LG G2 : สมาร์ทโฟนแห่งปี 2013 ในแง่มุมของเทคโนโลยีในปี 2013 ถือว่าเป็นปีที่มีการเปลี่ยนแปลงค่อนข้างมาก ทั้งในแง่การมาของ 3G ที่ช่วยผลักดันให้เกิดการจำหน่ายสมาร์ทโฟนและแท็บเล็ตที่ขยายตัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง สวนทางกับตลาดโน้ตบุ๊ก ส่วนตลาดกล้องก็มีการแข่งขันที่ดุเดือดเพิ่มมากขึ้น ทีมงานไซเบอร์บิซจึงได้ทำการรวบรวมผลิตภัณฑ์ที่เป็นที่สุดส่งท้ายปี 2013
*** LG G2 : สมาร์ทโฟนแห่งปี 2013 ต้องยอมรับว่าปีนี้ถือเป็นปีทองในตลาดสมาร์ทโฟน ทั้งจากอัตราการเติบโตที่เพิ่มขึ้นแบบก้าวกระโดด เช่นเดียวกับในมุมของเทคโนโลยี ที่มีการเพิ่มประสิทธิภาพของตัวเครื่องออกมาในหลายแง่มุมจากทางฝั่งผู้ผลิต ที่พยายามชูความโดดเด่นในผลิตภัณฑ์ของตนเองในเครื่องระดับไฮเอนด์
ไม่ว่าจะเป็นโซนี่ ที่พยายามชูจุดขายในเรื่องของการกันน้ำบนเครื่องประสิทธิภาพสูง ซัมซุง จะมาพร้อมกับลูกเล่นและฟีเจอร์ที่ช่วยอำนวยความสะดวกในการใช้งาน เอชทีซี ก็จะเน้นไปในแง่ของเสียงจากลำโพงคู่หน้า และเซ็นเซอร์กล้องแบบใหม่อัลตราพิกเซล โนเกีย แน่นอนว่ายังอยู่กับคุณภาพของกล้องเป็นหลัก ส่วนไอโฟน ก็ถือเป็นการพัฒนาประสิทธิภาพเพิ่มเติม พร้อมกับใส่ฟังก์ชันอย่างอ่านลายนิ้วมือมาเป็นเทรนด์ให้ตลาดสมาร์ทโฟนต่อไป
แต่สิ่งที่ LG G2 เน้น และออกมาโดนใจผู้ใช้งานมากที่สุดคือ การฟังเสียงของผู้ใช้ และนำไปปรับปรุงออกมาเป็นผลิตภัณฑ์ที่เรียกได้ว่ากู้หน้าของแอลจีในตลาดสมาร์ทโฟนให้กลับคืนมาได้อย่างสวยงาม ยิ่งเมื่อรวมกับการตั้งราคาเปิดตัวไม่ถึง 2 หมื่นบาท จึงทำให้กลายเป็นสมาร์ทโฟนที่ดูแล้วราคา และประสิทธิภาพที่ได้เหมาะสมกับตำแหน่งนี้อย่างชัดเจน
โดยจุดที่แอลจีนำไปคำนวนและพัฒนาออกมาจะเป็นทั้งในแง่ของดีไซน์การออกแบบ ที่มองว่าเวลาใช้งานจริงนิ้วชี้จะสะดวกกับการกดปุ่มที่บริเวณด้านหลังเครื่องมากกว่า จึงทำการดีไซน์ปุ่มเปิด-ปิดเครื่อง และปรับระดับเสียงให้ไปอยู่ที่ฝาหลังของเครื่อง ขณะเดียวกันยังมีการเพิ่มฟังก์ชันอย่าง Knock On ที่ใช้การแตะที่หน้าจอสองครั้งเพื่อให้หน้าจอติดขึ้นมาดูการแจ้งเตือนต่างๆ ได้ทันที โดยไม่จำเป็นต้องจับเครื่องขึ้นมากดใดๆ
แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะโดดเด่นเฉพาะในแง่ของฟีเจอร์การใช้งานเท่านั้น G2 ยังถือว่าทำออกมาได้สมบูรณ์ในแง่ของความเสถียรของตัวเครื่องในการใช้งานได้ลื่นไหลโดยไม่จำเป็นต้องไปโมเครื่องเพิ่มเพื่อลง ROM ใหม่แต่อย่างใด และอีกจุดที่ถือว่าทำได้ดีคือในมุมของแบตเตอรี่ที่ช่วยให้สามารถใช้งานเครื่องได้เต็มวันแบบสบายๆ จากเทคโนโลยีการจัดเรียงแบตเตอรี่แบบใหม่ของแอลจี ที่แม้ตัวเครื่องจะบางแต่สามารถบรรจุแบตฯ ได้ถึง 3,000 mAh
และแม้ว่า G2 จะได้รับตำแหน่งสมาร์ทโฟนแห่งปีไป แต่ถ้ามองออกมาถึงระดับช่วงราคาที่ต่ำลงมานิดหน่อยในช่วง 16,900 บาท แอลจีก็จะมีอีกรุ่นที่ประสิทธิภาพสูง และสร้างความประทับใจได้ไม่แพ้กันคือ LG Nexus 5 ที่ร่วมมือกับกูเกิลผลิตออกมา
Nikon 1 AW1 : กล้องดิจิตอลแห่งปี 2013 *** Nikon 1 AW1 : กล้องดิจิตอลแห่งปี 2013 ในปีนี้ตลาดกล้องดิจิตอลถือว่ามีการตื่นตัวมากกว่าทุกปีตั้งแต่การมาของฟูลเฟรม เอาใจคอนซูเมอร์ในระดับราคาไม่ถึง 1 แสนบาท เช่น Sony A7, A7R ไปถึงตลาดกล้องคอมแพกต์ขนาดเล็กที่ในปีนี้หลายผู้ผลิตต่างหันมาให้ความสนใจอีกครั้งหลังตลาดมิร์เรอร์เลสซบเซาลงจากความไม่ชัดเจนในตัวเอง
แต่ดูเหมือนนิคอนจะคิดต่างออกไปและพยายามมองหาช่องว่างตลาดกล้องดิจิตอลพกพาขนาดเล็ก และก็ค้นพบว่าปัจจุบันตลาดกล้องดิจิตอลทุกส่วนนั้นครอบคลุมเกือบทุกการใช้งานแล้ว ตั้งแต่ความสามารถของการเชื่อมต่อ Wi-Fi แชร์รูป NFC หรือโหมดถ่ายภาพอัตโนมัติที่อัจฉริยะมากขึ้น แต่ท้ายสุดแล้วตลาดกล้องยังขาดกล้องดิจิตอลคุณภาพสูงที่สามารถใช้งานได้ทุกสภาวะ นิคอนจึงคิดค้นและพัฒนา Nikon 1 AW1
ขึ้นมาและถือเป็นการพลิกหน้าประวัติศาสตร์ด้านนวัตกรรมกล้องถ่ายภาพทั้งหมดอีกครั้ง
เพราะ Nikon 1 AW1 ถือเป็นกล้องเปลี่ยนเลนส์ได้ตัวแรกของโลกที่สามารถดำน้ำได้ลึก 15 เมตรโดยไม่ต้องใส่เฮาซิ่งกันน้ำ สามารถกันกระแทกจากความสูงระดับ 2 เมตร และใช้งานในอุณหภูมิต่ำ -10 องศาเซลเซียสได้ในตัวเอง อีกทั้งตัวกล้องยังมาพร้อมฟีเจอร์เด่นมากมายที่เข้ากับการใช้งานทุกรูปแบบ ไม่ว่า จะเป็นเซ็นเซอร์วัดระดับความลึกของน้ำ วัดระดับความสูง เข็มทิศ GPS ในตัว และโหมดถ่ายภาพอัจฉริยะที่ใช้ได้ทั้งในน้ำและบนบก รวมถึงความสามารถในการเปลี่ยนเลนส์ได้แบบกล้อง DSLR ทำหน้าชัดหลังเบลอได้ง่ายเพราะเซ็นเซอร์รับภาพมีขนาดใหญ่ แถมถ้าต้องการถ่ายภาพทั่วไปก็สามารถใช้ร่วมกับเลนส์มิร์เรอร์เลส Nikon 1 หรือใส่ตัวแปลงเลนส์รองรับเลนส์จาก DSLR ของนิคอนได้ทั้งหมด
ด้วยเหตุผลทั้งหมดทำให้ Nikon 1 AW 1 เป็นกล้องดิจิตอลที่น่าจับตามองมากที่สุดของปีนี้ ถึงแม้ยอดขายอาจไม่หวือหวาแต่ด้านนวัตกรรมมีความน่าสนใจจนถือว่า Nikon 1AW 1 เป็นกล้องที่ใช้งานได้ทุกสภาวะทุกรูปแบบการใช้งาน ตั้งแต่ใช้ถ่ายภาพปกติถึงใช้ในงานกีฬา บุกป่า ว่ายน้ำออกเรือลุยทะเลไม่ต้องกลัวกล้องพังเลย
Apple iPad Air : แท็บเล็ตแห่งปี 2013 ***Apple iPad Air : แท็บเล็ตแห่งปี 2013 เชื่อว่าผู้ใช้แท็บเล็ตหลายท่านคงชื่นชอบแท็บเล็ตหน้าจอใหญ่ 10 นิ้วกันเสียเป็นส่วนใหญ่แต่อาจติดในเรื่องน้ำหนักที่มากทำให้การพกพาติดตัวตลอดทั้งวันทำได้ลำบาก ทำให้กลายเป็นเรื่องท้าทายของผู้ผลิตที่จะหาทางคิดค้นผลิตภัณฑ์ให้ออกมารับกับการใช้งานที่สะดวกมากขึ้น
ในขณะที่แอนดรอยด์แท็บเล็ตต่างเปลี่ยนแนวคิดไป พัฒนาและเน้นแท็บเล็ตขนาด 7-8 นิ้วมากขึ้นเพราะไม่มีแนวคิดจะพัฒนาให้แท็บเล็ตขนาด 10 นิ้วเป็นไปตามความต้องการของผู้บริโภคได้ แต่เหมือนแอปเปิลจะขอเสี่ยงตาย นำ iPad รุ่นใหญ่ 10 นิ้วมาพัฒนาโดยยึดเรื่องน้ำหนักเป็นโจทย์สำคัญในการปรับปรุงครั้งใหม่นี้
ในที่สุดแอปเปิลก็พัฒนาจนสำเร็จเป็น iPad Air ที่มีน้ำหนักเพียง 469 กรัม จากเดิมอยู่ที่ 600 กว่ากรัม พร้อมความหนาเพียง 7.5มิลลิเมตรซึ่งถือว่าเป็นแท็บเล็ตขนาดหน้าจอ 10 นิ้วที่มีความบางและเบามากที่สุดสมชื่อรุ่น Air
นอกจากนั้น ในส่วนของสเปกก็ถือว่าล้ำหน้าแอนดรอยด์แท็บเล็ตไปพอสมควรด้วยการเลือกใช้ชิปประมวลผล Apple A7 บนสถาปัตยกรรม 64 บิตครั้งแรกของโลก ร่วมกับหน่วยประมวลผลจับการเคลื่อนไหว Apple M7 แบบเดียวกับ iPhone 5s ที่ในอนาคตจะกลายเป็นมาตรฐานใหม่ของสมาร์ทโฟนและแท็บเล็ตทั้งโลก
และอีกส่วนที่สำคัญของ iPad Air รุ่น Cellular ก็คือการรองรับทั้ง 3G และ 4G LTE ในประเทศไทยทั้งในปัจจุบัน และที่กำลังเกิดขึ้นในอนาคตได้อย่างไม่ต้องห่วง
ขณะที่ในส่วนของประสบการณ์ใช้งานยังต้องยอมรับว่าระบบการใช้งานของ iOS ในแง่ของแท็บเล็ตยังให้ความลื่นไหล และตอบสนองการใช้งานบนแท็บเล็ตได้มากกว่าแอนดรอยด์ หรือวินโดวส์ ส่งผลให้ iPad Air น่าจะเป็นตัวเลือกอันดับ 1 ในตลาดแท็บเล็ตของปี 2013
แต่ก็ใช่ว่า iPad Air จะไม่มีคู่แข่ง เพราะถ้ามองไปถึงช่วงระดับราคาหมื่นกลางๆ ยังมี Samsung Galaxy Note 8 ที่ถือว่าค่อนข้างได้ใจสาวกแอนดรอยด์ รวมกับฟังก์ชันจากปากกาของ S Pen ที่มาช่วยอำนวยความสะดวกในการใช้งาน ถือเป็นอีกตัวเลือกที่ค่อนข้างมาแรงในปีนี้
Sony QX10 : นวัตกรรมสร้างสรรค์แห่งปี 2013 ***Sony QX10 / QX100 : นวัตกรรมสร้างสรรค์แห่งปี 2013 ในมุมของเทคโนโลยีย่อมต้องมีการคิดค้นนวัตกรรมที่ออกมาเพื่อช่วยเหลือ หรืออำนวยความสะดวกให้แก่ผู้บริโภคเป็นปกติ ซึ่งในมุมของนวัตกรรมในช่วงปีที่ผ่านมาผู้บริโภคจะได้เห็นอุปกรณ์สวมใส่ (wearable technology) ที่กลายเป็นดิจิตอลเข้ามามีบทบาทในชีวิตประจำวันมากขึ้น ทั้งในแง่ของนาฬิกา แว่นตา เพียงแต่ยังถือว่าเป็นสิ่งที่ค่อนข้างไกลตัวกับคอนซูเมอร์ทั่วไป
แต่อุปกรณ์กล้อง Sony QX ซีรีส์ ในรุ่น QX10 และ QX100 กลับกลายมาเป็นนวัตกรรมที่ นำเทคโนโลยีการเชื่อมต่อมาผสานเข้ากับแนวคิดในการถ่ายภาพแบบใหม่ ด้วยการนำเลนส์กล้องพร้อมกับตัวประมวลผลมาใช้สมาร์ทโฟนในการควบคุมเพื่อให้สามารถใช้งานได้ทุกที่ทุกเวลา
แนวคิดหลักของ QX ซีรีส์ คือนำการเชื่อมต่อไวไฟระหว่างตัวกล้อง กับสมาร์ทโฟน มาเชื่อมต่อกันเพื่อใช้สั่งงานผ่านแอปพลิเคชัน ที่สำคัญคือสามารถใช้งานได้ทั้งสมาร์ทโฟนในระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์ และไอโอเอส ซึ่งผู้ใช้จะสามารถทำได้ทั้งการสั่งกดชัตเตอร์ ปรับโหมดการถ่ายภาพ เลือกได้ทั้งแบบออโต้ หรือปรับแต่งเอง
ที่สำคัญคือตัวกล้องไม่จำเป็นต้องยึดติดอยู่กับสมาร์ทโฟน ผู้ใช้สามารถใช้มืออีกข้างหนึ่งถือกล้องในมุมสูง แล้วมองภาพจากหน้าจอสมาร์ทโฟนในอีกมือหนึ่ง หรือจะวางทิ้งไว้กับขาตั้งกล้อง และสั่งถ่ายภาพจากระยะไกลก็ได้ (เพียงแต่ต้องอยู่ในระยะที่ยังเชื่อมต่อกันอยู่)
แน่นอนว่านวัตกรรมนี้ไม่ใช่สิ่งใหม่ที่เกิดขึ้นในวงการถ่ายภาพ เพียงแต่ปกติระบบการเชื่อมต่อดังกล่าวจะอยู่คู่กับกล้องคอมแพกต์ที่มาพร้อมกับการเชื่อมต่อไวไฟ แต่ที่โซนี่ทำออกมาได้ดีกว่าคือที่ตัวกล้องจะไม่มีหน้าจอแสดงผล หรือปุ่มให้ปรับอะไรทั้งสิ้น เพื่อให้ตัวกล้องมีขนาดเล็กเปรียบเท่ากับเลนส์กล้องเท่านั้น โดยมีเพียงปุ่มชัตเตอร์ ช่องใส่การ์ด และแบตเตอรี่เท่านั้น
ทั้งนี้ QX10 จะให้ความละเอียดภาพอยู่ที่ 18 ล้านพิกเซล โดยใช้เลนส์ G ของโซนี่ในการรับภาพ มีความโดดเด่นที่สามารถซูมภาพได้ 10 เท่า ส่วน QX100 ให้ความละเอียดภาพที่ 20 ล้านพิกเซล โดยใช้เลนส์ Carl Zeiss Vario-Sonnar T เช่นเดียวกับในกล้องรุ่น RX100 II โดยวางจำหน่ายในราคา 6,990 บาท และ 16,900 บาท ตามลำดับ
Sony QX100 : นวัตกรรมสร้างสรรค์แห่งปี 2013 *** ไร้เงาโน้ตบุ๊กแห่งปี 2013 ด้วยการที่แท็บเล็ตเข้ามากินส่วนแบ่งในตลาดของโน้ตบุ๊กค่อนข้างมาก ประกอบกับทางค่ายผู้ผลิตโน้ตบุ๊กส่วนใหญ่เลือกที่จะพัฒนาโน้ตบุ๊กบนแกนของหน่วยประมวลผลที่ประสิทธิภาพสูงขึ้นอย่าง Intel Haswell ที่สามารถให้การประมวลผลที่แรงขึ้น แต่ในขณะเดียวกันก็ช่วยประหยัดพลังงานได้เป็นอย่างดี ที่ยกตัวอย่างให้เห็นได้ชัดๆ เลยคือ Macbook Air รุ่น 11 หรือ 13 นิ้ว ที่สามารถเพิ่มระยะเวลาการใช้งานไปได้ถึง 9 และ 12 ชั่วโมงตามลำดับ
แน่นอนว่าในฝั่งของผู้ผลิตโน้ตบุ๊กระบบปฏิบัติการวินโดวส์เองก็พยายามที่จะเปลี่ยนแปลงตัวเอง ดังจะเห็นได้จากเครื่องในตระกูลคอนเวอร์เทเบิลโน้ตบุ๊ก ที่ทั้งเอเซอร์ เอซุส เดลล์ โซนี่ พยายามเข็นเข้าสู่ตลาด เพียงแต่ผู้บริโภคส่วนใหญ่ยังมองว่าไม่มีความจำเป็นที่ต้องเสียเงิน 3-5 หมื่นบาทเพื่อที่จะได้เครื่องประสิทธิภาพดีๆ กลายเป็นยอมที่จะเลือกซื้อแท็บเล็ต แยกจากโน้ตบุ๊กที่มีอยู่ ทำให้ตลาดโน้ตบุ๊กในปีนี้ไม่ค่อยมีสีสันมากนัก
แต่เชื่อว่าด้วยแนวคิดของคอนเวอร์เทเบิลโน้ตบุ๊ก เมื่อมีราคาจำหน่ายถูกลงก็น่าจะกลับมาทำตลาดได้อีกครั้ง เหมือนกับอัลตราบุ๊กที่ต้องใช้ระยะเวลาหนึ่งให้ราคาลงมาอยู่ในระดับที่ เอื้อมถึงได้ ดังนั้นจึงมีโอกาสที่ตลาดโน้ตบุ๊กจะกลับมาสดใสได้อีกในปีหน้า
เพียงแต่ในปีนี้ยังไม่มีตัวเลือกที่โดดเด่นออกมาเหมือนเมื่อปีที่ผ่านมา แต่ก็มีที่อยู่ในระดับใกล้เคียงกันอย่าง Sony Vaio Pro อัลตราบุ๊กสุดบางเบา เพียงแต่ราคาจำหน่ายค่อนข้างสูง Asus Tranformer Book Trio ที่นำแนวคิดการผสานแท็บเล็ตแอนดรอยด์ และโน้ตบุ๊กวินโดวส์ 8 มาผสมกัน เพียงแต่ฟอร์มเฟกเตอร์ยังมีขนาดใหญ่เกินไป HP Envy X2 ก็ใช้สเปกที่ต่ำเกินไปเมื่อเทียบกับราคาจำหน่าย
คงต้องจับตาดูถึงทิศทางที่เคลื่อนไปของตลาดโน้ตบุ๊กในปีหน้า ว่าจะมีผลิตภัณฑ์ใดที่เข้ามาโดนใจผู้บริโภคได้บ้าง
ที่มา: manager.co.th