จุดเด่นสำคัญของ Jolla คือการรองรับแอปพลิเคชันแอนดรอยด์มากกว่า 8.5 หมื่นแอปพลิเคชันหน้าตาแพลตฟอร์มแซลฟิช (Sailfish) บนสมาร์ทโฟน Jolla ซึ่งพัฒนามาจากระบบปฏิบัติการมีโก (MeeGo) ระบบปฏิบัติการโอเพ่นซอร์สเวอร์ชันสุดท้ายที่โนเกียพัฒนาไว้ก่อนจะยกเลิกในปี 2011 ทีมวิศวกรที่เคยเป็นลูกหม้อโนเกียเปิดตัวสมาร์ทโฟนรุ่นใหม่ ใจกล้าดึงแพลตฟอร์มเก่าเก็บของโนเกียมาเป็นพื้นฐานพัฒนาสมาร์ทโฟนพันธุ์ใหม่ไม่เหมือนใคร ใช้หน้าจอ 4.5 นิ้วพร้อมกล้องดิจิตอล 8 ล้านพิกเซล จุดเด่นสำคัญคือการรองรับแอปพลิเคชันแอนดรอยด์มากกว่า 8.5 หมื่นแอปพลิเคชัน สมาร์ทโฟนของทีมอดีตวิศวกรโนเกียมีชื่อว่า "จอลลา (Jolla)" จุดเด่นของสมาร์ทโฟนแบรนด์นี้คือแพลตฟอร์มหลักที่ถูกเรียกอย่างเป็นทางการว่า "แซลฟิช (Sailfish)" แพลตฟอร์มดังกล่าวพัฒนามาจากระบบปฏิบัติการมีโก (MeeGo) ซึ่งเป็นระบบปฏิบัติการโอเพ่นซอร์สเวอร์ชันสุดท้ายที่โนเกียพัฒนาไว้ก่อนจะยกเลิกในปี 2011 เพื่อหันมาใช้ระบบปฏิบัติการวินโดวส์โฟน (Windows Phone) ของไมโครซอฟท์
Jolla นั้นใช้หน้าจอ 4.5 นิ้วในดีไซน์สไตล์เดียวกับสมาร์ทโฟนโนเกียอย่าง "ลูเมีย (Lumia)" ตัวเครื่องรองรับเครือข่ายอินเทอร์เน็ตพกพาความเร็วสูง 4G มาพร้อมบริการแผนที่ HERE ของโนเกียซึ่งให้บริการครอบคลุม 190 ประเทศ
อีกจุดต่างของ Jolla เมื่อเทียบกับ Lumia คือการรองรับ 85,000 แอปพลิเคชัน ที่กูเกิลให้บริการกับเครื่องระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์ (Android) จุดนี้ มาร์ค ดิลลอน (Marc Dillon) หัวหน้าทีมพัฒนาซอฟต์แวร์เพื่อ Jolla เชื่อว่าความสามารถของ Jolla จะทำให้ Jolla สามารถแข่งขันกับผู้ผลิตรายอื่นในตลาดสมาร์ทโฟนได้ และ Jolla จะเป็นตัวเลือกระดับโลกแก่ผู้บริโภคที่ต้องการสมาร์ทโฟนประสิทธิภาพเยี่ยม
มาร์ค ดิลลอนนั้นเป็น 1 ใน 4 ทีมวิศวกรโนเกียที่แยกตัวออกมาตั้งบริษัทใหม่ในปี 2011 ก่อนหน้านี้ หนุ่มมาร์คใช้เวลา 11 ปีในการทำงานกับโนเกียหลังจากย้ายถิ่นฐานมาจากสหรัฐอเมริกา สำหรับการแจ้งเกิดระบบปฏิบัติการใหม่ อดีตวิศวกรโนเกียเชื่อมั่นว่าบริษัทมีโอกาสเติบโตสูง เนื่องจากปัจจุบัน ระบบปฏิบัติการที่เปิดกว้างให้ผู้ผลิตโทรศัพท์มือถือทุกรายสามารถนำไปใช้งานได้นั้นมีเพียง 1 เดียว นั่นคือแอนดรอยด์ โดยระบบปฏิบัติการอื่นอย่าง iOS ของแอปเปิลหรือ Windows ของไมโครซอฟท์นั้นถูกกำหนดให้ใช้งานได้โดยผู้ผลิตเฉพาะรายเท่านั้น
สนนราคาเบื้องต้นของ Jolla คือ 399 ยูโร (ราว 17,000 บาท) มาพร้อมช่องเสียบ MicroSD เพื่อการขยายหน่วยความจำจากที่มีในเครื่อง 16GB อายุแบตเตอรี่ใช้งานต่อเนื่อง 9-10 ชั่วโมง
เบื้องต้น นักวิเคราะห์ประเมินว่า Jolla จะไม่ใช่สมาร์ทโฟนที่จะมาแทนที่ไอโฟนหรือซัมซุง (iPhone หรือ Samsung Galaxy killer) แต่จะสามารถเข้าถึงตลาดเฉพาะหรือ niche เนื่องจากตลาดกลุ่มนี้ต้องการทางเลือกนอกเหนือจาก Android หรือ iOS ซึ่งคาดว่าจะต้องรอให้มีการพัฒนาต่อเนื่อง 2-3 เวอร์ชันจึงจะสามารถประเมินได้ว่า Jolla หรือ Sailfish จะสามารถท้าชนระบบปฏิบัติการของแอปเปิลหรือกูเกิลหรือไม่
ขณะนี้ โอเปอเรเตอร์ฟินแลนด์นามว่า DNA ได้เริ่มวางจำหน่ายสมาร์ทโฟน Jolla นี้แล้วตั้งแต่วันพุธที่ผ่านมา สิ่งที่น่าสนใจคือมีผู้บริโภคราว 100 รายเข้าแถวเพื่อรอรับเครื่องจนล้นศูนย์ให้บริการ จุดนี้ Jolla ให้ข้อมูลว่าได้รับคำสั่งจองหลายพันเครื่องจากผู้บริโภคในกว่า 136 ประเทศ ส่วนใหญ่เป็นผู้ใช้ในฟินแลนด์ เยอรมนี และอังกฤษ
ปัจจุบัน Jolla เป็นบริษัทที่มีพนักงานราว 100 คนซึ่งประจำที่สำนักงานในฟินแลนด์และฮ่องกง ผู้สนับสนุนบริษัทมีทั้งที่เป็นกลุ่มทุนสัญชาติฟินแลนด์และนักลงทุนต่างชาติ ไดเแก่กลุ่ม China Fortune Holdings Ltd. ของฮ่องกง ซึ่ง Dillon ปฏิเสธที่จะให้ข้อมูลในขณะนี้
ที่มา: manager.co.th