ดีแอนด์บีพร้อมเปิดตัว ดันส์ นัมเบอร์ หลังเข้ามาให้บริการกว่า 10 ปีแต่ยังมีลูกค้าแค่ 1,000 ราย เผยการเป็นสมาชิกจะช่วยให้ผู้ส่งออกไทยมีตัวตนในเวทีการค้าโลก และจะช่วยให้สามารถตรวจสอบฐานข้อมูลของบริษัทที่จะเข้าไปลงทุนในต่างประเทศโดยเฉพาะในตลาดเออีซีได้ ชี้ปัจจุบันในตลาดเออีซีมีลูกค้าแล้วกว่า 40 ล้านราย จึงต้องการสร้างฐานข้อมูลให้กว้างขึ้น นายอีฟ บีเชอร์ ผู้จัดการประจำประเทศไทย บริษัท ดีแอนด์บี (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า ดีแอนด์บีเปิดตัว “ดันส์ นัมเบอร์” รหัสธุรกิจมาตรฐานโลกอย่างเป็นทางการในประเทศไทย หลังจากที่ได้เข้ามาให้บริการกว่า 10 ปีแล้ว เนื่องจากเห็นว่าธุรกิจในไทยกำลังจะก้าวไปสู่เขตการค้าเสรีอาเซียนหรือเออีซี โดยเฉพาะผู้ส่งออกที่ต้องการทราบข้อมูลของบริษัทที่จะเข้าไปลงทุนด้วย เนื่องจากดันส์ นัมเบอร์จะเป็นเลขทะเบียนที่บ่งบอกความมีตัวตนของบริษัทในประเทศนั้นๆ และสามารถนำหมายเลขดังกล่าวมาตรวจสอบในฐานข้อมูลออนไลน์เพื่อตรวจสอบรายละเอียดข้อมูลบริษัทในเชิงลึกได้อีกด้วย ปัจจุบันมีลูกค้าแล้ว 1,000 ราย
“ดันส์ นัมเบอร์” (D-U-N-S Numbers) ย่อมาจาก Data Universal Numbering System เป็นรหัสธุรกิจที่จัดทำโดย บริษัท ดันแอนด์แบรดสตรีท จำกัด จากสหรัฐอเมริกา ที่ดำเนินการมานานกว่า 170 ปี ปัจจุบันมีข้อมูลองค์กรธุรกิจไว้มากกว่า 225 ล้านแห่ง และครอบคลุม 200 ประเทศทั่วโลก
“การเปิดตัวในครั้งนี้เนื่องจากมองว่าธุรกิจของไทยจำเป็นต้องเตรียมความพร้อมในการเข้าสู่เออีซี และประเทศไทยยังมีดันส์ นัมเบอร์น้อยมาก เมื่อเทียบกับเออีซีทั้งหมดซึ่งมีอยู่กว่า 40 ล้านบริษัทแล้ว ดังนั้นการเข้ามาทำรหัสธุรกิจกับดีแอนด์บีในครั้งนี้จึงเหมาะสำหรับผู้ส่งออกไทยที่กำลังจะก้าวไปสู่เออีซี เพราะระบบเก็บข้อมูลนี้จะทำให้ผู้ส่งออกสามารถดูได้ว่าบริษัทที่จะเข้าไปลงทุนนั้นมีความน่าเชื่อถือหรือไม่เพียงใด รวมไปถึงยังเป็นเรื่องง่ายหากนักลงทุนต่างชาติสนใจที่จะเข้ามาลงทุน”
นายอีฟกล่าวต่อว่า การเปิดให้บริการ “ดันส์ นัมเบอร์” อยู่ภายใต้การบริหารงานของ บริษัท ดีแอนด์บี (ประเทศไทย) จำกัด บริษัทในเครือบิสิเนสออนไลน์ ซึ่งบริการนี้จะสามารถบอกได้ว่าบริษัทใดๆ มีสถานะความมั่นคงในด้านการเงิน ด้านการขาย และด้านพันธมิตรทางธุรกิจ มากน้อยเพียงใด ซึ่งจะช่วยลดความเสี่ยงในการดำเนินธุรกิจ รวมไปถึงช่วยยกระดับความน่าเชื่อถือของบริษัทสมาชิกในเวทีการค้าโลก ทำให้บริษัทเป็นที่รู้จักอย่างแพร่หลายในวงการธุรกิจ ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มลูกค้า ซัปพลายเออร์ รวมไปถึงเจ้าหนี้ และสร้างโอกาสทางธุรกิจเพื่อให้ได้ลูกค้าและคู่ค้าใหม่ๆ
“เราส่งข้อมูลให้กับผู้ส่งออกว่าบริษัทเหล่านั้นมีตัวตนจริงหรือเปล่า มีความน่าเชื่อถือ ซึ่งแม้ว่าไทยจะมีหมายเลขทะเบียนการค้าของกระทรวงพาณิชย์อยู่แล้ว แต่ของดันส์ นัมเบอร์ สามารถใช้ได้ทั่วโลก ด้วยเป็นมาตรฐาน โดยสมาชิกจะสามารถตรวจสอบข้อมูลด้วยระบบ “DUNSRight” ซึ่งจะดูข้อมูลได้จากทั่วโลก สามารถติดตามและตรวจสอบบริษัทที่จะเข้าไปลงทุนได้ รวมไปถึงยังง่ายต่อการติดตามและตรวจสอบบริษัทนั้น สามารถนำบริษัทต่างๆ ในฐานข้อมูลมาเชื่อมโยงความสัมพันธ์ระหว่างบริษัท”
ดันส์ นัมเบอร์ ถือเป็นตัวชี้วัดความเสี่ยงของบริษัทนั้นๆ หรือเรียกได้ว่าเป็นดัชนีที่จะระบุตัวตนธุรกิจของบริษัทต่างๆ และใช้เป็นช่องทางในการเข้าถึงการวิเคราะห์ข้อมูลเชิงลึกในการตัดสินใจเกี่ยวกับธุรกิจต่างๆ ได้เป็นอย่างดี เหมาะสำหรับบริษัทที่ต้องการขยายไปยังต่างประเทศ ซึ่งมักจะไม่มีข้อมูลเกี่ยวกับบริษัทในท้องถิ่นหรือประเทศนั้นๆ ทำให้ไม่ทราบถึงสถานะความน่าเชื่อถือของบริษัทนั้น ไม่ว่าจะเป็นเรื่องสถานะการเงิน การทำธุรกิจ ความน่าเชื่อถือ หรือการเป็นที่ยอมรับในตลาดหรือไม่อย่างไร
“การใช้บริการดันส์ นัมเบอร์จะช่วยลดขั้นตอนยุ่งยากเหล่านี้ได้ดี โดยใช้ฐานข้อมูลออนไลน์เพื่อตรวจสอบความน่าเชื่อถือคู่ค้าและเข้าถึงข้อมูลเชิงลึกจากฐานข้อมูลออนไลน์ สามารถใช้ได้สะดวกเพียงล็อกอิน “ยูสเซอร์เนม” และ “พาสเวิร์ด” ผ่านระบบออนไลน์ ก็จะสามารถเข้าดูข้อมูลได้แบบเรียลไทม์”
สำหรับบริษัท ดีแอนด์บี (ประเทศไทย) จำกัด ได้เปิดให้บริการมากว่า 10 ปี อยู่ในเครือ บริษัท บิสิเนส ออนไลน์ จำกัด (มหาชน) หรือ BOL โดยตั้งเป้าที่จะเติบโตฐานลูกค้าใหม่อย่างน้อย 25% ต่อปี ด้วยกลยุทธ์ในการรักษาฐานลูกค้าเดิมให้ได้ 90% พร้อมกับพยายามเพิ่มฐานลูกค้าใหม่ ซึ่งในปัจจุบันองค์กรธุรกิจระดับชั้นนำให้ความไว้วางใจเป็นลูกค้ามากกว่า 1,000 ราย
Company Relate Link :
D&B
ที่มา: manager.co.th
