Nest Learning Thermostat อุปกรณ์ที่จะทำงานร่วมกับนานาข้อมูลเพื่อเลือกอุณหภูมิที่เหมาะสมตามสภาพอากาศที่เปลี่ยนไปอุปกรณ์ตรวจจับควันและคาร์บอน มอนอกไซด์ของ NestTony Fadell (ขวา) ผู้ร่วมก่อตั้ง Nest ซึ่งมีดีกรีเป็นอดีตผู้บริหารแอปเปิล โดย Fadell เป็นผู้อยู่เบื้องหลังการพัฒนา iPod รุ่นแรกของแอปเปิลมาก่อน จับตากูเกิล (Google) บุกตลาดบ้านอัจฉริยะหลังเทเงิน 3.2 พันล้านเหรียญสหรัฐหรือมากกว่า 1 แสนล้านบาทเพื่อซื้อกิจการบริษัท เนสต์ (Nest) ผู้พัฒนาระบบอัจฉริยะเพื่อการตรวจจับควัน, คาร์บอนมอนอกไซด์ และอุณหภูมิแบบอัตโนมัติ ถือเป็นการปิดดีลมูลค่าสูงที่สุดอันดับ 2 ของกูเกิลรองจากการซื้อหน่วยธุรกิจโทรศัพท์เคลื่อนที่ของโมโตโรล่า (Motorola) เมื่อปี 2011 การซื้อกิจการครั้งนี้ของกูเกิลทำให้โลกมองว่ายุคทองแห่งธุรกิจ Internet of everything กำลังจะเกิดขึ้น โดยหลักการของ “The Internet of things” คือการพัฒนาอุปกรณ์เครื่องใช้ในชีวิตประจำวันที่สามารถเชื่อมต่อกับโลกออนไลน์ได้ ซึ่งจะทำให้อุปกรณ์นั้นมีความสามารถพิเศษที่อัจฉริยะกว่าเดิม ตัวอย่างสินค้าภายใต้แนวคิดนี้ได้แก่ ตู้เย็นออนไลน์ที่เจ้าของเครื่องสามารถตรวจสอบสิ่งของในตู้ขณะอยู่ที่ร้านค้า หรือระบบไฟที่ผู้ใช้สามารถสั่งเปิดได้จากนอกบ้าน
สำหรับเนสต์ ผู้พัฒนาระบบอัจฉริยะที่กูเกิลซื้อกิจการไปนั้นมีผลงานเด่นคือ Nest Learning Thermostat อุปกรณ์ที่จะทำงานร่วมกับนานาข้อมูลเพื่อเลือกอุณหภูมิที่เหมาะสมตามสภาพอากาศที่เปลี่ยนไป สิ่งที่เกิดขึ้นคือผู้ใช้อุปกรณ์นี้จะมีบ้านที่มีอุณหภูมิสบายและเหมาะสมตลอดเวลา
โทนี ฟาเดลล์ (Tony Fadell) ผู้ร่วมก่อตั้งเนสต์ในปี 2010 ระบุว่า จุดมุ่งหมายในการก่อตั้งเนสต์คือการสร้างบ้านอัจฉริยะที่มีความรู้สึก โดยจะเป็นอุปกรณ์ที่มีความสวยงาม มีความอัจฉริยะ และประโยชน์ใช้สอยสูง แถมจะไม่มีใครสามารถเจาะระบบอัจฉริยะนั้นได้ ล่าสุดเนสต์ประกาศความสำเร็จในการสร้างแพลตฟอร์มเพื่อให้อุปกรณ์อัจฉริยะอื่นในบ้านสามารถออนไลน์ร่วมกันได้สะดวก จุดนี้เองที่คาดว่าเป็นแรงผลักดันสำคัญให้กูเกิลตัดสินใจซื้อกิจการเนสต์ในที่สุด
ปัจจุบันเนสต์มีพนักงานมากกว่า 300 คนในสำนักงาน 3 ประเทศ ท่ามกลางสินค้าของเนสต์ที่ถูกส่งไปจำหน่ายในหลายประเทศทั่วโลก โดยก่อนหน้านี้กลุ่มทุนที่กูเกิลจัดสรรเงินเพื่อลงทุนในธุรกิจใหม่อย่างกูเกิล เวนเจอร์ (Google Venture) คือหนึ่งในผู้สนับสนุนหลักของเนสต์มาแล้วระยะหนึ่ง
เรื่องนี้ผู้ก่อตั้งเนสต์กล่าวถึงการย้ายไปซบอกกูเกิลเต็มตัวว่าจะช่วยให้เนสต์สามารถสร้างสรรค์ “บ้านที่มีความรู้สึก” ให้เป็นจริงได้ โดยเชื่อว่ากูเกิลจะเป็นแรงสำคัญที่เอื้อให้เนสต์สามารถเปลี่ยนแปลงโลกได้เร็วขึ้นกว่าการก้าวเดินไปคนเดียว ทั้งหมดนี้ถือว่าเนสต์กำลังติดจรวดตัวเองเพื่อความก้าวหน้าแบบก้าวกระโดด
“เหนืออื่นใด กูเกิลเป็นบริษัทไอทีใหญ่ที่อุดมไปด้วยทรัพยากรธุรกิจ แถมยังมีแพลตฟอร์มที่ทำให้เนสต์สามารถเติบโตทั้งด้านฮาร์ดแวร์ ซอฟต์แวร์ รวมถึงด้านงานบริการ” ตามเนื้อหาในแถลงการณ์ของ Fadell ซึ่งระบุว่าเนสต์จะยังใช้แบรนด์ Nest ของตัวเองต่อไป “กูเกิลรับปากว่าจะร่วมมือกับเนสต์สร้างสิ่งที่แตกต่าง เพื่อให้โลกสามารถประหยัดพลังงานและผู้ใช้ประหยัดค่าใช้จ่ายในบ้านได้”
ความท้าทายหลักของเนสต์คือความกังวลของผู้บริโภค ที่หวั่นใจว่าข้อมูลส่วนตัวของบ้านจะถูกควบคุมโดยบริษัทใหญ่ จุดนี้ถือเป็นอีกงานหลักที่เนสต์และกูเกิลต้องพัฒนาให้ผู้ใช้เปิดใจรับอุปกรณ์เทคโนโลยีใหม่ให้ได้
ปัจจุบันอุปกรณ์ตรวจจับอุณหภูมิของเนสต์มีราคา 249 เหรียญสหรัฐ (ราว 8,200 บาท) และอุปกรณ์ตรวจจับควันและคาร์บอนมอนอกไซด์ราคา 129 เหรียญสหรัฐ (ราว 4,200 บาท)
ที่มา: manager.co.th