EGA เผยม็อบปิดหน่วยงานราชการหลายแห่งไม่กระทบการทำงานทั้งหมดของภาครัฐ ชี้หน่วยงานส่วนใหญ่ได้ยกการทำงานขึ้นไปอยู่บนคลาวด์แล้ว ทำให้สามารถทำได้จากที่อื่นไม่จำเป็นต้องอยู่ในพื้นที่ ตามนโยบายที่จะก้าวเข้าสู่ Government Cloud ส่วนอนาคตเตรียมทำดาต้าเซ็นเตอร์กลางรวมทุกหน่วยงานภาครัฐไว้ที่เดียวกัน เพื่อการประสานงานข้อมูลที่รวดเร็ว และมีแผนสร้างดีอาร์ไซต์เพื่อสำรองข้อมูลเวลาเกิดภัยพิบัติ ด้านทีอีส่งสายสัญญาณ 100 Gbps ช่วยให้ดาต้าเซ็นเตอร์ยุคใหม่ปรับขยายได้ง่ายขึ้น ดร.ศักดิ์ เสกขุนทด ผู้อำนวยการ สำนักงานรัฐบาลอิเล็กทรอนิกส์ กล่าวว่า ในช่วงที่ม็อบยึดกระทรวงต่างๆ เพื่อทำการชุมนุมนั้นทำให้เจ้าหน้าที่บางส่วนไม่สามารถเข้าไปในพื้นที่ได้ แต่ทั้งนี้กลับกระทบต่อการทำงานของหน่วยงานราชการเพียงบางส่วนเท่านั้น เพราะหลายหน่วยงานของภาครัฐสามารถทำงานจากข้างนอกหรือไปนั่งทำงานในหน่วยงานราชการอื่นๆ ได้ผ่านทางระบบคลาวด์ หลังจากที่ผ่านมาได้มีการวางระบบดังกล่าวเพื่อพัฒนาให้เป็น Government Cloud สอดรับกับยุคการทำงานใหม่ๆ ที่กำลังจะเกิดขึ้นในอนาคต แต่ทั้งนี้อาจจะส่งผลกระทบบ้างในบางหน่วยงานที่ต้องให้บริการลูกค้า
โดยที่ผ่านมาจากนโยบายภาครัฐเองที่เริ่มให้หลายหน่วยงานต้องสำรองข้อมูลไว้บนระบบคลาวด์ เพื่อให้สามารถทำงานได้แม้จะเกิดเหตุสุดวิสัยไม่สามารถเข้าไปทำงานในพื้นที่ได้ ประกอบกับมีความจำเป็นต้องมีศูนย์สำรองข้อมูลภาครัฐที่จะต้องสร้างในอนาคต เพื่อรองรับในช่วงที่ศูนย์หลักเกิดปัญหา รวมถึงดีอาร์ไซต์ที่หรือไซต์สำรองหากเกิดเหตุการณ์ไม่คาดคิด เช่น ภัยธรรมชาติ หรือภัยจากการจลาจล ซึ่งจะทำให้ข้อมูลไม่สูญหายเป็นต้น
“ในช่วงที่เกิดเหตุการณ์ดังกล่าวหลายหน่วยงานอาทิ กระทรวงวิทย์ กระทรวงสาธารณสุข สำนักงบประมาณฯ ได้เข้ามาขอใช้พื้นที่ในการทำงาน ซึ่ง EGA ก็พร้อมที่จะรองรับ เนื่องจากถือเป็นหนึ่งในหน้าที่หลักที่จะต้องช่วยให้หน่วยงานภาครัฐสามารถทำงานได้ผ่านระบบคลาวด์ โดยที่ผ่านมา EGA มีบทบาทสำคัญในการช่วยเชื่อมโยงฐานข้อมูลต่างๆให้เข้ามาอยู่ในที่เดียวกัน เพื่อให้ทุกหน่วยงานภาครัฐสามารถแลกเปลี่ยนข้อมูลกันได้อย่างสะดวกขึ้น”
ดร.ศักดิ์กล่าวต่อว่า จากเดิมระบบฐานข้อมูลของรัฐเป็นไปในลักษณะต่างคนต่างทำ แต่หลังจากได้มีนโยบายที่จะรวมศูนย์ดาต้าเซ็นเตอร์ของหน่วยงานต่างๆ มาไว้ในที่เดียวกัน EGA จึงต้องทำการพัฒนาระบบใหม่ด้วยการทำดาต้าเซ็นเตอร์กลางที่จะรวมทุกหน่วยงานราชการเข้าด้วยกัน โดยใช้เทคโนโลยีไฟเบอร์ออปติกเนื่องจากสามารถปรับเปลี่ยนและอัปเกรดเทคโนโลยีได้ง่าย โดยคาดว่าศูนย์ดาต้าเซ็นเตอร์กลางของภาครัฐจะเริ่มเห็นได้ในกลางปีหน้า เช่นเดียวกับดีอาร์ไซต์ภาครัฐที่กำลังจะเริ่มดำเนินการโดยคาดว่าจะตั้งศูนย์ดังกล่าวที่จังหวัดชลบุรี
“การจะพัฒนาระบบฐานข้อมูลกลางของภาครัฐขึ้นมานั้น กระทรวงไอซีทีต้องเป็นคนให้บริการด้วยการจับมือกับหน่วยงานอื่นๆ แล้วช่วยกันทำ ไม่ใช่ไอซีทีทำเองเออเองทั้งหมด ประกอบกับที่ผ่านมา E-Government ทำในมุมมองของภาครัฐ แต่ไม่เคยถามประชาชนเลยว่าต้องการหรือเปล่าดังนั้นนับจากนี้จะต้องเปลี่ยนใหม่ ด้วยการร่วมกันทำ เพื่อก่อให้เกิดประโยชน์ทั้งสองฝ่าย และประชาชนได้ประโยชน์อย่างแท้จริง”
ด้านนายรักเกียรติ หงษ์กาญจนพงษ์ ผู้อำนวยการฝ่ายขาย ประจำภาคพื้นอาเซียนเหนือ บริษัท ทีอี คอนเน็คทิวิตี้ จำกัด กล่าวว่า ปัจจุบันเทคโนโลยีต่างๆ เริ่มมีความทันสมัยมากขึ้น เครือข่ายก็ต้องการสปีดที่เร็วขึ้นเช่นกัน เพื่อรองรับกับการใช้งานที่ดี โดยเฉพาะในปัจจุบันได้มีการใช้งานอินเทอร์เน็ตกันอย่างแพร่หลายไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการใช้โซเชียลมีเดีย การดาวน์โหลดคอนเทนต์ดิจิตอลต่างๆ ภาพยนตร์ เกม รวมทั้งการทำธุรกรรม Online ซึ่งนับวันจะมีการใช้งานเติบโตสูงขึ้นเรื่อยๆ
ดังนั้น การจะทำการบริหารจัดการข้อมูลจำนวนมหาศาลที่นับวันมีแต่จะเพิ่มขึ้นให้ได้ ซึ่งจำเป็นต้องมีดาต้าเซ็นเตอร์ หรือศูนย์เครือข่ายข้อมูลที่มีประสิทธิภาพสูง ที่สามารถรองรับการใช้งานบนเครือข่ายความเร็วสูงในปัจจุบัน ได้ทั้ง 10 Gb 40 Gb และ 100 Gb นอกจากนี้ยังต้องสามารถอัปเกรดให้การทำงานสูงขึ้นได้โดยไม่จำเป็นต้องรื้อถอนหรือติดตั้งระบบสายสัญญาณใหม่ เพียงแค่เปลี่ยนอุปกรณ์เชื่อมต่อ Interface ด้านหน้าก็สามารถที่จะใช้งานกับระบบที่ต้องการความเร็วสูงขึ้นได้ทันที
ทีอีจึงได้ทำการพัฒนาเทคโนโลยีระบบเครือข่ายที่สามารถช่วยให้ลูกค้าสามารถรับมือกับการขยายตัวของโลกดิจิตอลได้เป็นอย่างดี ไม่ต้องรื้อสายใหม่ทั้งชุดหากต้องการขยาย เหมือนเทคโนโลยียุคก่อนๆ พัฒนาระบบสายสัญญาณอัจฉริยะ ควอริโอในรูปแบบใยแก้วนำแสง ให้ความเร็วและรองรับสัญาณได้มากกว่าควอริโอแบบสายทองแดง ซึ่งรองรับการเชื่อมต่อได้ถึง 40 และ 100 Gbps ทั้งยังช่วยให้ผู้ดูแลระบบ สามารถติดตามการใช้งาน การเชื่อมต่อ และการเปลี่ยนแปลงต่างๆ ที่เกิดขึ้นในระบบเครือข่ายได้อย่างมีประสิทธิภาพ
โดยปัจจุบันทีอีมีลูกค้ารายใหญ่ๆ ในเมืองไทยอาทิ กสท โทรคมนาคม ธนาคารไทยพาณิชย์ EGA เป็นต้น และพร้อมที่จะเป็นส่วนหนึ่งของการสร้างศูนย์ดาต้าเซ็นเตอร์กลางของภาครัฐในอนาคต เพื่อให้การเชื่อมต่อระหว่างหน่วยงานมีประสิทธิภาพมากขึ้น และรองรับกับจำนวนข้อมูลทางด้านประชากรที่เพิ่มขึ้นอย่างมหาศาลได้เป็นอย่างดี
Company Relate Link :
EGA
TE
ที่มา: manager.co.th