เปิดตัวซอฟต์แวร์ "BIG-IP เวอร์ชัน 10.2" ผสานหลากเทคโนโลยี คุมโครงสร้างระบบไอที พร้อมเสริมความยืดหยุ่นสู่สถาปัตยกรรมดาต้าเซ็นเตอร์ เอื้อต่อโมเดลแบบไดนามิก รวมดาต้าเซ็นเตอร์ดั้งเดิมและคลาวด์คอมพิวติ้ง...
เมื่อเร็วๆ นี้ F5 เน็ตเวิร์คส์ (NASDAQ: FFIV) เปิดตัวซอฟต์แวร์ BIG-IP® เวอร์ชัน 10.2 ต่อยอดสถาปัตยกรรมดาต้าเซ็นเตอร์ขององค์กรสู่ระบบคลาวด์ เพื่อนำเสนอศักยภาพระบบไอทีออนดีมานด์ ผ่านโมเดลบริการแบบไดนามิค โดยการจัดวางแนวทางแบบผสานรวมเทคโนโลยีด้านต่างๆ อาทิ การขับเคลื่อนแอพพลิเคชัน ระบบความปลอดภัย การปรับปรุงประสิทธิภาพการทำงาน การจัดการบริหารข้อมูล และการควบคุมดูแลโครงสร้างระบบไอที เทคโนโลยีที่จำเป็นและช่วยให้การใช้โซลูชันด้านเวอร์ชวลไลเซชันและคลาวด์คอมพิวติ้งเป็นไปอย่างยืดหยุ่นและคล่องตัว โดยการเปิดตัวผลิตภัณฑ์ครั้งนี้ ถือเป็นส่วนหนึ่งในกลยุทธ์ของ F5 ในการขับเคลื่อนแอพพลิเคชันพร้อมบริการด้านข้อมูลภายใต้โซลูชันที่สมบูรณ์แบบ
นายอิริค เกียซา รองประธานฝ่ายจัดการผลิตภัณฑ์และฝ่ายการตลาดผลิตภัณฑ์ของ F5 กล่าวว่า สำหรับองค์กรธุรกิจที่วางแผนใช้คลาวด์ระบบปิดหรือบริการคลาวด์สาธารณะ ขึ้นอยู่กับความต้องการขององค์กรและควรนำสถาปัตยกรรมระบบแบบผสมผสานมาใช้ให้เกิดประโยชน์ทั้งระบบโมบายออนดีมานด์ การทำงานร่วมกันของระบบไอที และการทำงานผ่านระบบอัตโนมัติ โดยบริษัทฯ มุ่งมั่นช่วยเหลือลูกค้าให้สามารถใช้ประโยชน์จากโครงสร้างระบบไอทีที่มีอยู่เดิมให้ได้มากที่สุด ขณะเดียวกัน ควรขยายระบบให้สามารถรองรับโมเดลระบบคลาวด์ไม่ว่าทรัพยากรระบบไอทีจะตั้งอยู่ ณ ที่ใดในโลก ภายใต้สถาปัตยกรรมเพื่อการขับเคลื่อนแอพพลิเคชันแบบองค์รวม ทำให้ลูกค้าระดับองค์กรสามารถจัดการนโยบายด้านความปลอดภัยเพื่อการเข้าถึงระบบได้ตามข้อกำหนดระบบไอทีและความจำเป็นทางธุรกิจ ขณะที่ โซลูชัน BIG-IP Edge GatewayTM ยังช่วยให้การบริหารจัดการบริการด้านแอพพลิเคชันเป็นไปอย่างง่ายดาย ภายใต้โมเดลบริการแบบไดนามิคที่ผสมผสานระหว่างดาต้าเซ็นเตอร์แบบดั้งเดิมและคลาวด์คอมพิวติ้ง
ทั้งนี้ F5 ให้บริการแบบไดนามิค โดยมีพาร์ทเนอร์รายใหญ่ทั้งไมโครซอฟท์ วีเอ็มแวร์ และโกเมซ ช่วยเสริมความแข็งแกร่งในการรวมระบบจัดการเวอร์ชวลไลเซชันและระบบตรวจสอบ รวมถึง จัดการศักยภาพในการทำงานร่วมกันภายใต้ระบบควบคุมแบบหนึ่งเดียว ช่วยให้ลูกค้าสามารถปรับปรุงประสบการณ์การใช้งานของผู้ใช้ และ ใช้ประโยชน์จากเวอร์ชวลไลเซชันหรือโมเดลระบบคลาวด์ได้อย่างเต็มที่ ทั้งยังสามารถติดตามศักยภาพในการทำงานให้เป็นไปอย่างสอดคล้องตามข้อตกลงว่าด้วยระดับคุณภาพในการให้บริการแบบเรียลไทม์อีกด้วย
นายพาแร็ก พาเทล รองประธานฝ่ายพันธมิตรธุรกิจของวีเอ็มแวร์ กล่าวว่า ระบบเครือข่ายเพื่อการขับเคลื่อนแอพพลิเคชันมีบทบาทสำคัญในการปลดล็อกพลังของระบบประมวลผลแบบคลาวด์ ขณะที่ วีเอ็มแวร์เว็บสเฟียร์ จะช่วยเสริมการทำงานของ BIG-IP ด้วยแนวทางในการสร้างระบบคลาวด์แบบส่วนตัว ทั้งการจัดเตรียมแอพพลิเคชันและทรัพยากรบนระบบเครือข่ายออนดีมานด์โดยอัตโนมัติหรือการย้ายเวอร์ชวลแมชีนผ่านทางไกล โซลูชันจากวีเอ็มแวร์ และ F5 ทำให้กระบวนการทุกอย่างสำหรับโครงการด้านระบบคลาวด์เป็นไปอย่างยืดหยุ่นและประสบความสำเร็จ
นายทอม มิวเซล รองประธานฝ่ายช่องทางธุรกิจระดับโลกของโกเมซ ที่ดูแลศักยภาพระบบเว็บของคอมพิวแวร์ กล่าวว่า แนวคิดของโมเดลการให้บริการแบบไดนามิคที่วางไว้เป็นเลเยอร์ท้ายสุดของเวอร์ชวลไลเซชันระหว่างผู้ใช้ แอพพลิเคชัน และข้อมูล ช่วยเพิ่มความยืดหยุ่นและคุณสมบัติด้านการควบคุมระบบแก่องค์กรได้อย่างชัดเจน โดยในส่วนของโกเมซได้นำเสนอแนวทางการผสานระบบเข้ากับโครงสร้างระบบไอที รวมถึง ทำให้สามารถนำบริการดังกล่าวไปใช้ได้กับเว็บแอพพลิเคชันต่างๆ ไม่ว่าจะมาจากที่ใดในโลก หรือเว็บแอพพลิเคชันเหล่านั้นจะถูกสร้างและเคลื่อนย้ายแบบออนดีมานด์ตามความต้องการในแต่ละสถานการณ์
อย่างไรก็ตาม BIG-IP เวอร์ชัน 10.2 พร้อมวางจำหน่ายแล้ว โดยผู้สนใจข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับโซลูชัน BIG-IP ของ F5 รวมถึงรายละเอียดด้านผลิตภัณฑ์และคุณสมบัติของโมดูลต่างๆ สามารถเรียกดูได้จาก
www.f5.com/products/big-ipที่มา: thairath.co.th