หลังจากถูกกล่าวหาว่าเป็น สปายสอดแนมโลกไซเบอร์ ล่าสุด บริษัท หัวเว่ย เทคโนโลยี ผู้ผลิตอุปกรณ์เครือข่ายและโทรคมนาคมสัญชาติจีน ก็ได้ตัดสินใจตัดขาดความสัมพันธ์กับสหรัฐฯแล้ว
หลายคนคงทราบกันดีว่า ความสัมพันธ์ระหว่าง หัวเว่ย และ รัฐบาลสหรัฐฯ นั้น ไม่ได้อยู่ในสถานะเพื่อนที่ดีต่อกัน ซึ่งหลังจากหลายปีมานี้ ที่รัฐบาลสหรัฐฯได้กล่าวหา หัวเว่ย ว่า เป็นสปายคอยสอดแนมข้อมูลผ่านโลกไซเบอร์ ในนามของทหารจีน และดูเหมือนว่า การโต้เถียงกันนี้ นับวันจะเพิ่มความทวีคูณ ล่าสุด Ren Zhengfei ซีอีโอหัวเว่ย ได้กล่าวกับ Les Echos เว็บไซต์ข่าวฝรั่งเศสเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาว่า เขาไม่ต้องการที่จะอยู่ในตลาดสหรัฐฯอีกต่อไป "หาก หัวเว่ย อยู่ในช่วงกึ่งกลางของความสัมพันธ์ระหว่าง สหรัฐฯ-จีน" และเป็นสาเหตุให้เกิดปัญหา "มันไม่คุ้มค่า ดังนั้น เราจึงตัดสินใจที่จะออกจากตลาดสหรัฐฯ และไม่อยู่กึ่งกลางความสัมพันธ์ที่น่าอึดอัดนี้"อย่างไรก็ตาม ยังไม่ชัดเจนถึงวิธีการดำเนินการ หรือช่วงเวลาใดที่ หัวเว่ย จะถอดตัวออกจากตลาดสหรัฐฯ โดยตัวแทนกล่าวแต่เพียงว่า "ทางเราจะยังคงมุ่งมั่นให้กับลูกค้า, พนักงาน, การลงทุน และการดำเนินงานของเรา และเราพร้อมแล้วกับการแข่งขันที่จะเพิ่มขึ้น กับนวัตกรรมที่เป็นที่ต้องการของลูกค้า"
โดยเมื่อปลายปีที่ผ่านมา คณะกรรมการ US House Intelligence Committee ได้ออกจดหมายถึง หัวเว่ย ระบุความกังวลของรัฐบาล เกี่ยวกับการเชื่อมต่อและความผูกพันกับทหารและรัฐบาลจีน โดยในจดหมาย Rep. Dutch Ruppersberger (D-Md.) ได้กล่าวว่า ทางคณะกรรมการ "รู้สึกเป็นห่วง" ว่า ผู้มีอำนาจในจีน จะสั่งการให้แฮ็ก หรือพยายามที่จะทำลายเครือข่ายเน็ตเวิร์กของสหรัฐฯ ผ่านทางตัวกลางโทรคมนาคม แต่ หัวเว่ย ยังคงยืนกรานปฏิเสธว่า ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ และไม่ได้สปายสอดแนมให้กับรัฐบาลจีน ซึ่งทำเนียบขาวของสหรัฐฯ รายงานว่า ได้ดำเนินการตรวจสอบความเสี่ยงด้านความปลอดภัยที่อาจเกิดจากหัวเว่ยแล้ว แต่ก็ไม่พบหลักฐานที่ระบุถึงความเชื่อมโยงแต่อย่างใด โดยความสัมพันธ์ระหว่างหัวเว่ยและรัฐบาลสหรัฐฯ เริ่มอยู่ในสภาวะเครียดอย่างเห็นได้ชัด โดยในเดือนเมษายน ผู้บริหารหัวเว่ย ได้กล่าวว่า ไม่มีการเจริญเติบโตของกำไรในตลาดสหรัฐฯในปี 2013 ส่วนหนึ่งเห็นได้ชัดว่า เกิดจากการที่สหรัฐฯให้คำแนะนำกับผู้บริโภค ในการระมัดระวังการใช้หรือซื้ออุปกรณ์ของหัวเว่ย
ที่มา CNET
ที่มา: pantip.com