ก็ยังไม่เลิกเห่อลูก บอกอยากได้ลูกสาวอีกสักคน แต่ก็คงไม่มีโอกาสแล้วเพราะภรรยาหมดอายุการมีลูกแล้ว
“ตอนนี้น้องวินก็อายุ 2 ขวบจะ 5 เดือนแล้ว น้ำหนัก 16 กิโลฯ ก็ค่อนข้างใช้ได้เลย มีแววว่าคงอยากจะเป็นนักร้อง แต่ว่าความสามารถในการร้องเพลงเหมือนคุณพ่อเขา คือใช้ไม่ได้เลย ก็ยังเห่อเหมือนเดิมพยายามจะอัปรูปลูกตลอดเพื่อให้เห็นแอคชั่นของเขา ส่วนงานอื่นๆ ยังไม่มีใครติดต่อเข้ามานะ แต่ก็แล้วแต่ครับ เราต้องรอดูว่าเขาจะแฮปปี้ เข้ากับสินค้าที่เขาจะมาจ้างไหม แล้วค่อยว่ากัน”
“ค่าตัวก็ไม่แพงด้วย คือจ่ายวินปั๊บก็จะแถมคุณพ่อให้ทันที ถ้ามาแบบยิ้มๆ ให้กล้องนี่โอเค แต่ถ้าจะมีคำพูดอะไรพวกนี้คงยังก่อนเพราะทุกวันนี้เขายังไม่พูดกับพ่อเลย เราก็สนิทกันมากครับ ด้วยความที่ผมชอบเล่นแรงๆ เล่นจนเหนื่อย เขาก็เลยจะชอบเล่นกับผม แต่พอถึงเวลาทุ่มนึงปุ๊บเขาจะทิ้งผมเลยทันที เหมือนผ้าเช็ดเท้าเลย เขาจะไปกับแม่ เพราะแม่เขาจะพาไปนอนทุกวัน ก็จะรีบหาเวลากลับไปเจอลูกทุกบ่าย ทุกเย็น เพราะทุ่มนึงจะหมดเวลาของเราแล้ว เขาก็จะได้เห็นเราก่อนนอน”
ส่วนเรื่องลูกคนที่ 2 เจ้าตัวบอกว่า...
“มันก็มีข้อสงสัยว่าถ้ามีลูกสาวแล้วจะเป็นยังไง มีลูกสาวเขาก็จะขี้อ้อน พูดเก่ง น่ารักมั้ย แต่ตอนนี้เราคงไม่มีแล้ว เยลหลีเขาอายุเกินแล้ว ก็ถือว่าลูกน้องแหม่ม เนซซี่เป็นลูกสาวเรา ก็เล่นกับเขา เพลินมาเลย มันต้อมเตี้ยมแล้วมันกล้าพูดไง อย่างเรียกวิน บอกเรียกพ่อสิลูก เขาก็จะพ่อ พ่อ แต่ถ้าเนซซี่ ถามสิรักใคร เขาจะตอบทันทีรักลี่ เราก็แบบนะ เดี๋ยวเราจะเซ็นฯพวกบ้าน ที่ดิน พวกมรดกทั้งหมดให้มันก่อนเลยดีกว่าครับ (หัวเราะ)”
ส่วนเรื่องหาโรงเรียนให้ลูกชาย “น้องวิน” บอกส่งน้องสาว “แหม่ม คัทลียา กระจ่างเนตร” ไปดูลู่ทางก่อน ลั่นอยากได้โรงเรียนนานาชาติที่มีเพื่อนอยู่ในเมืองไทย มากกว่าเป็นฝรั่งล้วน
“ยังเลย เราส่งให้แหม่มเป็น ตชด.ไปก่อน ให้แหม่มไปตรวจสอบตรงไหนเป็นยังไงกันบ้าง พอฟีดแบคกลับมาเราค่อยตัดสินใจอีกที ก็อาจจะไปด้วยกัน แต่ก็แบบว่าถ้าเป็นโรงเรียนอินเตอร์ต้องเป็นแบบ...ถ้าจบมาแล้วยังมีเพื่อนอยู่เมืองไทยนะ เรากลัวลูกเราไม่มีเพื่อน เพราะเพื่อนก็มีส่วนสำคัญในสังคมไทย ถ้าจะเรียนอินเตอร์แบบลูกครึ่ง หรือคนไทยมาเรียนด้วยกัน แบบว่าเพื่อนอยู่สีลม เพื่อนอยู่สำเพ็งแบบนั้นดีนะ ไม่ใช่แบบเราที่เพื่อนบินเมืองนอกหมดเลย ไม่มีใครอยู่เมืองไทย มันไม่เวิร์ก”
“เรื่องสังคมในปัจจุบันมีความกังวลใจอยู่พอสมควร แต่ก็พยายามจะไม่ปิดกั้นเขา เราก็คงต้องเปิดให้เขารับรู้ เราก็คงต้องคอยสอนอย่างใกล้ชิดตลอดเวลา หลายๆ คนจะบอกว่าให้ลูกเล่นไอแพดมันไม่ดีเลยนะ เราก็ต้องมีเวลาจำกัดให้เขาด้วย เราคงห้ามเขาไม่ได้ เดี๋ยวเขาเห็นว่าเพื่อนเขามี เขาก็ต้องเล่น ตรงนี้ผมว่ามันไปกับสังคมแล้วแหละ เราก็ต้องจำกัดควบคุมว่าเขาดูอะไร เวลาที่เขาดูนี่นานแค่ไหน ไม่ใช่ครึ่งวันอยู่กับไอแพดมันคงไม่ได้ เราก็ใช้คำคุมเขาได้นะ พ่อแม่สมัยนี้จะรู้ดีว่าถ้าลูกดื้อแล้วเราขู่ ดื้ออดเล่นนะจะเป็นยังไง เขาจะเลิกดื้อทันที”
ที่มา: manager.co.th