ราคูเท็นเผยผลสำรวจความพึงพอใจของนักชอปออนไลน์ใน 4 ประเทศ ระบุชัดมีผู้ชอปไม่ถึง 25 เปอร์เซ็นต์ที่ประทับใจจากการชอปออนไลน์ สะท้อนให้เห็นว่าคนส่วนใหญ่ไม่เกิดประสบการณ์ที่ดีจากการชอปออนไลน์ และยิ่งไปกว่านั้น 1 ใน 4 ของกลุ่มตัวอย่างเกิดประสบการณ์ที่แย่จนไม่อยากกลับมาใช้บริการชอปออนไลน์อีกต่อไป แนะ 8 วิธีชอปปิ้งออนไลน์ให้สมหวัง ผลสำรวจความพึงพอใจของผู้บริโภคภายใต้โครงการ “ราคูเท็น สมาร์ท ช้อปปิ้ง” จากกลุ่มตัวอย่างจำนวนกว่า 2,000 คนใน 4 ประเทศ อันได้แก่ ไต้หวัน อินโดนีเซีย ไทย และมาเลเซีย โดยผลสำรวจระบุชัดเจนว่ามีน้อยกว่า 25 เปอร์เซ็นต์ที่สมหวังจากการชอปปิ้งออนไลน์ ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่าคนส่วนใหญ่ยังคงล้มเหลวในการชอปปิ้งบนโลกออนไลน์ โดยราคูเท็นได้แจกแจงพฤติกรรมการชอปปิ้งจากผู้ที่ไม่สมหวังออกมาเป็นรายละเอียดที่น่าสนใจเป็นอย่างมาก
กว่า 40 เปอร์เซ็นต์ของกลุ่มตัวอย่างไม่มีการทำความรู้จักหรือเคยสนทนากับร้านค้าแต่อย่างใด ซึ่งสวนทางกับโลกของความเป็นจริงที่การบริการเป็นหัวใจของการขายสินค้าที่ดีที่สุด ขณะที่ร้านค้าออนไลน์ยังขาดภาพสินค้าหรือรายละเอียดที่ครบถ้วนเพื่อประกอบการตัดสินใจได้ทันที ทั้งนี้ การรีวิวสินค้าจากผู้ที่ซื้อไปแล้วก็เป็นส่วนหนึ่งของการประกอบการตัดสินใจที่ร้านค้าออนไลน์ควรคำนึงถึง
และแม้ว่าความสะดวกสบายและประสิทธิภาพคือหัวใจสำคัญของการซื้อสินค้าออนไลน์ แต่คนส่วนใหญ่ก็ยังใช้เวลาเป็นชั่วโมงในการเลือกซื้อเลือกหาสินค้าจากร้านค้าออนไลน์ ซึ่งท้ายที่สุดแล้วกลับไม่ได้ซื้อหรือซื้อมาแล้วก็ไม่พอใจในสินค้านั้นๆ จนเกิดเป็นประสบการณ์ที่แย่และนำไปสู่พฤติกรรมการเลิกชอปปิ้งบนโลกออนไลน์อีกต่อไป ซึ่งพฤติกรรมเช่นนั้นจะส่งผลร้ายต่อระบบตลาดออนไลน์ของไทยต่อไปในอนาคต
ทางออกของการแก้ไขคือการทำความเข้าใจและสร้างเกราะป้องกันสำหรับการชอปปิ้งออนไลน์ให้เกิดเป็นมาตรฐานความปลอดภัยก่อนชอปออนไลน์ เพื่อนักชอปทุกคนจะได้ใช้หลักเกณฑ์เหล่านี้ในการตรวจสอบความน่าเชื่อถือของเว็บไซต์ก่อนการซื้อทุกครั้ง และต่อยอดไปสู่ประสบการณ์ที่ดีในการซื้อสินค้าออนไลน์ต่อไปในอนาคต ทั้งนี้ ราคูเท็นได้แนะนำ 8 วิธีการ ก่อนการซื้อสินค้าออนไลน์เพื่อความปลอดภัยและจะได้ไม่ผิดหวังดังต่อไปนี้
1. ทำความรู้จักกับร้านค้าและเจ้าของร้าน มองหาเว็บไซต์ที่มีทางเลือกหลากหลายในการติดต่อสื่อสาร เป็นต้นว่า ความต่อเนื่องในการอัปเดตเว็บไซต์เป็นประจำ เช่นมีสินค้าใหม่ๆ มีการเปลี่ยนแปลงโปรโมชัน การแปลี่ยนแปลงข่าวสารหน้าเว็บเป็นประจำ แสดงให้เห็นว่าเจ้าของร้านดูแลหน้าเว็บไซต์เป็นประจำ ทำให้เรามั่นใจได้มากขึ้น หรือเว็บไซต์ที่เอื้อให้สามารถติดต่อผู้ขายได้โดยตรงและง่ายดาย เพื่อสอบถามเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ที่คุณสนใจ ตัวอย่างของโซเชียลมีเดียเว็บไซต์ที่มีฟังก์ชันในการสนทนาสื่อสารก็เช่น เฟซบุ๊ก ที่ได้รับความนิยมอยู่ในขณะนี้
2. มองหาเว็บไซต์ที่มีภาพถ่ายของสินค้าชัดเจนและมีรายละเอียดครบถ้วน สิ่งเหล่านี้มีความสำคัญเป็นอย่างมากในการซื้อขายออนไลน์ โดยข้อมูลของขนาดและรายละเอียดรูปทรงที่ชัดเจนจะช่วยให้ตัดสินใจได้อย่างง่ายดาย และรวดเร็ว ตรงตามความต้องการที่แท้จริง
3. สนใจในความคิดเห็นของผู้ซื้อรายอื่น ความคิดเห็น (รีวิว) ของผู้ซื้อและคะแนนการซื้อขาย ไม่ว่าจะเป็นในแง่บวกหรือแง่ลบ สะท้อนความน่าเชื่อถือของผลิตภัณฑ์และร้านค้าออนไลน์ที่ดีที่สุดก่อนตัดสินใจซื้อสินค้า หรือลองสั่งซื้อของจำนวนน้อยก่อนเพื่อลดความเสี่ยง
4. “ห้างสรรพสินค้าออนไลน์” เป็นอีกหนึ่งช่องทางที่มีสินค้าที่หลากหลายให้เลือกชอป พร้อมทั้งมีการตรวจสอบร้านค้าจากผู้ให้บริการมาในระดับหนึ่ง สามารถซื้อสินค้าได้หลากหลายชนิดตามหมวดหมู่ พร้อมทั้งสามารถจ่ายเงินได้ในครั้งเดียวทุกร้านค้าด้วยระบบตะกร้าของตนเอง
5. ทุกครั้งของการชอปปิ้งออน์ไลน์ อย่าลืมมองหาส่วนลดพิเศษหรือสินค้าพิเศษเป็นอันขาด เพราะโดยทั่วไปแล้วเว็บไซต์ชอปปิ้งที่ครบวงจรต่างๆ มักจะมีออปชันพิเศษเสมอ ไม่ว่าจะเป็นสินค้าราคาประหยัด หรือแต้มสะสมพิเศษ ซึ่งจะช่วยให้การชอปออนไลน์ประหยัดได้มากกว่าการเดินชอปปิ้งทั่วไป
6. ตรวจสอบช่องทางในการชำระเงินก่อนเลือกสินค้า ว่าเว็บไซต์ดังกล่าวมีช่องทางการชำระเงินที่ผู้ซื้อชำระได้สะดวกหรือไม่ เพราะไม่อย่างนั้นแล้วอาจจะต้องเสียเวลาฟรีโดยที่ไม่สามารถเป็นเจ้าของสินค้าที่เลือกไว้ในตะกร้าแล้วได้ อีกหนึ่งอย่างที่สำคัญคือ อย่าลืมตรวจสอบให้แน่ใจก่อนชำระเงินว่าเว็บไซต์นั้นมีสัญลักษณ์องค์กรที่คุ้นตาและมีการป้องกันด้านความปลอดภัย เช่น สัญลักษณ์ใบรับรองความปลอดภัยจาก VeriSign เป็นต้น
7. นโยบายรับประกันการสั่งซื้อสินค้า (Buyer Protection) โดยมองหาร้านค้าที่มีนโยบายรับประกันจ่ายเงินคืนหากไม่ได้รับสินค้า ซึ่งวงเงินรับประกันจะมากหรือน้อยนั้นเรียกได้ว่าแตกต่างกันไปตามนโยบายของร้านค้าหรือห้างสรรพสินค้าออนไลน์แต่ละแห่ง แต่ถือว่าเป็นอีกหนึ่งปัจจัยสำคัญในการเลือกซื้อที่ควรใส่ใจเป็นพิเศษ เพราะนอกจากจะสร้างความมั่นใจว่าจะได้รับสินค้าแน่นอนทุกรายการสั่งซื้อแล้ว ยังสะท้อนให้เห็นถึงความใส่ใจที่ร้านค้ามีให้แก่นักชอปออนไลน์ด้วยเช่นกัน
8. ขอหลักฐานยืนยันการมีตัวตนของผู้ขาย หากซื้อสินค้าผ่านทาง Instagram หรือ Facebook, Social Network ควรจะขอ Facebook หรือ Social Network ของเจ้าของจริงๆ เพื่อยืนยันการมีตัวตนของผู้ขาย นอกเหนือจากบัญชีที่ผู้ขายใช้ขายของ รวมถึงลิงก์เว็บไซต์ที่เป็นทางการของร้านค้า เพราะจะทำให้การสั่งซื้อและชำระเงินสะดวกและปลอดภัยยิ่งขึ้น
Company Related Link :
TARAD.COM
ที่มา: manager.co.th
