ยรรยง มุนีมงคลทร ผู้จัดการทั่วไป บริษัท เอปสัน (ประเทศไทย) กล่าวว่า การเปิดตัวโปรเจกเตอร์รุ่นเล็ก หรือเครื่องรุ่น Entry ซีรี่ส์ใหม่ทั้ง 4 รุ่น ได้แก่ EB-S18, EB-W18, EB-X18 และ EB-X24 ถือเป็นการพลิกโฉมหน้าวงการโปรเจกเตอร์ในปัจจุบัน เพราะเครื่องซีรี่ส์ใหม่ของเอปสันนี้ใช้หลอดภาพขนาด 3,500 ลูเมน และติดตั้งคุณสมบัติพิเศษที่เคยมีใช้แต่ในเครื่องระดับกลางและเครื่องประสิทธิภาพสูงเท่านั้น เช่น ช่องต่อ HDMI รวมถึงการเชื่อมต่อแบบไร้สายกับอุปกรณ์สื่อสารพกพา และระบบการปรับแก้ไขภาพสี่เหลี่ยมคางหมูตามแนวนอน ซึ่งลูกค้าสามารถเลือกซื้อเครื่องได้ตามระดับความสว่าง คุณสมบัติ และฟังก์ชั่นต่างๆ ที่ต้องการและเหมาะกับงบประมาณที่ตั้งไว้ โปรเจกเตอร์ทั้ง 4 รุ่นนี้ ยังคงใช้เทคโนโลยี 3LCD ที่ให้สีที่สว่างสดใส สามารถควบคุมปริมาณสีขาวดำ และการไล่น้ำหนักสีได้อย่างแม่นยำและนุ่มนวล ภาพที่ได้จึงมีสีสันสวยงามสมจริง และมีความละเอียดสูงสำหรับคุณสมบัติพิเศษเทียบเท่าเครื่องระดับกลางที่เสริมเข้ามา ได้แก่ ระบบการปรับแก้ไขภาพตามแนวนอนซึ่งช่วยปรับภาพให้เสมอและสมดุลย์อย่างง่ายดายและรวดเร็ว ไม่ว่าโปรเจคเตอร์จะตั้งอยู่บนพื้นผิวที่ลาดเอียงเท่าใดก็ตาม เครื่องรุ่นใหม่ยังติดตั้งอุปกรณ์เชื่อมต่อไร้สาย เพื่อให้ผู้ใช้สามารถใช้แอปพลิเคชั่น iProjection ถ่ายโอนข้อมูลมายังโปรเจกเตอร์จากอุปกรณ์สื่อสารไร้สายที่ใช้ระบบปฏิบัติการแอปเปิล iOS หรือ แอนดรอยด์ ทั้งยังสามารถนำเสนองานที่เป็นไฟล์ JPG, PNG, GIF และ BMP จากแฟลชไดร์ฟที่ต่อตรงกับเครื่องโปรเจกเตอร์
เอปสันยังใส่ใจด้านการรักษาสิ่งแวดล้อมและการลดการใช้พลังงานไฟฟ้า นอกจากเลนส์ของโปรเจกเตอรจะเป็นเลนส์ปลอดสารตะกั่ว ในขณะที่ตัวเครื่องทำจากพลาสติกไม่พ่นสี ช่วยลดผลกระทบกับสิ่งแวดล้อม และไม่ใช้สารหน่วงการติดไฟประเภทคลอรีนและโบรมีน สินค้าใหม่ทั้ง 4 รุ่น ยังออกแบบมาเพื่อการใช้งานอย่างเต็มประสิทธิภาพที่สุดใช้กระแสไฟฟ้าเพียง 0.28วัตต์ ในโหมดสแตนด์บาย และสามารถช่วยประหยัดค่าไฟฟ้าขึ้นอีก หากเลือกใช้โหมดอีโค่ (Eco Mode) ส่วนเทคโนโลยี 3LCD ใช้กำลังไฟต่อลูเมนน้อยกว่าถึง 25% เมื่อเทียบกับโปรเจคเตอร์ที่ใช้เทคโนโลยี1 ชิป ซึ่งโดยเฉลี่ยแล้ว เครื่องรุ่นใหม่ของเอปสันจะใช้กระแสไฟฟ้าเพียง 0.11 วัตต์ต่อลูเมนเท่านั้น
'การที่เอปสันปรับเครื่องโปรเจคเตอร์รุ่น Entry ยกไลน์ครั้งนี้ ช่วยเพิ่มความได้เปรียบเหนือคู่แข่งขึ้นอีก โดยเฉพาะในด้านความคุ้มค่า เพราะราคาเครื่องใกล้เคียงกัน แต่ความสะดวกสบายจากฟังก์ชั่นการใช้งานต่างๆ และคุณภาพของภาพฉายแตกต่างกันอย่างชัดเจน เครื่องทั้ง 4 รุ่นนี้จะเน้นเจาะกลุ่มลูกค้ากลุ่มธุรกิจและองค์กรการศึกษา ซึ่งจะเปิดตัวในราคาตั้งแต่ 15,900 - 29,900 บาท'
ที่มา: manager.co.th
